หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 102 ตัวจริงของฮองเฮา

บทที่ 102 ตัวจริงของฮองเฮา

บทที่ 102 ตัวจริงของฮองเฮา

“คำนับพระชายาเย่!”

“ลุกขึ้นเถิด!”

มื่ออยู่ในพระราชวัง หลานเยาเยาต้องวางตัวให้เหมือนพระชายาเย่ หลังจากที่พวกเขาคำนับเสร็จ นางก็พูดขึ้นมาว่า

“พวกเจ้าไปรอที่ด้านนอกก่อน!”

“รับทราบ!”

นิสัยของจื่อซีถึงแม้จะเป็นคนเปิดเผย แต่สำหรับหมอที่มีวิชาสูงส่งย่อมมีนิสัยแปลกๆ ซึ่งจื่อซีก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เวลาที่เขารักษาอาการคนไข้นั้น ไม่ชอบให้คนมุงดูเยอะ

นิสัยนี้ของเขาเหล่าบรรดาหมอหลวงล้วนรู้ดี!

หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้วนั้น

จื่อซีจึงเข้าไปจับชีพจรดูอาการให้ไทเฮา

ส่วนหลานเยาเยานั้นไม่ได้เดินตามไปด้วย แต่สำรวจอาการภายนอกของไทเฮา

ดวงตาของไทเฮาปิดสนิท สีหน้าปรกติ หายใจปรกติ มีแต่หน้าผากที่มีเม็ดเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเม็ดเหงื่อจะไม่เยอะ แต่ถ้าสังเกตดีๆก็มองเห็นได้

น่าแปลก?

ถึงแม้สีหน้าของไทเฮาจะดูปกติดี แต่ดูจากร่างกายของนางแล้วมีอาการตรึงแน่นเล็กน้อย

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เวลานี้!

จื่อซีได้จับชีพจรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหมือนหาสาเหตุไม่เจอ

เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ให้นางลองเข้ามาจับชีพจรดูอีกที

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน

จากนั้นนั่งลงบนเตียงนอน เอามือจับไปที่ชีพจรของไทเฮา นางใช้ระบบสแกนช่วยไทเฮาตรวจสอบร่างกาย

จากนั้นได้บทสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว

หลานเยาเยาขมวดคิ้วแน่น ความคิดของนางเปลี่ยนไปในพริบตา

จื่อซีและหลานเยาเยาเดินออกมาจากด้านใน บรรดาหมอหลวงรีบกรูเข้าหาทันที

“คุณชายจื่อซี อาการของไทเฮาเป็นอย่างไงบ้าง?”หัวหน้าหมอหลวงของโรงหมอหลางรีบกรูเข้าไปถามเป็นคนแรก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ

ถึงแม้ว่าจื่อซีเป็นแค่องครักษ์ลับของอ๋องเย่ ไม่มีตำแหน่งอะไร เชื่อฟังเฉพราะคำสั่งของอ๋องเย่เท่านั้น

แต่เชื่อเสียงของเขาโด่งดัง วิชาการรักษาสูงส่ง คนทั่วไปนับถือเขาและเรียกเขาว่าคุณชาย

หัวหน้าหมอหลวงถึงแม้ว่าจะเป็นผู้มีตำแหน่ง แต่ท่านเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ท่านให้ความเคารพและเรียกจื่อซีว่าคุณชาย

จื่อซี่ไม่ได้ตอบ แต่กลับย้อนถามไปว่า:“พวกท่านทำทุกวิธีแล้วใช่หรือไม่ที่จะให้ไทเฮาตื่น แต่ไม่มีวิธีไหนที่ใช้ได้เลย?”

“ใช่แล้ว ชีพจรของไทเฮาปรกติดี อาการเหมือนคนที่ตกใจกลัวเท่านั้น ถ้าแปลกก็แปลกตรงที่ ไม่ว่าใช้ยาอะไรกระตุ้นก็เหมือนไม่มีผล”

ซึ่งมันน่าแปลกยิ่งนัก!

แต่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว อย่างน้อยไทเฮาก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต

แต่ทางด้านฮองเฮายิ่งยากลำบากเข้าไปอีก ถ้าหาสาเหตุอาการป่วยไม่เจอ เขาซึ่งเป็นถึงหัวหน้าหมอหลวงคงจะถึงคราวต้องโดนปลดให้พ้นจากตำแหน่งเป็นแน่

“ไม่ต้องเป็นกังวล ไทเฮาแค่สัมผัสด้านกลิ่นได้รับผลกระทบเท่านั้นเอง อีกสักพักก็จะฝืนขึ้นมาได้”

เมื่อจื่อซีพูดแบบนี้ บรรดาหมอหลวงที่อยู่ในนั้นทุกคนรู้สึกคลายกังวลขึ้นมาทันที

ผ่านไปสักพัก พวกเขาเข้าไปในห้องนอนของไทเฮาอีกครั้ง!

ซึ่งฮองเฮาในตอนนี้ได้เป็นลมไปแล้ว

พวกเขาใช้วิธีเดียวกัน โดยเรียกคนรับใช้ให้ออกไปรอข้างนอก จากนั้นหลานเยาเยาจึงได้เข้าไปตรวจจับชีพจร

อาการของฮองเฮา มีอยู่อาการหนึ่งที่เหมือนกับอาการของพระราชธิดาจาวหยาง ก็คือเวลาอาการกำเริบจะบ้าคลั่งเหมือนปีศาจ

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนอาการของพระราชธิดาจาวหยางคือ

เวลาที่อาการของพระราชธิดาจาวหยางกำเริบนั้น ควบคุมสติไม่ได้ เพียงแต่นางต้องการดูดเลือดอย่างเดียว

แต่สำหรับอาการของฮองเฮานั้นสติปรกติดีทุกอย่าง แค่ไม่สามารถควบคุมอาการบ้าคลั่งของตัวเองได้ แค่ฆ่าคนไม่ดูดเลือด มิหนำวิธีการโหดเหี้ยมมาก

ฟังจากสาวรับใช้ในวังของฮองเฮาเล่าว่า

เวลาที่อาการของฮองเฮากำเริบ มีสาวรับใช้ในพระราชวังอยู่สี่คน

มีอยู่สองคนโดนฮองเฮาใช้เล็บที่แหลมคม ค่อยๆแทงที่ละนิดทีละนิดจนพวกเขาตาย ;อีกสองคนโดนแทงที่ลำคอ รอจนพวกเขาเลือดไหลเป็นทาง ฮองเฮาถึงจะหักคอของพวกนาง

ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตายแบบไหน

ล้วนแต่โหดร้าย อีกทั้งเหมือนเขาจะมีความสุขเมื่อเห็นวิธีการตายของพวกนาง

หลังจากที่หลานเยาเยาจับชีพจรเสร็จ ยืนอยู่ข้างเตียงมองดูฮองเฮาอยู่เงียบๆ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น

ในจับเต็มไปด้วยข้อสงสัย!

“พระชายา หรือว่าฮองเฮาโดนพิษกู่?”

ตอนที่จื่อซีจับชีพจรพบว่า

ชีพจรของฮองเฮาคล้ายชีพจรของพระราชธิดาจาวหยางมาก แต่อาการที่กำเริบนั้นแทบจะไม่เหมือนกันเลย

นิ่คือสิ่งที่ทำให้เขาคิดว่าน่าจะโดนพิษของกู่

อย่างไรก็ตาม!

หลานเยาเยาส่ายหัวไปมา

“ไม่ใช่พิษกู่ กลับเหมือนธรรมชาติของฮองเฮาเอง แต่ก็ยังไม่แน่ใจ!”

“ธรรมชาติ?”

เป็นไปได้ยังไง?

ธรรมชาติของมนุษย์ ล้วนเป็นคนดีทั้งสิ้น

ธรรมชาติของฮองเฮาจะโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

“เจ้าอาจจะพบว่าชีพจนของนางสลับซับซ้อน แต่เวลาที่อาการกำเริบ สติของนางกลับปรกติดีทุกอย่าง

อีกทั้งมีจุดหนึ่งทีสำคัญมาก เขาไม่ใช่โดนคนอื่นตีจนสลบ แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่เป็นลมไปเอง นิ่แหล่ะคือปัญหา!”

ถ้าโดนพิษของกู่ หรือโดนควบคุมด้วยกู่ เป็นไปไม่ได้ว่าในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ จะเป็นลมไปได้

ได้ยินว่า!

ดวงตาของจื่อซีเบิกกว้าง

“พระชายา ความหมายของท่านคือ อาการของฮองเฮานั้นนางสามารถควบคุมได้เองอย่างงั้นเหรอ?”

ถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะน่ากลัวมาก

ในใจของจื่อซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวและกังวล เขาค่อยๆหันไปมองที่เตียงนอน……

อย่างไรก็ตาม!

ผ้าห่มถูกดึงขึ้น!

บนเตียงนอนไม่มีคนแล้ว!

เขารู้สึกตกใจ รีบมองไปฝั่งของหลานเยาเยา ปรากฏว่าดวงตาของฮองเฮาตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงฝาด เล็บเดิมหดหายไป เปลี่ยนเป็นสีดำที่ยื่นออกมา คมแหลมเหมือนมีด

“พระชายาระวัง!”

จื่อซีร้องตะโกนออกมา

เมื่อเขาปรี่ตัวเข้าไปช่วยไม่ทันแล้ว เล็บของฮองเฮากำลังจะแทงเข้าไปด้านหลังของหลานเยาเยา

ซึ่งจุดที่จะแทงเข้าไปนั้นตรงกับตำแหน่งของหัวใจพอดี!

ดวงตาแดงก่ำเลือดฝาดของฮองเฮาตอนนี้ ชายแววโหดเหี้ยมเหมือนผู้ที่จะทำการสำเร็จ

ไปตายซะ!

ใครจะรู้……

แผ่นหลังของหลานเยาเยาเสมือนมีดวงตามองเห็นได้ ก่อนที่เล็บดำของฮองเฮาจะทิ่มแทงเข้าที่ร่างกายของนาง นางกลับหายตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ฮองเฮารีบหันตัวกลับไป เพื่อค้นหาว่าหลานเยาเยาอยู่ที่ไหน

แต่ว่า!

ทันใดนั้น นางเห็นหลานเยาเยายืนอยู่ข้างจื่อซี ซึ่งขนาดนี้จื่อซีได้ดึงมีดออกจากสายคาดเอวของเขา

“เป็นไปได้อย่างไง?”น้ำเสียงของฮองเฮาแหบพล่าเล็กน้อย

หลานเยาเยาหัวเราะออกมาเบาเบา ยิ้มใส่จื่อซีอย่างได้ใจแล้วพูดว่า:

“ข้าบอกแล้วใช่ไหม นี่คือธรรมชาติของนาง รีบชื่นชมข้าเลย!”

เมื่อกี้นางแค่ทายุเฉยๆ แต่ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเป็นอย่างที่คิดจริง

สาเหตุที่สงสัยแบบนี้ มาจากตอนที่ทำการตรวจสอบผ่านระบบสะแกนนั้น ปรากฏว่ามียาที่หลงเหลือในร่างกายนางจำนวนมาก ซึ่งยาตัวนี้ใช้สำหรับต้านทานอาการของโรคบ้าคลั่ง

บวกกับการบรรยายของสาวใช้ในวัง นางถึงกล้าที่จะมีความคิดเช่นนี้!

“พระชายาฉลาดแหลมคมจริงๆ!”

คำชมของจื่อซีนั้นออกมาจากใจจริง แต่ว่า เวลานี้สิ่งที่ควรใส่ใจน่าจะอยู่ที่ตัวฮองเฮา?

เมื่อเห็นสายตาของจื่อซีที่หรี่มองมานั้น นางจึงรีบละสายตามองไปที่ตัวฮองเฮา พร้อมทั้งยิ้มเล็กน้อยมองไปที่นาง

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?บนโลกนี้สิ่งแปลกๆเกิดขึ้นได้เสมอ หรือว่าไม่ใช่?”

ฮองเฮาสามารถปิดบังฮ่องเต้ได้นานนับปีขนาดนี้ คิดว่าน่าจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน

“เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ!”น้ำเสียงของฮองเฮาเต็มไปด้วยความหนักแน่น

ก่อนหน้านี้นางก็มีความสงสัยแล้ว

ผู้ที่มีอำนาจบารมีอย่างอ๋องเย่ มีหรือจะชองคนที่ขี่ขลาดตาขาวเข้าไปได้ อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย?

ยิ่งไปกว่านั้น อ๋องเย่กับหลานเฉินมู๋ยังเป็นศัตรูกันอีกด้วย

ฉะนั้นแล้ว!

ถังมู่หวั่นที่ว่าเป็นหญิงงามที่สุดในเมืองหลวงแล้วยังไม่เข้าสายตาเขาเลย ฉะนั้นหลานเยาเยาเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหญิงธรรมดามที่ได้ยินมา

“ในงานฉลองของไทเฮา เจ้าไม่ใช่ได้ทำการทำลองแล้วเหรอ?”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท