รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1049 กลับไปทำงานเก่า คู่หูที่คุ้นเคย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1049 กลับไปทำงานเก่า คู่หูที่คุ้นเคย!

“ศึกใหญ่ครั้งใหม่เริ่มส่อเค้าแล้ว ด้านดินแดนใหม่ส่งคนมาที่นี่ไม่หยุดหย่อน…”

เมิ่งจีเล่าทุกอย่างให้ฟัง ก่อนหน้านี้เรื่องของดินแดนใหม่ไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่ได้แจ่มแจ้ง ทุกคนรู้เพียงคร่าว ๆ เท่านั้น

ทว่าบัดนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจดินแดนใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ดินแดนใหม่ทึกทักเอาเองว่าเป็นดินแดนที่แท้จริง อ้างว่าพวกเขาคือโลกมายา ถูกสร้างโดยเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่

“เห็นพวกเราเป็นภาพมายา ไม่เพียงแต่เลี้ยงศพในโลกของเรา ซ้ำยังเห็นดินแดนของเราเป็นสถานที่เคี่ยวกรำ ปล่อยให้บุตรแห่งสวรรค์ดินแดนใหม่เข่นฆ่าคนของเราตามอำเภอใจเป็นการขัดเกลา?”

ใบหน้าสุนัขดำอึมครึม พวกระยำดินแดนใหม่ จิตใจสามานย์ยิ่งนัก!

มันโมโหจริง ๆ ดินแดนใหม่ส่งศพบรรพจารย์ดินแดนใหม่มายังดินแดนพวกเขาเพื่อชุบชีวิตมีหรือจะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา

เป็นไปได้อย่างไร!

บางทีผลกระทบอาจไม่ได้แสดงออกมาตรง ๆ ค่อนข้างเป็นนัย ทว่าผลกระทบนี้มีอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ซ้ำยังมีผลกระทบใหญ่หลวงด้วย!

ศพเหล่านั้นไม่ได้ธรรมดาสักร่าง การจะฟื้นคืนจากความตายง่ายที่ไหน

พลังที่ต้องใช้ย่อมเกินจินตนาการ!

และพลังเหล่านี้ล้วนเกิดจากปฐพีของพวกเขา พวกเขาต้องได้รับผลกระทบด้วยเป็นธรรมดา!

บัดนี้พวกเขายังไม่รู้สึก บางทีอาจเกี่ยวข้องกับขอบเขตที่ยังต่ำอยู่ของพวกเขา ทันทีที่พวกเขาบรรลุขอบเขตสูงส่งอย่างแท้จริง ผลกระทบเช่นนี้ย่อมต้องสำแดงออกมา!

เปรียบเสมือนยามฝนฟ้าคะนองเหนือผืนฟ้า ผู้คนข้างใต้ไม่ทราบ มีเพียงผู้ที่อยู่บนที่สูงถึงรู้ เพราะฝนยังไม่สาดลงมา!

“กล้ามาพวกเขาจะไม่มีชีวิตกลับไป!”

นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยเสียงเคียดแค้น

โดยเฉพาะเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ดินแดนใหม่ที่ว่า!

คนผู้เดียวก็สังหารสิ่งมีชีวิตไปถึงอาณาจักรสองอาณาจักร สวรรค์ ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!

ตงฟางเวิ่น จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง สือเฟิง และประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่างมีโทสะ

หากอยู่กันอย่างสันติ ต่อให้ดินแดนใหม่หาว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตมายาก็ไม่เป็นไร พวกเขายังคงยินดีต้อนรับการมาเยือนและแลกเปลี่ยนของสิ่งมีชีวิตมายา

ทว่าฝ่ายดินแดนใหม่ไร้ซึ่งความคิดปรองดอง ทันทีที่มาถึงก็ก่อกรรมทำเข็ญไปทั่ว จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร ไม่มีทางทนแน่นอน!

“ข้าสงสัยว่าทุกการวางหมากของคุณชายอาจเกี่ยวข้องกับดินแดนใหม่ บางทีศัตรูที่คุณชายต้องการจัดการอยู่ที่ดินแดนใหม่!”

เมิ่งจีบอกการคาดเดาของตน ให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่ที่แท้จริง ทันทีที่ศัตรูของคุณชายปรากฏ สงครามใหญ่เกินจินตนาการจะต้องอุบัติแน่นอน!

เขากล่าวต่อ พวกเขาอาจต้องเป็นกองหน้ารับมือศัตรูที่คุณชายอยากจัดการ และถูกหมายหัวก่อนผู้อื่น หวังว่าพวกเขาจะเตรียมใจเอาไว้!

เตรียมใจพลีชีพ!

“คุณชายคือกองหลังของเรา พวกเราต่างเชื่อใจคุณชายเป็นที่สุด! ทว่าพวกเรายังต้องเตรียมใจพลีชีพ ถึงอย่างไรศัตรูระดับนั้นก็ไม่ธรรมดา แม้แต่คุณชายยังต้องวางแผนให้ดี!”

เขาเอ่ยเสียงเข้ม

“กลัวอะไร ข้าไม่กลัว พร้อมชักดาบคนแรก!”

สุนัขดำเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ให้ศัตรูเหล่านั้นหมายหัวข้าก่อนแล้วกัน ลงมือกับข้าก่อนเลย!”

“เจ้าสุนัข เจ้ายังไม่กลัว ท่านนักพรตผู้นี้ยิ่งไม่กลัว!”

นักพรตอู๋เหลียงตบหน้าอกพลางกล่าว “เจ้าชักดาบคนแรก ข้าชักกระบี่คนแรก เช่นนั้นสองเกลอ คนกับหมาอย่างเราจะถล่มพวกเขาจนย่อยยับ!”

หลังสุนัขดำได้ยินคำว่าสองเกลอคนกับหมาที่นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยก็ไม่พอใจทันที

“สองเกลอคนกับหมาหมายความว่าอย่างไร เหตุใดเจ้าถึงอยู่หน้าข้า ไม่ได้ คู่หูของเราต้องมีชื่อว่าสองเกลอหมากับคน!”

สุนัขดำแยกเขี้ยวพลางเอ่ย

ไม่ว่าเรื่องอะไร มันต้องอยู่เหนือนักพรตอู๋เหลียงทั้งนั้น

“ข้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง หากไม่ได้คุณชาย บัดนี้ข้ามีตัวตนที่ไหน เป็นเพียงคนไร้ความสามารถที่ไม่อาจก้าวหน้าในการฝึกตน!”

สือเฟิงปริปาก “ไม่ว่าศัตรูคือผู้ใด ข้าก็ยินดีเป็นทหารกองหน้าของคุณชาย!”

“คุณชายมอบชีวิตใหม่ให้ข้า ช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากการควบคุมของสังสารวัฏ ข้าไม่เพียงแต่จะเป็นทหารกองหน้า แต่ข้าจะเป็นทหารที่แทรกซึมเข้าไปด้วย!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคลี่ยิ้ม “เดิมคิดว่าหลังจบเรื่องความมืดมิดข้าคงไม่ได้เป็นไส้ศึกอีกแล้ว บัดนี้ดูแล้ว ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!”

“ชีวิตไส้ศึกก่อนหน้านี้เป็นเพียงการซักซ้อมอุ่นเครื่อง ชีวิตไส้ศึกที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นในดินแดนใหม่!”

เขาตัดสินใจกลับไปทำงานเก่า มุ่งหน้าไปเป็นไส้ศึกที่ดินแดนใหม่เพื่อสืบข่าว

“ระวังตัวด้วย ไส้ศึกในคราวนี้ใช่ว่าเป็นได้ง่าย ๆ!”

เมิ่งจีหันมองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง “ศัตรูเหล่านั้นน่าพรั่นพรึงเหลือแสน ไม่ใช่พวกดาษดื่น ข้ากลัวว่าทันทีที่เจ้าไปจะถูกเปิดโปงเลย”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตบตาศัตรูของคุณชายได้หรือ

เขารู้สึกว่ายาก!

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นศัตรูที่แม้แต่คุณชายยังต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด!

“ไม่ง่ายจริง ๆ ทว่าด้านดินแดนใหม่จำต้องมีคนของเราอยู่ด้วย”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าว “วางใจเถิด ข้าจะระมัดระวัง ปรับตัวตามสถานการณ์ ข้าจะเริ่มจากการเป็นเพียง ‘คนผ่านทาง’ ไร้จุดเด่นในดินแดนใหม่ แล้วค่อยไต่เต้าเรื่อย ๆ นี่ต้องมีโอกาสแน่!”

เขาอธิบาย ต่อให้ไปเป็น ‘คนผ่านทาง’ ที่ดินแดนใหม่ก็น่าจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาได้บ้าง

ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็มีข้อมูลของดินแดนใหม่น้อยเกินไป มีคนฝ่ายตนเองเข้าร่วมฝ่ายนั้นย่อมดีกว่ามาก

“เจ้า…ระวังตัวด้วย!”

เมิ่งจีพยักหน้า รู้ว่าหากมีคนของพวกเขาอยู่ฝ่ายดินแดนใหม่ย่อมช่วยพวกเขาได้มาก

นอกจากนี้ เขายังเชื่อในตัวจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเปี่ยมประสบการณ์และเคล็ดลับในด้านการเป็นไส้ศึก ยามไปถึงดินแดนใหม่ ใช่ว่าจะไม่เจอโอกาสเหมาะสม

บางทีจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอาจล้วงข้อมูลมาได้มากกว่านี้โดยไม่ถูกจับได้จริง ๆ!

“ข้าไปเตรียมตัวหน่อย แล้วจะเดินทางไปยังดินแดนใหม่!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ย

เขาบอกลาพวกเมิ่งจีและกลับไปก่อน

เพราะต้องไปเตรียมตัว

แน่นอนว่าไปดินแดนใหม่คราวนี้จะขาดเจ้าหลวงไปไม่ได้

ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าเจ้าหลวงมีประโยชน์จึงไม่ได้ฆ่าเจ้าหลวง ขังเจ้าหลวงไว้ที่เขาหลิงซาน

คราวนี้เจ้าหลวงมีที่ให้สำแดงฝีมือแล้ว

เขาตั้งใจพาเจ้าหลวงไปยังดินแดนใหม่ ให้เจ้าหลวงสร้างความอัปมงคลไปทั่วดินแดนใหม่ เจ้าหลวงผู้สันทัดการ ‘ข่มดวง’ เช่นนี้ ไม่พาไปสร้างความอัปมงคลในดินแดนใหม่นับว่าน่าเสียดายของยิ่ง!

คิดมาถึงนี่ เขาก็ตรงไปยังเขาหลิงซาน ที่ซึ่งกุมขังเจ้าหลวง

“พี่ใหญ่ ท่านมาแล้วหรือ!”

หลังเจ้าหลวงเห็นจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่าให้พูดเลยว่าดีใจแค่ไหน เอ่ยปากเรียกพี่ใหญ่อย่างสนิทสนมทันที

หลังคำว่าพี่ใหญ่หลุดออกไป จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ผวาจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

เขาสะดุ้งสุดตัว รู้สึกเหมือนความอัปมงคลได้จุติลงมาหาเขาแล้ว!

“ไสหัวไปเสีย ผู้ใดเป็นพี่ใหญ่ของเจ้ากัน ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า เข้าใจหรือไม่?!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถลึงตาใส่เจ้าหลวงอย่างโกรธเคือง เอ่ยด้วยท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ขืนยังเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีก ข้าจะให้เจ้าตายเสียดีกว่าอยู่ เจ้าได้เห็นดีแน่!”

เหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผากเจ้าหลวง

หลังเขาได้พบจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ดีใจเกินไปหน่อย ลืมคำเตือนก่อนหน้านี้ของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจนสิ้น!

ในอดีต จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเคยเตือนเขาแล้วว่าไม่ให้เขาเรียกพี่ใหญ่

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

เจ้าหลวงพยักหน้าถี่ยิบ

จากนั้นก็ทำหน้าบึ้ง เอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์ “ว่ามาสิเจ้าคนระยำใจดำถึงขีดสุด คนสารเลวอย่างเจ้ามาหาข้าผู้นี้มีอะไร”

เขานึกในใจว่าคราวนี้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคงพึงใจแล้วกระมัง

เจ้าหลวงทำตามคำสั่งของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างแข็งขัน ไม่กล้าแสดงท่าทีสนิทกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแม้แต่น้อย

ทั้งคนสารเลว ทั้งคนระยำใจดำถึงขีดสุด ไม่ได้มีความสนิทสนมแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงน่าจะถึงใจยิ่ง

“ไอ้เวรนี่!”

หลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงได้ยินคำกล่าวของเจ้าหลวงก็หน้าดำคร่ำเครียด

ไอ้บัดซบนี่ เขาห้ามไม่ให้ทำตัวสนิทกับเขา แต่ไม่ได้ให้ด่าเขาแบบนี้!

เขาไม่ได้มีรสนิยมชมชอบการถูกด่า!

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงรู้สึกว่าเจ้าหลวงอาศัยโอกาสนี้จงใจด่าเขา!

“ไม่ได้การ!”

ยิ่งคิดยิ่งโมโห สุดท้ายทนไม่ไหวจริง ๆ ก้าวฉับไวไปหาเจ้าหลวง

“ไสหัวไปไกล ๆ เจ้าคนน่ารังเกียจ กลิ่นเหม็นหึ่งปานนี้ ออกห่างจากท่านผู้นี้เสีย!”

เจ้าหลวงตวาด

นึกในใจว่าคราวนี้เขาปฏิบัติได้เยี่ยมยอดแล้วใช่หรือไม่!

ทว่าลมหายใจต่อมาเขาก็ประสบเคราะห์ร้าย ถูกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกระหน่ำอัดมือเท้า!

“โอ๊ย เจ็บ ๆ ๆ!”

เขาร่ำไห้เสียงดัง ถูกเล่นงานจนดูไม่ได้

“เหตุใดท่านต้องอัดข้าด้วย! ข้าทำตามที่ท่านบอกอย่างเคร่งครัดแล้วไม่ใช่หรือ!”

เขาเอ่ยด้วยท่าทางเดือดดาล

สนิทก็ไม่ได้ ไม่สนิทก็ไม่ได้ เหตุใดจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถึงเอาใจยากเช่นนี้!

นี่ก็เพราะเขาสู้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่ได้ หากสู้ได้ ย่อมต้องถลกหนังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงออกมาแน่!

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงช่างระยำตำบอนสิ้นดี!

“เจ้าไม่มีสมองหรือไร ข้าสั่งให้เจ้าห้ามทำตัวสนิทสนมกับข้า แต่ไม่ได้ให้เจ้าด่าทอข้าเช่นนี้!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยิ่งคิดยิ่งโมโห ตีเจ้าหลวงแรงขึ้นเรื่อย ๆ!

“ขอบเขต รู้จักขอบเขตหรือไม่!”

เขาเอ่ยเสียงขุ่นเคือง!

“สมน้ำหน้า สมควรโดนจริง ๆ!”

อีกด้าน พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเห็นเจ้าหลวงถูกอัดอย่าให้พูดเลยว่ามีความสุขเพียงใด หัวเราะไม่หยุด

ผู้ใดใช้ให้ยามเขาอยู่ที่นี่กับเจ้าหลวง เจ้าหลวงเอาแต่ทรมานเขาอยู่เรื่อยเล่า พูดแต่สิ่งที่ไม่ควรพูด ไม่เอาแต่เอ่ยถึงวัว ก็เอาแต่เอ่ยถึงหมู ไม่ก็เอ่ยคำว่า ‘ร้อย!’

ที่สำคัญ เรื่องที่น่าโมโหที่สุดคือเจ้าหลวงยังตั้งฉายาให้เขาว่า…สุกรวัวร้อย!

นี่ไม่ต่างจากปักมีดลงกลางใจเขา ซ้ำหลังปักเสร็จยังสาดเกลือใส่อีกด้วย!

เรียกได้ว่าเขาเคียดแค้นเจ้าหลวงเข้ากระดูกดำ!

“เจ้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นหรือ”

เวลานั้น จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเบนสายตาไปที่พระเก้าประทีปพุทธเจ้า ก่อนจะเหวี่ยงเจ้าหลวงไปอีกด้าน

“บรรพชิตเปี่ยมเมตตา ทนเห็นผู้อื่นทนทุกข์ไม่ได้ ความทุกข์ที่ผู้อื่นประสบทรมานกว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตน เจ้ากลับหัวเราะเสียแช่มชื่น ดูท่าเจ้ายังห่างไกลจากการตรัสรู้ ยังอีกไกลกว่าจะทุกข์จนคิดได้!”

เขากล่าวต่อ “เอาเถิด ในเมื่อมาแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ตรัสรู้ ช่วยให้เจ้าขึ้นฝั่งได้โดยไว!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงปรี่มาหาพระเก้าประทีปพุทธเจ้า หิ้วเขาขึ้นมากระหน่ำอัดด้วย

เขารู้ภูมิหลังของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า เพราะเคยได้ยินต้าเต๋อเล่าให้ฟัง

พระเก้าประทีปพุทธเจ้าไร้ซึ่งความเมตตา เขานั้นจิตใจดี ขอช่วยสร้างจิตเมตตาให้พระเก้าประทีปพุทธเจ้าหน่อยแล้วกัน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท