ตอนที่ 1557 อยู่ต่อ
ไป๋จิ่นจื้อจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไรกัน เมื่อได้ยินซือหม่าผิงถามเช่นนี้สมองของนางก็ขาวโพลน นางถามชายหนุ่มกลับไปว่า “ซือหม่าผิง เจ้าคงไม่ได้ชอบข้าจริงๆ หรอกใช่หรือไม่”
ปรากฏว่าซือหม่าผิงทำเพียงยิ้มน้อยๆ ไป๋จิ่นจื้อจ้องซือหม่าผิงอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นวิ่งหนีไปราวกับเห็นผีทันที
ไป๋จิ่นจื้อได้สติจึงขมวดคิ้วยุ่ง จากนั้นแสร้งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พี่หญิงใหญ่ หลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงล้วนเป็นคนดี ทว่า ข้าเห็นพวกเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น! ที่สำคัญข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าหากใต้หล้ายังไม่รวมเป็นหนึ่งข้าไม่มีวันแต่งงานเด็ดขาดเจ้าค่ะ!”
“คำกล่าวนี้ดูไม่น่ามาจากเจ้าได้ พี่ชายสามหรือพี่ชายห้าของเจ้ากล่าวออกมาเพื่อบ่ายเบี่ยงการแต่งงานใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากเบาๆ
“ปิดบังพี่หญิงใหญ่ไม่ได้สักเรื่องเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อยิ้มประจบพี่สาว จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจ “พี่ชายสามกล่าวเช่นนี้กับท่านอาสะใภ้ห้าจนท่านอาสะใภ้ห้าหาคำมาขัดเขาไม่ได้ ทว่า ข้าได้ยินตี๋หมัวมัวกล่าวว่าท่านอาสะใภ้ห้าไม่สนใจพี่ชายสามอยู่หลายวันเลยเจ้าค่ะ! ข้าจึงกล่าวกับท่านแม่ของข้าเช่นนี้บ้าง ทว่า ท่านแม่ไม่ได้ไม่สนใจข้าแต่กลับบิดหูข้าจนแทบขาดเจ้าค่ะ”
เมื่อนึกถึงท่าทีโมโหของท่านอาสะใภ้สามไป๋ชิงเหยียนจึงหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่อยู่
“พวกเจ้าล้วนโตกันหมดแล้ว เมื่อกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ควรคิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว! เจ้าก็เหมือนกัน” ไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋จิ่นจื้อเตรียมกล่าวสิ่งใดออกมาอีกจึงยกมือปลอบไม่ให้นางร้อนใจ “พี่จะไม่บีบให้เจ้ารีบร้อนแต่งงาน เจ้ายังนิสัยเหมือนเด็กอยู่ ตัวเองยังไม่โตยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่งงาน ทว่า หากเจ้ามีบุรุษที่ชอบก็ห้ามปิดบังพี่เด็ดขาด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเช่นไร ขอเพียงเขาเป็นคนที่เจ้าชอบ มีคุณธรรมและเคารพให้เกียรติเจ้า พี่จะช่วยเจ้าเกลี้ยกล่อมท่านอาสะใภ้สามแน่นอน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างลำเอียงไปทางซือหม่าผิง
บิดาของซือหม่าผิงลาออกจากตำแหน่งไปดูแลมารดาของตัวเองที่ถูกเนรเทศ ซือหม่าผิงไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพ ตระกูลของเขาต่ำศักดิ์กว่าไป๋จิ่นจื้ออยู่บ้าง ทว่า ซือหม่าผิงรักพวกพ้อง อีกทั้งเคยคิดหลีกทางให้หลู่หยวนเผิงกับไป๋จิ่นจื้อ นั่นคือการดูแลที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนมองอยู่ตลอดเวลา
หากไป๋จิ่นจื้อได้แต่งงานกับซือหม่าผิงไป๋ชิงเหยียนคิดว่าสองคนนี้สามารถเติมเต็มกันได้ ทว่า ท่านอาสะใภ้สามอาจไม่คิดว่าซือหม่าผิงดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลซือหม่าเคยทำเรื่องย่ำแย่กับเซียงเสียจวิ้นจูมาก่อน นี่คือการอบรมเลี้ยงดูของตระกูล ท่านอาสะใภ้สามที่เป็นคนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีผู้นั้นต้องดูถูกตระกูลซือหม่าแน่นอน
ทว่า ขอเพียงเสี่ยวซื่อชอบ ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าแค่มองที่ตัวซือหม่าผิงก็เพียงพอแล้ว
“พี่หญิงใหญ่! ไว้ถึงเวลานั้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ พวกเรามาปรึกษากันก่อนดีกว่าว่าจะเดินทางกลับบ้านเมื่อใด สี่เล่อกับคังเล่อรอท่านแม่ของเขากลับบ้านทุกวันเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อได้แต่ลอบขอให้พี่หญิงใหญ่เลิกเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของนางอยู่ในใจ “พวกเราจะอยู่ที่เมืองเปี้ยนจิงกี่วันเจ้าคะ ตอนที่ข้าจากมาพี่ชุนเถาขอร้องให้ข้าพานางมาด้วย หากไม่ใช่เพราะข้าหนีมาเร็ว พี่ชุนเถาต้องเก็บสัมภาระตามข้ามาด้วยแน่นอนเจ้าค่ะ”
นางไปทำสงครามชุนเถาจึงไม่สามารถตามมาด้วยได้ ต่อมาชุนเถาได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ของนางเดินทางไปยังต้าเยี่ยนที่กำลังมีโรคระบาดจึงตกใจจนแทบสติหลุดลอย นางและถงหมัวมัวได้แต่คุกเข่าภาวนาขอพรต่อพระให้คุณหนูใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย
เมื่อได้ยินว่าไป๋จิ่นจื้อจะนำเสบียงไปส่งที่ต้าเยี่ยนชุนเถาจึงไปขอร้องไป๋จิ่นจื้อ ขอให้ไป๋จิ่นจื้อพานางไปหาคุณหนูใหญ่ด้วย บอกว่าหากไป๋จิ่นจื้ออนุญาตนางจะไปขอร้องฮูหยินต่งเดี๋ยวนี้
ไป๋จิ่นจื้อถูกชุนเถาตามตอแยจนไม่รู้จะทำเช่นไรดี นางจึงแสร้งทำเป็นรับคำชุนเถา หลอกให้ชุนเถาไปขอร้องต่งซื่อ จากนั้นถือโอกาสหนีไปทันที
เมื่อได้ยินไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถึงชุนเถาไป๋ชิงเหยียนจึงนึกถึงใบหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตาตอนนางจากมาของชุนเถาขึ้นมา ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม ไป๋ชิงเหยียนคำนวณเวลาและนึกถึงคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนที่บอกว่าพวกนางอาจได้พบกันอีกครั้งที่เมืองเส่อชวี จากนั้นกล่าวขึ้น “ออกเดินทางวันพรุ่งนี้…”
ไป๋ชิงเหยียนคิดถึงลูกน้อยทั้งสองของตัวเองเช่นเดียวกัน แม้มีมารดาคอยดูแลลูกทั้งสองทำให้นางไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก ทว่า นางคิดถึงแก้มขาวตุ้ยนุ้ยของลูกทั้งสองจึงอยากบีบเล่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางคิดถึงกลิ่นหอมจากร่างของลูกน้อยทั้งสองเต็มแก่แล้ว
“เจ้าค่ะ ข้าจะให้ใต้เท้าหลิ่วและหลู่หยวนเผิงเตรียมตัวเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวยิ้มๆ
“ทานอาหารให้เสร็จก่อน เจ้ากำลังโต กินให้เยอะๆ…” ไป๋ชิงเหยียนคีบอาหารให้ไป๋จิ่นจื้ออีก “อีกไม่นานก็จะได้กลับบ้านแล้ว”
ตอนที่พี่หญิงใหญ่ไม่อยู่เมืองหลวงไป๋จิ่นจื้อปวดหัวกับคำบ่นของมารดามาก หากพี่หญิงใหญ่กลับไปเมืองหลวงนางสามารถหลบมารดาเข้าไปอยู่ในวังกับพี่หญิงใหญ่ได้ ไป๋จิ่นจื้อคิดได้ดั่งนี้ก็อยากรีบกลับบ้าน ต้าเยี่ยนไม่มีสงครามให้ทำ ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกว่าที่ใดก็ไม่สบายเท่าที่บ้านของตัวเอง
เมื่อไป๋จิ่นจื้อทานอาหารกับไป๋ชิงเหยียนเสร็จจึงออกไปบอกเรื่องการเดินทางกับหลิ่วผิงเกาและหลู่หยวนเผิง
หลิ่วผิงเกากล่าวด้วยความกังวล “เมื่อครู่ได้ยินทางการของเมืองเปี้ยนจิงกล่าวว่าเมื่อปีก่อนๆ หากหิมะตกโปรยปรายลงมาเช่นนี้ อีกไม่นานคงมีพายุหิมะพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าพรุ่งนี้เช้าพวกเราอาจออกเดินทางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ทว่า พวกเราเตรียมพร้อมไว้ก่อนได้ กระหม่อมแค่ทูลให้เตรียมทำใจว่าพวกเราอาจต้องอยู่ที่เปี้ยนจิงต่ออีกสักพักพ่ะย่ะค่ะ”
“หากหิมะตกหนักขึ้นมาจริงๆ พวกเราต้องติดอยู่ที่นี่อย่างน้อยอีกครึ่งเดือนแน่ๆ ไม่ได้…” ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแน่น “หลานสาวและหลานชายของข้ารอพี่หญิงใหญ่กลับไปอยู่ที่เมืองหลวงนะ”
ทว่า หากสวรรค์บันดาลหิมะลงมา ผู้ใดก็ห้ามไม่ได้ทั้งสิ้น
ไป๋จิ่นจื้อบ่นออกมาว่าน่าหงุดหงิดใจ จากนั้นถือพุทราจีนและถั่วลิสงกลับเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
ที่ไป๋จิ่นจื้อยากกลับบ้านโดยเร็วในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะหลานชายและหลานสาวของนางเพียงอย่างเดียว ความจริงนางรู้สึกใจไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกันแน่ นางรู้สึกว่าควรรีบเดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุดเพื่อความสบายใจ
เตาผิงในห้องกำลังลุกโชน ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงสีเหลืองขมิ้นอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงไฟ เปลวไฟถูกลมแรงด้านนอกพัดจนปลิวไหวไปมา
ไป๋จิ่นจื้อนั่งติดกับร่างของพี่สาวพลางยัดถั่วลิสงในมือเข้าปากราวกับหนู เมื่อทานจนคอแห้งไป๋ชิงเหยียนก็จะส่งน้ำให้นางดื่มกลั้วคอ ไป๋จิ่นจื้อมองไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นหิมะเริ่มตกแรงขึ้นนางจึงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดและแกะถั่วลิสงทานต่อ
นี่เป็นวันที่ว่างที่สุดของไป๋ชิงเหยียนนับตั้งแต่นางเดินทางเข้ามายังแคว้นต้าเยี่ยน ตอนนี้ควบคุมโรคระบาดในแต่ละเมืองได้แล้ว เสิ่นเทียนจือจัดการอย่างเด็ดขาด อีกทั้งมีเซวียเหรินอี้คอยช่วยเหลือ ประกอบกับได้รับยาสมุนไพรและเสบียงจากราชสำนักต้าโจว ชาวบ้านต้าเยี่ยนในเขตการปกครองของต้าโจวจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าชาวบ้านของต้าเยี่ยน