บทที่ 1050 ลั่วสุ่ยกับเซี่ยเหยียน อยู่ในร่างแมวยังจะแก่งแย่งชิงดี!
พระเก้าประทีปพุทธเจ้าถูกเล่นงานอย่างอนาถา ไม่กล้าหัวเราะอีกต่อไป
สุดท้ายเจ้าหลวงก็ถูกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพาตัวไป
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพาเจ้าหลวงกลับไปยังฐานทัพใหญ่ เวลานั้นมีบุตรแห่งสวรรค์ดินแดนใหม่กลุ่มใหม่มาถึง ทว่าไม่ทันได้โผล่หน้าก็ถูกกำราบคุมขัง
“ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปตะลุยดินแดนใหม่!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงบอกกับเจ้าหลวง
“ดินแดนใหม่หรือ ที่ใดกัน”
เจ้าหลวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “ไม่ไปได้หรือไม่”
“เจ้าว่าอย่างไร?!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถลึงตาใส่เจ้าหลวงอย่างโกรธเกรี้ยว บอกลาพวกเมิ่งจีแล้วพาเจ้าหลวงก้าวขึ้นเส้นทางสู่ดินแดนใหม่
ส่วนพวกเมิ่งจียังอยู่ที่นี่ พิทักษ์ฐานทัพใหญ่ รอคอยการมาของบรรดาบุตรแห่งสวรรค์ดินแดนใหม่!
…
ภายในอาณาจักรแห่งหนึ่ง
พวกหลี่จิ่วเต้าเทียวไปอาณาจักรต่าง ๆ มามากมาย เขายังกลายมาเป็นหลี่เทียนซือ กำจัดศพโบราณไปได้ไม่น้อย เพื่อการนี้ เขาตั้งใจเย็บชุดนักพรตสีเหลืองดุจผลซิ่งและกระบี่ไม้ท้อ
ไว้ใช้ในยามกำจัดศพ
ท้องฟ้ายามราตรีเงียบสงัด ดวงดาวดารดาษ หลี่จิ่วเต้าอยู่หน้าผาแห่งหนึ่ง เชยชมผืนฟ้าพร่างพราวอันงดงาม
ชายหนุ่มนอนอยู่บนพื้นหญ้านุ่มสบาย แหงนมองท้องฟ้ารัตติกาล ได้อารมณ์สุนทรีย์ไปอีกแบบ
เมี้ยว~
เสียงแมวร้องดังขึ้น แมวน้อยสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งวิ่งมาอยู่ข้างกายเขา ก่อนจะกระโจนเข้าอ้อมอกของเขา
“ลั่วสุ่ย เจ้าทำอะไร!”
หลี่จิ่วเต้าระอาใจเป็นหนักหนา ผู้มาคือลั่วสุ่ย เขาจำได้ในปราดเดียว นางแปลงกายจากร่างมนุษย์เป็นร่างแมวอีกครั้ง
“ข้าคิดถึงอ้อมกอดของคุณชาย!”
ลั่วสุ่ยเอ่ยเสียงเง้างอด “ตั้งแต่จำแลงอยู่ในร่างมนุษย์ คุณชายก็ไม่เคยกอดข้าเลย หากเป็นเช่นนี้ไม่สู้ให้ข้าเป็นแมวน้อยสีขาวดั่งเก่า เช่นนี้ข้าถึงยังได้อยู่ในอ้อมอกคุณชาย มีคุณชายคอยกอด”
“ข้าไฉนเลยจะกล้ากอดร่างมนุษย์ของเจ้า!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงขมขื่น
ร่างมนุษย์ของลั่วสุ่ยอวบอิ่มเป็นที่สุด ขืนเขาคว้ามากอดต่อให้อัญเชิญพระผู้เป็นเจ้ามาไว้ในใจก็คงยากจะรักษาสติไว้ได้!
“เมี้ยว เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าขออยู่ในร่างแมวดีกว่า เทียบกับเรื่องอื่น ข้าชอบอยู่ในอ้อมกอดคุณชายมากกว่า”
ลั่วสุ่ยนอนอยู่ในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้าเงียบ ๆ พลางเอ่ยเสียงเบา
ในใจของนาง ไร้เทียมทานในใต้หล้า มีชัยไปทั่วสารทิศล้วนไม่สำคัญ แค่ได้อยู่ในอ้อมกอดคุณชายอย่างนี้ นางก็รู้สึกพอใจแล้ว
ต่อให้ไม่ได้ทำสิ่งใด แค่เพียงถูกหลี่จิ่วเต้ากอดไว้นางก็พอใจมากแล้ว
“เจ้าพอใจก็ดีแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าลูบหัวแมวของลั่วสุ่ยอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกนุ่มสบายคุ้นเคยส่งมาผ่านมือ
ลั่วสุ่ยอยู่ในร่างมนุษย์มานานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางกลับเป็นร่างแมวหลังก้าวสู่เส้นทางฝึกตน
เขายินดีกับความรู้สึกนี้มาก
ท้องฟ้ายามราตรีเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง หลี่จิ่วเต้ากอดลั่วสุ่ยและค่อย ๆ หลับไป
จนกระทั่งฟ้าสว่าง แสงแดดยามอรุณทาบทับ หลี่จิ่วเต้าถึงตื่นขึ้นมา
ลั่วสุ่ยยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา นอนหลับอย่างเปี่ยมสุข บางครั้งยังมีเสียงกรนเบา ๆ ดังออกมา
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ไม่ได้ยินเสียงกรนของแมวมานานแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งลั่วสุ่ยยังเป็นแมวน้อยสีขาว นางนอนหลับในอ้อมกอดเขาบ่อยครั้ง บางครั้งก็กรน บางครั้งยังกัดฟันอีกด้วย
ต่อมาหลังลั่วสุ่ยจำแลงร่างมนุษย์ ตัวเขาเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ ปีศาจรูปงามชวนหลงใหลเช่นนี้กลับกรนและกัดฟันยามหลับนอนด้วยหรือ นับว่าเหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง
เขาไม่ได้ขยับเขยื้อน เพราะกลัวจะรบกวนฝันหวานของลั่วสุ่ย ยังคงรักษาท่านอนไว้ไม่ไหวติง
ด้านรถลาก เซี่ยเหยียนลงจากรถลาก เหลือบมาเห็นลั่วสุ่ยนอนอยู่ในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้าก็พลันลอบกัดฟันพลางเอ่ยว่า “ต่ำช้านัก อาศัยร่างแมวเข้าใกล้คุณชาย!”
“หากเจ็บใจเจ้าเองก็ทำได้”
หลิงอินก้าวออกมา เอ่ยกับเซี่ยเหยียนด้วยรอยยิ้ม
“จริงด้วย ข้าก็ทำได้!”
เซี่ยเหยียนตาเป็นประกาย ท่าทางกระจ่างแจ้ง ตัวนางส่องแสงไม่หยุด กลายเป็นแมวสีเงินตัวหนึ่งวิ่งไปหาหลี่จิ่วเต้า
“คุณชาย ข้าก็อยากนอนในอ้อมกอดท่าน!”
นางวิ่งเข้าไปพลางเอ่ย
“เซี่ยเหยียน?”
สีหน้าหลี่จิ่วเต้าแปลกไป แต่เขาจำเซี่ยเหยียนได้จากเสียง
เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยแก่งแย่งชิงดีมาตั้งแต่ร่างมนุษย์ บัดนี้จะเริ่มแก่งแย่งชิงดีในร่างแมวอีก!
เขานึกตรอมตรม เป็นบุรุษเพศนี่ยากยิ่งนัก!
“ใช่แล้วคุณชาย!”
เซี่ยเหยียนซึ่งแปลงกายเป็นแมวสีเงินกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้า ทำท่าจะหมอบตัวลง
ทว่านางไม่ทันได้หมอบก็ถูกลั่วสุ่ยถีบออกไป!
ลั่วสุ่ยตื่นแล้ว!
“เซี่ยเหยียน เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่หันก้นใส่หัวข้า?!”
ลั่วสุ่ยหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทันทีที่ตื่นก็เห็นเซี่ยเหยียนจะหมอบตัวลงบนศีรษะของนาง
มองปราดเดียวก็ดูออกว่านี่คือร่างแมวที่เซี่ยเหยียนจำแลง พลังปราณของเซี่ยเหยียนเข้มข้นยิ่งนัก!
“ข้าเปล่า! อย่ามาใส่ร้ายข้า!”
เซี่ยเหยียนร้องอย่างไม่ยอม จากนั้นทำท่าจะล้างแค้นที่ถูกลั่วสุ่ยถีบ เข้าตระกองต่อสู้กับลั่วสุ่ย
“พวกเจ้าอย่าตีกันบนตัวข้า!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อุ้มทั้งลั่วสุ่ยและเซี่ยเหยียนลงมาให้พวกนางตีกันบนพื้น
ส่วนตัวเขายืนขึ้น บิดขี้เกียจอย่างสบายตัว เมื่อคืนนับว่าหลับฝันดีอย่างแท้จริง
จากนั้นก็เดินไปล้างหน้าล้างตาลวก ๆ ซ้อมมวยไทเก๊กชุดหนึ่งเป็นการออกกำลังกาย
ขณะเดียวกัน ณ สถานที่บางแห่งในอาณาจักรนี้ บนยอดเขาสูงชันเสียดชั้นเมฆา สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเดิมกำลังนั่งสมาธิ ฉับพลันนั้นเขาลืมตาที่เคยปิดสนิท
“นี่มันกฎวิถีอันใดกัน?!”
เขาตกตะลึง ม่านตาหรี่ลง เมื่อครู่เขาสัมผัสถึงกฎวิถีสูงส่งวิเศษมวลหนึ่ง สร้างความอึ้งงันให้เขาอย่างยิ่งยวด
“สิ่งมีชีวิตมายาควบคุมกฎวิถีเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?!”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม
“ไม่สิ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตมายา…โกหกมากไปจนตัวข้ายังเกือบหลงเชื่อเสียเอง!”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป หาไม่แล้วไม่มีทางเอ่ยคำว่าสิ่งมีชีวิตมายา
จริงอยู่ เขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป หากแต่คือปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้หนึ่งที่ตายไปแล้ว ถูกส่งมาที่นี่จนคืนชีพสำเร็จในที่สุด!
คำว่าสิ่งมีชีวิตมายาในตอนแรกเกิดจากจิตใต้สำนึก
เพราะเขากล่าวต่อสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่อยู่เสมอว่าดินแดนเก่าไม่มีอยู่อีกต่อไป ล่มสลายไปกับกาลเวลา ดินแดนเก่าในยามนี้เป็นเพียงโลกมายาเท่านั้น สิ่งมีชีวิตในนี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตมายา
ทว่าตัวเขารู้ดีว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโป้ปด
ดินแดนเก่าไม่เคยหายไป แต่ดำรงอยู่มาตลอด ส่วนสิ่งมีชีวิตในดินแดนเก่าก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตมายา ทว่าเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งมีตัวตนอยู่จริงกันทั้งหมด!
“ช่างเป็นกฎวิถีที่น่ากลัวยิ่งนัก ดินแดนเก่ามีสิ่งมีชีวิตน่าประหวั่นพรั่นพรึงระดับนี้ปรากฏแล้วหรือ”
เขาขมวดคิ้วมุ่น หัวใจหนักอึ้งเป็นพิเศษ
เขาผู้เป็นปรมาจารย์ดินแดนใหม่รู้เรื่องดินแดนเก่าเป็นอย่างดี ภายในดินแดนเก่าไม่ควรมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวขนาดนี้ดำรงอยู่
บัดนี้ เขากลับรู้สึกถึงกฎวิถีอันสยดสยองเช่นนี้ จะไม่ให้เขาหนักใจได้เช่นไร!
กฎวิถีสยดสยองนี้คล้ายกับกฎแห่งมวยบางอย่าง เกิดจากสิ่งมีชีวิตบางตนที่กำลังต่อยมวย!
“ขอบเขตไม่เป็นที่แน่ชัด อย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตคลุมฟ้าวรรณะสูง!”
เขาพึมพำเสียงเบา อารมณ์ไม่สู้จะเบิกบาน ดินแดนเก่ามีความลับสำคัญซ่อนไว้ ยิ่งมียอดฝีมือน่าพรั่นพรึงปรากฏก็ยิ่งง่ายต่อการเกิดเรื่อง
ดินแดนใหม่จับตามองดินแดนเก่ามากอยู่แล้ว หากมีสิ่งมีชีวิตที่ ‘เหนือพิสัย’ จะถูกเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ปลิดชีพ ไม่ยอมให้มีสิ่งมีชีวิต ‘เหนือพิสัย’ ปรากฏในดินแดนเก่า!
ในการนิยามของพวกเขา ขอบเขตคลุมฟ้าอยู่ในข่าย ‘เหนือพิสัย’ เพราะขอบเขตคลุมฟ้าแข็งแกร่งพอจะขุดคุ้ยความลับบางอย่างของดินแดนเก่าจนเจอ หรือกระทั่งสืบทราบถึงการดำรงอยู่ของดินแดนใหม่
เพราะอย่างนั้น เขาถึงคิดหาวิถีลบล้างสิ่งมีชีวิตคลุมฟ้าซึ่ง ‘เหนือพิสัย’ ในดินแดนเก่าเหล่านี้
“ด้านดินแดนใหม่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยหรือ”
เขาเอ่ยด้วยดวงตาวาวโรจน์ “ดินแดนใหม่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต ‘เหนือพิสัย’ ผู้นี้เลยหรือ”
สิ่งมีชีวิตผู้นี้ไม่ได้เพิ่งบรรลุขอบเขตคลุมฟ้าแน่นอน รู้ได้จากกฎแห่งมวยที่ถูกส่งออกมา
ตามปกติ สิ่งมีชีวิต ‘เหนือพิสัย’ เช่นนี้ต้องถูกปรมาจารย์ดินแดนใหม่หมายหัวทันทีที่บรรลุขอบเขตคลุมฟ้าและถูกกำจัด ไม่มีทางมีสิ่งมีชีวิตที่ตั้งตนอยู่ในขอบเขตคลุมฟ้ามานานเช่นนี้อยู่
ทว่าบัดนี้ สิ่งมีชีวิตผู้ที่เขาสัมผัสได้เห็นได้ชัดว่าตั้งตนอยู่ในขอบเขตคลุมฟ้ามานานแล้ว บ่งบอกว่าฝ่ายดินแดนใหม่อาจจะยังไม่ค้นพบสิ่งมีชีวิตผู้นี้
“ข้าเพิ่งคืนชีพ พลังยังไม่กลับคืน เดิมคิดว่ารอให้พลังคืนมาบ้างแล้วค่อยกลับดินแดนใหม่…บัดนี้ดูแล้ว ข้าไม่อาจกลับไปทั้งอย่างนี้!”
เขาพึมพำกับตนเอง “สิ่งมีชีวิตผู้นี้ ‘เหนือพิสัย’ มาตั้งนานยังไม่เคยถูกดินแดนใหม่ค้นพบ ดูท่าต้องไม่ธรรมดาแน่ มีวิชาบางอย่างที่เลี่ยงการจับตามองจากดินแดนใหม่ได้!”
เป็นผลให้เขารู้สึกว่าเขาไม่อาจกลับดินแดนใหม่ทั้งอย่างนี้ ควรต้องไปสืบสาวเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตผู้นี้ก่อน!
ถึงอย่างไรสิ่งมีชีวิตผู้นี้ ‘เหนือพิสัย’ มาได้ตั้งนานยังไม่ถูกพบตัว หากเขาคลาดไปแล้วกลับถึงดินแดนใหม่อาจไม่มีวันพบสิ่งมีชีวิตผู้นี้อีก
หากไม่พบสิ่งมีชีวิตผู้นี้ เป็นไปได้ว่าจะเกิดปัญหาใหญ่
ดินแดนเก่าคือแดนมาตุภูมิของผู้นั้น เกี่ยวข้องกับผู้นั้นอย่างเหนียวแน่น ความลับสำคัญซ่อนอยู่ในนี้นับคณา!
เรื่องนี้พอดูออกจากที่เขาคืนชีพกลับมาได้!
หากดินแดนเก่าธรรมดาดาษดื่น เขาไฉนเลยจะคืนชีพกลับมา
ไม่มีทางเลย!
ต้องรู้ว่ายอดฝีมือระดับเขาไม่มีทางตายง่าย ๆ และทันทีที่ตายจะเป็นการตายอย่างสมบูรณ์ แทบไม่มีโอกาสคืนชีพกลับมา!
ทว่าในดินแดนเก่าแห่งนี้ เขากลับได้ชีวิตคืนมา!
ซ้ำยังมีการวิวัฒนาจนแข็งแกร่งเหนืออดีต บรรลุขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้นไป!
และนี่คือความมหัศจรรย์ของดินแดนเก่า!
“อันที่จริง ความมหัศจรรย์อย่างแท้จริงไม่ใช่ดินแดนเก่า หากแต่เป็น…ผู้นั้น!”
เขารู้ดี ทราบถึงแก่นแท้ของดินแดนเก่า
ไม่ใช่ว่าดินแดนเก่าช่วยประสิทธิผลแก่ผู้นั้น หากแต่เป็นผู้นั้นที่ช่วยให้ดินแดนเก่าประสิทธิผล!
ที่ดินแดนเก่าวิเศษสูงส่งเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะผู้นั้นมาจากดินแดนเก่า!
หาไม่แล้ว ดินแดนเก่าไม่มีทางวิเศษปานนี้ได้เลย!
ผู้นั้นมอบความอัศจรรย์เช่นนี้แก่ดินแดนเก่า!
“อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเอ่ยถึง ซ้ำนี่ยังอยู่ในดินแดนเก่า!”
สีหน้าของเขาพลันขึงขัง ขจัดความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ควรบุ่มบ่ามกล่าวถึงหรือนึกถึงผู้นั้น ซ้ำยังอยู่ในดินแดนเก่า เขายิ่งไม่กล้ากล่าวถึงหรือนึกถึงมั่วซั่ว
มิฉะนั้นมีโอกาสเกิดเรื่องสูง!
“ต้องไป ไปดูว่าเจ้านั่นเป็นอย่างไร!”
เขาตัดสินใจไปตรวจสอบสิ่งมีชีวิตผู้นั้น