ตอนที่ 602 ไม่ราบรื่น
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็พยักหน้าทั้งคู่ ไม่มีการคัดค้าน
ถานอี้อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานอีกครั้ง เขานึกไม่ถึงว่าสาวน้อยตรงหน้าจะระวังตัวขนาดนี้ แต่ระวังเอาไว้ก็เป็นเรื่องดี เขาจึงยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก ส่วนเผิงเย่าหวู่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองหัวหน้าตัวเอง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ออกมาครั้งนี้ ฉินมู่หลานมากันสี่คน จึงไม่รู้สึกเบื่อ ขณะที่พูดคุยหัวเราะไปด้วยกันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และถานอี้ก็ได้ทราบถึงความสัมพันธ์ของหลายคนตรงหน้าด้วย เป็นแม่ แม่สามีและพี่สะใภ้ และสาวน้อยตรงหน้าก็เป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ ฟังจากที่พวกเธอพูด เธอก่อตั้งโรงงานเครื่องสำอางของเธอเองด้วย คนหนุ่มสาวทุกวันนี้ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน เก่งกาจมากจริง ๆ
จนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหาร ซูหว่านอี๋ก็ทักขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน พวกเราไปกินข้าวที่ห้องอาหารกันเถอะ”
“ค่ะ”
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว เย่าหวู่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองถานอี้แล้วกล่าวว่า “หัวหน้า พวกเราจะไปกินที่ห้องอาหาร หรือว่าจะไปซื้อมากินดี”
“นายไปซื้อข้าวกล่องมาเถอะ”
“ครับ”
เมื่อฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับมาหลังจากรับประทานอาหาร ถานอี้และเผิงเย่าหวู่ก็เพิ่งกินข้าวกล่องเสร็จ
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินมู่หลานจะปฏิเสธ แต่ถานอี้ก็นึกถึงเรื่องที่พวกเขาเคยพูดไปก่อนหน้านี้ จึงยยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “พวกคุณกินเสร็จกันแล้วเหรอครับ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือเห็นคนผู้นี้ยกยิ้มให้ ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง พลางกล่าวว่า “ใช่ค่ะ ทางห้องอาหารคนค่อนข้างเยอะ ถ้าพวกเรารู้ล่วงหน้าคงซื้อข้าวกล่องมากินที่นี่แทนค่ะ”
พูดจบ ก็พูดคุยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็อยากจะทราบตัวตนของถานอี้เหลือเกินว่ามีความสามารถในการตัดสินใจมากแค่ไหน
ถานอี้ได้ยินแบบนี้จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผมไม่ได้หลอกพวกคุณหรอกครับ ผมมีอำนาจในการตัดสินใจจริง ๆ แต่อยู่บนรถไฟก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ เอาไว้รอให้พวกคุณถึงไห่เฉิง พวกเราค่อยมาคุยกันให้เรียบร้อย ผมรู้สึกว่าเครื่องสำอางของพวกคุณคงจะดีมากจริง ๆ จึงสามารถนำไปวางขายในห้างสรรพสินค้าของเพื่อนบ้านได้”
พูดถึงเรื่องเครื่องสำอางมู่เสวี่ยขึ้นมา ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็รู้สึกภูมิใจมาก “ใช่ค่ะ เครื่องสำอางของพวกเราดีมากจริง ๆ”
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยังคงคุยกับหลายคนไปเรื่อย ๆ จึงมีชีวิตชีวาตลอดทาง
“ถ้าพวกคุณมีเรื่องอะไร ก็สามารถไปติดต่อผมได้โดยตรงเลยครับ”
“ค่ะ ขอบคุณท่านมากนะคะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็แยกย้ายจากพวกถานอี้
เฝ้ามองแผ่นหลังของหลายคนเดินจากไป เผิงเย่าหวู่ก็หันมองถานอี้แล้วกล่าวว่า “หัวหน้าครับ รถน่าจะมาถึงประตูข้างหน้าแล้ว พวกเราไปที่นั่นกันเลยเถอะครับ”
“ตกลง”
และฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ ก็ตรงไปยังที่พัก
“มู่หลาน หลังเก็บของแล้วพวกเราไปกินข้าวกันไหม?”
“ค่ะ พวกเราไปหาอะไรกินกันก่อน หลังจากกินเสร็จก็กลับมาพักผ่อนในที่พักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยหาวิธีไปติดต่อกับคนที่สำนักงานพาณิชย์กันค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน พวกเราจะไม่ติดต่อผ่านทางถานอี้โดยตรงเหรอ แม่ดูแล้วเขาดูกระตือรือร้นมากเลยนะ ก็เป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกัน”
“แม่คะ พวกเราต้องลองติดต่อคนอื่นในสำนักงานพาณิชย์ก่อน หากไม่ได้ผลจะไปติดต่อเขาก็คงไม่สายเกินไปหรอกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นหนูรู้สึกว่าเขากำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ไม่ได้บอกความจริงกับเราทุกเรื่อง”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็รีบกล่าว “มู่หลาน ลูกตัดสินใจก็ดีแล้วล่ะ”
เนื่องจากลูกสาวคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าอย่างนั้นก็คงมีปัญหาบางอย่างจริง ดังนั้นพวกหล่อนจึงไม่ควรด่วนติดต่อกับคนอย่างหุนหันพลันแล่น
หลายคนไปกินข้าวกันแล้ว จากนั้นก็มาพักผ่อนในที่พัก เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ไปเข้าพบกับบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในสำนักงานพาณิชย์ตามขั้นตอนปกติ
“พวกคุณอยากจะเปิดเคาน์เตอร์ขายเครื่องสำอางที่ห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้หรือครับ?”
จ้าวจินหลงมองผู้หญิงหลายคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย “พวกคุณเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ ห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้ไม่มีแผนจะจัดตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางนะครับ”