บทที่ 88 ถึงเวลาเจ้าแสดงแล้ว
ก็เพียงเท่านี้หากฮองเฮายังสงสัยอะไรก็รอจนหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของพระราชินีเสร็จสิ้นข้าก็จะตอบท่านด้วยตนเอง ท่านถามอย่างไม่จบไม่สิ้นข้าก็จะตอบอย่างไม่จบไม่สิ้น
นี่ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศใช่ไหม?
ดังนั้น ตอนนี้ก็ไม่รับการโต้แย้งใดๆ”
คนทั่วไปไม่กล้าพูดเช่นนี้กับฮองเฮาเพราะถึงอย่างไรฮองเฮาก็เป็นแม่ของแผ่นดินมีฐานะและอำนาจนับว่าสูง
แต่นาง หลานเยาเยา กล้าพูดขนาดนี้!
ถ้าฮองเฮายังไม่ยอมปล่อยพวกนางไปหล่ะก็ นี่จะเป็นการทำลายงานเลี้ยงที่พระราชินีจัดขึ้น นางอยากแกล้งให้พระราชินีทำไม่สำเร็จหรอ?
แม้หลานเยาเยาจะวาจาเฉียบคมแต่จากรอยยิ้มหวานๆที่อยู่บนหน้าก็มองความหมายที่พุ่งเป้าไปยังฮองเฮาไม่ออกเลยสักนิด
เหมือนกับมีก้อนฝ้ายก้อนนึงยัดเข้าไปในคอของฮองเฮา จะคายก็คายไม่ออกจะกลืนก็กลืนเข้าไปยาก
“ฮองเฮา น้ำชาในมือเจ้าใกล้จะเย็นหมดแล้วใช่ไหม? ข้าสั่งให้คนเอาแก้วใหม่มาให้”
ความหมายแฝงก็คือฮองเฮาพูดมากไปแล้วจนต้องใช้ชามาอุดปากนางไว้
แล้วคนที่นั่งอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดง จะไม่เข้าใจความหมายแฝงของพระราชินีได้อย่างไร?
ฮองเฮาเองก็ต้องเข้าใจ!
นางหน้าซีดไปชั่วขณะ รีบขอบคุณพระราชินีที่ประทานน้ำชาให้จากนั้นก็มองหลานเยาเยาตาเขม่น นัยน์ตาก็ฉายความดุดันโมโห
หลังจากนั้น พระราชินีก็โบกมือมาทางพวกนางสองคนอีกครั้งพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันทั่วไปของพวกนางแล้วก็มอบกำไลข้อมือให้แก่พวกนางคนละอัน
แต่ก็ทำให้เหล่าลูกสาวของขุนนางจำนวนมากที่นั่งอยู่ในโถงอิจฉาแทบตาย!
ครู่เดียว!
ฮ่องเต้เสด็จ กลุ่มนางสนมสองสามคนก็เดินตามเข้ามา เมื่อเห็นองค์หญิงจาวหยางไม่เป็นอะไรเขาก็ดีใจมากมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนาง
แต่ตอนที่เขาเห็นหลานเยาเยานัยน์ตาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นประกาย!
“ผู้นี้คือ……?”
มีหญิงงามเช่นนี้ปรากฏอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด? ทำไมเขาไม่เคยพบ?
“ฮ่องเต้ นางคือพระชายาของอ๋องเย่ที่เพิ่งแต่งงานเข้ามา——หลานเยาเยา!”
ผู้ที่ตอบเขาก็คือฮองเฮาที่พูดไม่ออกเมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นสีหน้าของฮ่องเต้นางก็รู้สึกขัดหูขัดตา
หลานเยาเยาก็คำนับอย่างเหมาะสม: “เคยพบฮ่องเต้!”
ได้ยินดังนั้น!
ฮ่องเต้ก็หันไปมองหลานเฉินมู๋ที่นั่งอยู่ในห้องโถงก็เห็นว่าเขามีสีหน้าแค้นเคืองแล้วก็เอาสายตากลับมามองหลานเยาเยาอีกครั้ง
“อ้อ~ที่แท้ก็เป็นน้องสะใภ้นี่เอง! ฮ่าฮ่าฮ่า น้องของข้านี่มีโชคจริงๆ มามามาให้ที่นั่งแก่องค์หญิงจาวหยางกับพระยาเย่หน่อย”
พวกเขาสองคนได้ที่นั่งของฮ่องเต้ก็ไม่มีอะไร
ถึงอย่างไร!
คนนึงคือเจ้าหญิงที่ฮ่องเต้โปรดปราน อีกคนนึงคือพระชายาของอ๋องเย่ที่มีอำนาจ
เป็นเรื่องแน่นอนที่จะได้รับเกียรติเช่นนี้
แต่ถ้าในสายตาของฮองเฮามันเหมือนกับมีเข็มแทงอยู่ในใจมองยังไงก็ไม่สบาย
งานเลี้ยงอีกครู่เดียวก็จะเริ่มแล้วแต่เย่แจ๋หยิ่งยังไม่มา
นี่ทำให้หลานเยาเยารู้สึกไม่แน่ใจ……
ถ้างานเลี้ยงธรรมดา เย่แจ๋หยิ่งก็คงไม่ให้นางมาร่วมงานคึกคักแบบนี้ แต่เขา
ในเมื่อเข้าวังมาแล้วแต่ทำไมไม่มาร่วมงานหล่ะ?
เขาไปไหนนะ?
ครู่เดียวก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว หลานเยาเยาก็รู้สึกเบื่อมาก
นอกจากดื่มชาพูดคุยแล้วก็มองนางระบำเต้นรำกับบรรดานักดนตรีบรรเลงเพลง แม้เหล่านางระบำเต้นได้อย่างสวยงาม นักดนตรีบรรเลงเพลงได้อย่างไพเราะประทับใจแต่พวกนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับยา,เงินหรืออาหารที่นางรัก นางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย!
ก็ไม่รู้ว่าเป็นความคิดใคร คุณหนูแต่ละตำหนักและบรรดาคุณชายก็เริ่มแสดงความสามารถ
บางคนก็หวังได้รับคำชื่นชมจากฮ่องเต้
ส่วนมากก็หวังว่าจะได้รับคำชมจากเพศตรงข้าม!
แล้วก็ยังมีบางจุดประสงค์ที่ยิ่งซับซ้อน!
แต่ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ไหน พวกเขาก็เอาด้านที่ดีที่สุดของตนเองแสดงออกมา
ในนั้น!
ในหมู่ผู้หญิง ทักษะการเต้นของฉินหลิงเจียว เสียงดนตรีของหลินเฟยหรันโดดเด่นที่สุดแต่ก็เอาชนะถังมู่หวั่นที่เดินสามก้าวก็สร้างบทกลอนที่ไพเราะ
ทำให้ทุกคนไม่เพียงแต่ชื่นชม!
ด้านผู้ชาย ในบรรดาคุณชายหกคนของคุณชายทั้งเจ็ดของเมืองหลวงมีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุด องค์ชายรัชทายาทโดดเด่นเรื่องรูปลักษณ์ เขียนพู่กันก็ออกมาได้สุดยอดเช่นกัน
แต่กลับสู้ภาพวาดทิวทัศน์ที่งดงามของเซียวซื่อจื่อที่แสนสุภาพไม่ได้
ด้วยอย่างนี้
ทุกคนก็ดันงานเลี้ยงนี้ไปถึงจุดที่สูงที่สุด
ณ ตอนนี้!
ก็มีสายตาไม่เป็นมิตรมองมาทางหลานเยาเยา แม้หลานเยาเยาจะไม่ได้มองที่เจ้านายแต่ไม่ต้องมองนางก็รู้ว่าใคร
เป็นอย่างนั้นจริงๆ!
คนคนนั้นเริ่มพูดแล้ว
“คุณหนูแต่ละตำหนักและบรรดาคุณชาย ด้วยจุ้นจู่และบรรดาโอรสต่างสร้างความสุขสนุกสนานให้กับงานเลี้ยงที่พระราชินีทรงจัดขึ้น ไม่ทราบว่าพระชายาเย่มีความสามารถพิเศษอะไรมาแสดงให้ทุกคนชมสักหน่อยหรือไม่?”
คนที่พูดก็คือฮองเฮาแม่ของแผ่นดิน
แต่ก่อนที่ยอมจำนนก็เพราะหลานเยาเยาใช้นามของพระราชินีปรามนางไว้
ตอนนี้นางก็จะใช้วิธีของคนอื่นมาทำให้ตนเองเช่นกัน!
หลานเยาเยาที่ถูกขีดว่าเป็นลูกสาวของเมียน้อย
แม่แท้ๆของนางตายนานแล้ว แต่ก่อนคนรับใช้ของจวนแม่ทัพ นิ่งซื่อปฏิบัติต่อนางอย่างทารุณ นางกลัวจนแม้แต่ข้าวก็กินไม่อิ่มแล้วจะให้นางไปเรียนรู้การเย็บปักและศิลปะทั้งสี่แขนงพวกนี้ได้อย่างไร?
ดังนั้นนางตั้งใจจะทำให้หลานเยาเยาขายหน้า
ทุกคนล้วนแสดงความสามารถ หลานเยาเยาจะยังหลบไปได้ไหม?
คำพูดของฮองเฮาออกมา!
ทุกคนก็หันไปทางหลานเยาเยา
แม้ทุกคนจะไม่ลืมว่ามีหลานเยาเยาอยู่แต่ก็จำเพียงหน้าตาที่สวยจนล่มเมืองสำหรับพรสวรรค์แล้ว……
นางมีพรสวรรค์ไหมนะ?
นางสามารถเย็บปักได้ก็ดีแล้ว
นี่ฮองเฮาตั้งใจทำให้นางขายหน้าหนิ!
แต่ว่า!
ข้อเสนอนี้ของฮองเฮาได้รับการสนับสนุนจากหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือคนที่อิจฉาในหน้าตาของหลานเยาเยาก็ล้วนปรบมือให้
หลานเยาเยาในฐานะพระชายาเย่ แน่นอนนอนว่าจะต้องเป็นตัวแทนหน้าตาของจวนอ๋องเย่ ถ้าหลานเยาเยาขายหน้าก็เท่ากับอ๋องเย่ขายหน้าด้วย
ตราบใดที่หลานเยาเยาขายหน้า
ทำให้อ๋องเย่ขายหน้า ถ้างั้นสิ่งที่รอนางอยู่ไม่ใช่เพียงแต่การหัวเราะเยาะของทุกคนแต่ยังมีการลงโทษของอ๋องเย่อีกด้วย!
“การแสดงของทุกคนเมื่อครู่นั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าก็จะมอบความสุขให้แก่ทุกคนแต่ข้าไม่มีความสามารถพรสวรรค์ไม่สามารถแสดงได้!”
น่าสนใจมั้ย?
นางแค่อยากจบงานเลี้ยงนี้ไวๆ กลับไปนับเงิน วิจัยยา กินขนมอะไรที่มันเรียบง่ายเท่านั้น
น่าเสียดาย……
“พระชายาเย่ถ่อมตัวไปแล้ว แม้จะไม่มีศิลปะสี่แขนง ก็ให้ทุกคนได้เห็นทักษะการเย็บปักของเจ้าเป็นอย่างไร?” ฮองเฮากดดัน
“เยาเยา ข้ารู้ว่าท่านแม่เจ้ามีฝีมือการเย็บปักขั้นสูง ข้าอยากจะเห็นทักษะการเย็บปักของท่านแม่ที่ส่งต่อมาให้เจ้าสักหน่อย”พระราชินีสงสัยเล็กน้อย
“น้องสะใภ้ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าเจ้าจะแสดงอะไร ข้าก็จะไม่ให้ใครหัวเราะเยาะเจ้า”ฮ่องเต้รอชมการแสดง
“……”
เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ อยากให้นางรีบแสดง รีบขายหน้า
โหลวเย่วที่นั่งอยู่ข้างๆนางก็ดึงแขนเสื้อนางไว้แล้วมองอย่างเป็นห่วง!
ไม่รู้ทำไม
เห็นๆอยู่ว่าทุกคนพูดกับเยาเยาอย่างอ่อนโยนแต่สิ่งที่นางได้ยินก็มีแต่ความลำบากใจ
ใบหน้าอ่อนโยนเป็นมิตรแต่ก่อนทำไมเปลี่ยนไปหมดแล้วหล่ะ?
มุมปากหลานเยาเยายกขึ้นแล้วส่งสัญญาณว่าไม่ต้องกังวล!
แน่นอนว่าที่ที่คนเยอะสายตาก็ต้องเยอะ!
นางค่อยๆลุกขึ้น ในห้องโถงก็สงบลงทันที
“ในเมื่อเช่นนั้น……”
เสียงของนางเพิ่งดังขึ้นก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงสูงของขันทีนอกห้องโถง: “อ๋องเย่เสด็จ!”
ทันทีที่อ๋องเย่ถึง!
ห้องโถงใหญ่ที่เงียบอยู่แล้วก็ยิ่งเงียบไม่มีเสียงเข้าไปใหญ่
อ๋องเย่ที่โหดเหี้ยม กระหายเลือดมาแล้ว……
ใครจะกล้าส่งเสียง?