บทที่ 1228 ตอนพิเศษ (90.1)
งานแต่งงานของลู่ฉาวจิ่งแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ชุดแต่งงานของเขากับหลิวจิ่วจู๋ปักเย็บโดยมีลู่จื่ออวิ๋นที่นำช่างปักชั้นยอดถึงยี่สิบคนตัดเย็บให้ หลิวจิ่วจู๋เพียงแค่ทำการเย็บสองตะเข็บสุดท้ายเท่านั้น
ชุดแต่งงานทั้งสองชุดคือแบบใหม่ล่าสุดที่ลู่จื่ออวิ๋นเป็นผู้ออกแบบ แนวคิดในการออกแบบมาจากกฎเกณฑ์ที่บุรุษสวมแดงสตรีสวมเขียวที่มู่ซืออวี่กล่าวถึงโดยไม่ได้ตั้งใจ
มู่ซืออวี่ออกแบบเกี้ยวแต่งงานด้วยตนเอง ทั้งสองวนรอบเมืองด้วยเกี้ยวแต่งงาน มีชาวบ้านในเมืองมารอเฝ้าชม
ข้าง ๆ มีเด็กชายเด็กหญิงหน้าตาน่ารักสองคนคอยโปรยใบไม้สีเงินสีทองออกไปข้างนอก
วันนี้มีคนมารอดูมากขึ้น บางคนมาจากแดนไกลจึงพลาดงานแต่งงานของลู่จื่อชิงกับซ่งหานจือ หัวใจเจ็บแปลบด้วยความเสียดาย เพียงแต่โชคดี งานแต่งของคุณชายน้อยสกุลลู่ก็เป็นงานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน มาทันงานแต่งของเขาจึงพอชดเชยความเสียใจของคนเหล่านี้ได้บ้าง
ซ่งหานจือมีสหายอยู่ทั่วหล้า เขามีสหายในยุทธภพเป็นจำนวนมาก ดังนั้นงานแต่งจึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
ลู่ฉาวจิ่งเป็นขุนนางรุ่นสองผู้ถ่อมตัว นอกจากนั้นหลายปีมานี้เขายังเล่าเรียนอยู่ต่างถิ่น ทั้งยังใช้ตัวตนและรูปลักษณ์ปลอมเข้าเล่าเรียนศึกษา จึงมีสหายเพียงสามคนห้าคนเท่านั้นที่มีมิตรภาพลึกซึ้งต่อกัน ทั้งห้าคนนี้แต่เดิมก็ไม่รู้จักลู่ฉาวจิ่ง คิดว่าเขาเป็นบัณฑิตจากสกุลยากจน ทั้งยังเป็นซิ่วไฉที่รูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะถอดหน้ากากที่ใช้ปกปิดตัวตนออก ถอดเสื้อผ้าบัณฑิตที่เรียบง่ายสมถะออก กลายเป็นคุณชายน้อยของจวนลู่อ๋อง
“สกุลลู่จะจัดงานเลี้ยงเป็นเวลาสามวัน”
“สามวัน?”
“ไม่ผิด ไม่ว่าพื้นเพ หรือสถานะเป็นอย่างไร เพียงแค่กล่าวคำอวยพรก็สามารถนั่งกินได้ เพียงแต่ หากกล้าก่อเรื่องในอาณาเขตสกุลลู่…”
“มีเพียงคนรนหาที่ตายจึงจะสร้างปัญหาในอาณาเขตสกุลลู่กระมัง?”
ลู่ฉาวจิ่งจูงมือหลิวจิ่วจู๋ก้าวลงจากเกี้ยวแต่งงาน ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั่วทั้งเมือง เขาพาหลิวจิ่วจู๋ไปคำนับฟ้าดิน
หลังเสร็จสิ้นพิธี ลู่ฉาวจิ่งพาหลิวจิ่วจู๋ไปส่งให้กับลู่จื่อชิงและลู่จื่ออวิ๋น
หากเป็นสถานการณ์ปกติ เจ้าบ่าวจะส่งเจ้าสาวไปยังห้องหอ เจ้าสาวต้องรอเจ้าบ่าวกลับมาอยู่ที่ห้องหอเท่านั้น ทว่าตอนที่ลู่จื่อชิงแต่งงานนางดื่มไปเป็นจำนวนมาก แขกเหรื่อหลายคนก็ถูกนางมอมจนเมา ตอนนี้เมื่อลู่ฉาวจิ่งพาเจ้าสาวไปฝากไว้ให้กับพี่สาวทั้งสองคนจึงไม่มีผู้ใดคิดว่าแปลก อย่างไรเสียคนสกุลลู่แต่ละคนก็ล้วนแปลกอยู่แล้ว ระบบความคิดของพวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป หากพวกเขาแต่งงานอย่างเคร่งครัดตามขนบธรรมเนียม เช่นนั้นจึงจะแปลก
หยางชิงซือนั่งอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อ มองดูสหายผู้แสนดีได้รับการปกป้องจากพี่สาวน้องสาวสกุลลู่เป็นอย่างดี ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาและความสุข
ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน นางได้เห็นความยากลำบากของหลิวจิ่วจู๋มาด้วยตาตนเอง คิดว่าสวรรค์ช่างเคยชินกับการเล่นตลกกับคนยิ่งนัก แม่นางที่ดีอย่างจิ่วจู๋จักมีชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร? จนกระทั่งได้พบกับลู่ฉาวจิ่ง หยางชิงซือจึงเข้าใจ ความโชคร้ายทั้งหลายแหล่ก่อนหน้านั้นของหลิวจิ่วจู๋ล้วนเกิดขึ้นเพื่อเหลือโชคดีไว้ให้นางได้พบกับลู่ฉาวจิ่ง
จงซู่เกินติดตามลู่ฉาวจิ่ง กลายเป็นมือขวาของเขา ทว่าการที่จงซู่เกินไม่รู้หนังสือกลายเป็นปัญหา เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ลู่ฉาวจิ่งจึงจัดเตรียมอาจารย์ผู้หนึ่งให้มาสอนจงซู่เกินอ่านเขียน
“ฮูหยินจง” ฮูหยินขุนนางข้าง ๆ เข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “ท่านกับฮูหยินน้อยลู่เป็นพี่หญิงน้องหญิงกัน เหตุใดไม่เข้าไปทักทายเล่า?”
“วันนี้นางเป็นเจ้าสาว คงมีหลายคนที่อยากพูดคุยกับนาง ตอนนี้ข้าไม่เข้าไปรบกวนนางแล้ว อย่างไรเสียปกติพวกเราก็อยู่ด้วยกัน พูดคุยกันได้ตลอดเวลา”
“เมื่อวานข้าได้ยินจากนายท่านบ้านข้าว่า สามีของท่านได้เลื่อนขั้นแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง”
“ขอบคุณ สามีบ้านข้าก็มักจะเอ่ยถึงใต้เท้าฟางอยู่บ่อย ๆ เขาบอกว่าตอนที่พึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกยังไม่เข้าใจหลาย ๆ สิ่ง โชคดีที่มีใต้เท้าแซ่ฟางคอยแนะนำอย่างกระตือรือร้น ช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงการออกนอกลู่นอกทางในหลาย ๆ ครั้งได้”
“เราทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานและนั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น นายท่านของข้าเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เขากระตือรือร้นต่อเพื่อนร่วมงานมาก”
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วเอ่ยกับหยางชิงซือ “ฮูหยินจง คุณหนูใหญ่ของพวกเราเชิญท่านเข้าไปพูดคุยเจ้าค่ะ”
“คุณหนูใหญ่คือ…”
“สกุลลู่…”
หยางชิงซือรีบลุกขึ้นยืน หันไปมองทางลู่จื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทีประหม่า
ลู่จืออวิ๋นกำลังพูดคุยกับใครบางคน หลิวจิ่วจู๋กวักมือเรียกนางให้เข้าไปหา
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาด้วยความอิจฉาของฮูหยินคนอื่น ๆ หยางชิงซือเดินเข้าไปกลางวงสนทนาด้วยขาที่สั่นเทา
ที่นั่นไม่เพียงมีคุณหนูทั้งสองของสกุลลู่เท่านั้น แม้กระทั่งพระชายาลู่ผู้ที่นางชื่นชมมากที่สุดก็อยู่ที่นั่นด้วย หยางชิงซือหยุดฝีเท้าแล้วค้อมคำนับมู่ซืออวี่ ฝ่ายหลังหยุดชะงักแล้วหันมามองนาง
“คารวะพระชายาลู่”
“เจ้าเป็นพี่หญิงน้องหญิงคนดีของจิ่วจู๋กระมัง!” มู่ซืออวี่แย้มยิ้มออกมา “เมื่อไม่กี่วันก่อนเคยพบเจ้า”
“เจ้าค่ะ เป็นข้าเจ้าค่ะ พระชายาความจำดีจริง ๆ นะเจ้าคะ”
หยางชิงซือตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก จำต้องรู้ว่านางเป็นคนที่พูดจากคล่องปากที่สุด ก่อนหน้านี้นางพูดมากเสียจนผู้อื่นพูดไม่ได้แม้เพียงครึ่งคำ เพียงแต่ในยามนี้ นางรู้สึกราวกับว่าลิ้นของนางหายไป สมองของนางสับสนมึนงง สิ่งใดล้วนไม่รับรู้ทั้งสิ้น
“จิ่วจู๋เอ่ยถึงเจ้าอยู่บ่อย ๆ บอกว่าหากไม่ใช่เพราะเจ้าสหายผู้นี้ นางคงไม่รอดมาจนถึงบัดนี้ ภายหน้าเจ้าต้องไปมาหาสู่นางบ่อย ๆ เล่า ประตูสกุลลู่เปิดรอเจ้าอยู่เสมอ”
“ขอบคุณพระชายาเจ้าค่ะ ข้าน้อยชอบท่านมากจริง ๆ ชื่นชมท่านเป็นอย่างยิ่ง ข้าน้อยขอของใช้ส่วนตัวสักอย่าง เช่น ผ้าเช็ดหน้าหรือถุงเงินได้หรือไม่เจ้าคะ”
หลิวจิ่วจู๋ “…”
นางก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบพระชายาลู่เช่นกัน อีกทั้งครั้งแรกที่นางพบพระชายาลู่ สภาพการณ์ของนางก็ไม่ได้แตกต่างจากหยางชิงซือมากนัก เพียงแต่นางไม่ได้ขอของใช้ของพระชายาลู่ ตอนนี้ดูท่าแล้วยังเป็นหยางชิงซือที่ถี่ถ้วน
“เจ้าเด็กคนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ” มู่ซืออวี่ถอดปิ่นปักผมบนศีรษะออก “สิ่งนี้ให้เจ้าเป็นอย่างไร?”
“มันแพงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“นี่เป็นของที่ข้าสวมใส่มาหลายปี สำหรับข้าแล้วเป็นของที่ชอบมากทีเดียว เจ้าชอบข้าเพียงนี้ ข้าจะมอบของขวัญให้เจ้าส่ง ๆ ได้อย่างไร แน่นอนว่าข้าต้องมอบของที่ตนชอบที่สุดให้เจ้า เช่นนี้จึงจะคู่ควรกับที่เจ้าชมชอบ” มู่ซืออวี่กล่าว “เจ้าเป็นพี่น้องของจิ่วจู๋ย่อมเป็นคนกันเอง ไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้ามากนัก”
“ขอบคุณพระชายา ข้าจะต้องทะนุถนอมมันเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ” หยางชิงซือขอบตาแดงก่ำ
ซูจือหลิ่วกล่าวยิ้ม ๆ “ดูท่านสิทันทีที่ปรากฏตัวก็ขโมยความโดดเด่นของเจ้าสาวแล้ว นี่ใช้ไม่ได้กระมัง ไปเถอะ พวกเราไปชมดอกไม้ทางนั้น ฝากหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อไว้ให้คนหนุ่มสาวจะดีกว่า”
“ได้ พวกเจ้าค่อย ๆ พูดคุยกันไป”
หยางชิงซือคว้ามือหลิวจิ่วจู๋ไปจับ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา “จู๋จือ เจ้าโชคดีมากจริง ๆ ข้าอิจฉาเจ้ายิ่งนัก”
“ข้าจะมอบโชคดีครึ่งหนึ่งให้เจ้า เจ้าก็จะโชคดีเช่นกัน” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “แม่สามีข้าไม่ได้บอกแล้วหรือ ต่อไปเจ้าสามารถมาที่จวนได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกเรา”
“จู๋จือ แม่เลี้ยงผู้นั้นของเจ้ากับน้องสาวของเจ้าช่างสีหน้าไม่น่าดูชมจริง ๆ ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น” หยางชิงซือชี้ไปทางฝั่งตรงข้าม
หลิวจิ่วจู๋หันไปมองแวบหนึ่งแล้วกล่าว “หมู่นี้พวกนางพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทำลายการแต่งงานนี้ ทว่ากลับถูกพี่จิ่งจับได้ ตอนนี้ข้าแต่งเข้าสกุลลู่แล้ว พวกนางไม่มีโอกาสลงมืออีก แน่นอนว่าต้องไม่มีความสุข”