บทที่ 1231 ตอนพิเศษ (91.2)
ซ่งหานจือผลักประตูเดินเข้าไป
“ท่านเขย…”
“ภายหน้าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลเหล่านั้นกับฮูหยินอีก” ซ่งหานจือเอ่ย “ฮูหยินชอบสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากบ่าวรับใช้ออกไป ลู่จื่อชิงก็เดินเข้าไปหาซ่งหานจือ นางมองเขาด้วยความคาดหวัง “เป็นอย่างไร?”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา” ซ่งหานจือกล่าว “ฝ่าบาทแทบอดใจรอให้ข้ามารับช่วงต่อความวุ่นวายนี้ไม่ไหว”
“ลำบากมากใช่หรือไม่? เจ้าจะเหนื่อยเกินไปหรือไม่?”
“ข้าจะพาขุนนางที่ได้รับการเลื่อนขั้นใหม่หลายคนไปด้วยกัน เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วค่อยให้พวกเขาจัดการ ราชสำนักต้องการเลือดใหม่ สิ่งใดล้วนให้ข้าทำย่อมไม่ได้ ไม่สู้มอบโอกาสนี้ให้พวกเขาแสดงฝีมือ”
ลู่จื่อชิงเข้าใจแล้ว
“สามี เจ้าฉลาดเสียจริง”
“สามีฉลาดเพียงนี้ ไม่ควรได้รับรางวัลสักหน่อยหรือ?”
“เช่นนั้นข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยอาหารอร่อย ๆ” ลู่จื่อชิงพาซ่งหานจือเดินไปที่โต๊ะ
ซ่งหานจือมองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารบำรุงร่างกายก็พอจะเข้าใจความหมายของนาง
อาหารบำรุงเหล่านี้จักต้องเป็นแม่นางที่เตรียมการให้คนส่งมา ลู่จื่อชิงไม่อาจปฏิเสธแต่ก็ไม่อยากกินจึงต้องหาคนมาแบ่งปันความรักนี้
ซ่งหานจือบีบจมูกภรรยาเบา ๆ “เจ้านี่นะ ความคิดทั้งหมดของเจ้าล้วนนำมาใช้จัดการข้า”
“เพราะมีเพียงเจ้าที่ยอมให้ข้ารังแกอย่างว่านอนสอนง่าย” ลู่จื่อชิงกล่าว “ของดีย่อมเป็นของดี ทั้งยังอร่อย แต่ข้ากินไม่ได้มากเพียงนั้นจริง ๆ เจ้าดูหน้าข้าสิ กลมอย่างกับอะไรดี”
ลู่จื่อชิงตัวกลมขึ้นไม่น้อยจริง ๆ
อันที่จริงซ่งหานจือกินมากกว่าลู่จื่อชิง ทว่ารูปลักษณ์ของเขากลับไม่ต่างจากตอนแต่งงานแม้แต่น้อย เขาหน้าตาหล่อเหลาเป็นทุนเดิม หลังจากแต่งงานแล้วชีวิตรักหวานชื่น มีความสุขหน้าตาอิ่มเอิบ ยิ่งหล่อเหลามากกว่าเดิม
หากไม่ใช่เพราะตัวตนที่พิเศษของลู่จื่อชิง พิจารณาจากรูปลักษณ์และขั้นขุนนางขั้นสูงของซ่งหานจือแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีกุลสตรีสูงศักดิ์มากน้อยเพียงใดยอมเป็นอนุเขา
อย่างไรก็ตาม ภรรยาแรกนั้นแข็งแกร่งเกินไป เดิมทีก็ไม่อาจต่อกรได้ ยิ่งไม่กล้าสู้กับนาง
บุรุษผู้นั้นสายตาไม่เฉียบคม แม้จะถูกลากไปถึงย่านสราญรมย์ แต่กลับไม่เคยปล่อยให้สตรีเหล่านั้นเข้าใกล้ ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูกสตรีสัมผัสที่ชายเสื้อ ทิ้งกลิ่นชาดไว้บนร่างกาย ตั้งแต่นั้นก็ถูกไล่ไปนอนที่ห้องตำรากว่าครึ่งเดือน ต่อมามีคนชักชวนเขาไปย่านสราญรมย์ แม้กระทั่งสีหน้าดี ๆ เขายังไม่มอบให้อีกฝ่าย แถมคนชวนยังจะถูกเขาใช้อำนาจในทางไม่ชอบกลั่นแกล้งยามอยู่ในราชสำนักได้อย่างง่ายดายด้วย
หลายวันต่อมา คณะราชทูตก็เดินทางออกจากเมืองหลวงอย่างเอิกเกริก
ลู่จื่อชิงอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนคนกำลังท้องกำลังไส้ที่ต้องพักผ่อนให้มากแม้แต่น้อย
ซ่งหานจือกังวลว่านางจะเหนื่อยจึงให้ขุนนางเหล่านั้นนำหนังสือราชการและข้าวของอื่น ๆ ล่วงหน้าไปก่อน หากมีเรื่องสำคัญก็ส่งรายงานผ่านศาลาพักม้ามาให้เขา เขาจะได้จัดการกับเรื่องเร่งด่วนได้ หากไม่มี พวกเขาก็จัดการได้โดยไม่ต้องแจ้งซ่งหานจือ
แน่นอนว่า ทุกสิ่งที่พวกเขาจัดการในทุกวันจะต้องจดบันทึกและส่งมอบให้กับซ่งหานจือ โดยเขาจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง
“ออกมาเถอะ!” ลู่จื่อชิงเคาะลงบนรถม้า
ซ่งหานจือล้างผลไม้ให้นางอยู่ เมื่อได้ยินนางพูดอยู่ข้างหน้ารถม้าก็ป้อนผลไม้เข้าปากนางแล้วเอ่ย “เขาคงหลับไปแล้ว”
“เจ้าก็รู้ด้วยหรือ?” ลู่จื่อชิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“เล่อเอ๋อร์ติดเจ้าเพียงนั้น ทุกคนล้วนรู้ว่าเจ้ากำลังจะออกเดินทางไกล แต่เขากลับไม่ได้มาร้องไห้โวยวายกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าเขามีแผนการอะไรบางอย่าง เด็กน้อยจะคิดอะไรได้มากมาย เขาย่อมต้องแอบตามเจ้ามา”
“เจ้ารู้อยู่แล้ว ไยไม่ห้ามปรามเขาเล่า?” ลู่จื่อชิงกล่าว “มิน่าเล่า เจ้าจึงเปลี่ยนรถม้าให้ใหญ่ขึ้น ทั้งยังต้องเป็นคันที่มีช่องลับ เจ้ายินดีเตรียมการเพื่อเขา”
“พวกเรามีรถม้ามากมาย หากเขาอยากจะตามเรามา ถึงแม้ไม่เปลี่ยนเป็นรถม้าคันใหญ่ เขาก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในรถม้าคันอื่น รถม้าคันอื่น ๆ สภาพย่ำแย่ ไม่สู้รถม้าของเรา นอกจากนี้ ถึงแม้จะไม่มีรถม้าก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะลอบตามเรามาลับ ๆ แทนที่จะปล่อยให้เขาทำเรื่องบุ่มบ่ามเสี่ยงอันตราย ไม่สู้เก็บไว้ใต้จมูกเรา นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ นี่เป็นความตั้งใจของพี่ใหญ่เจ้า พี่ใหญ่เจ้าบอกว่าเด็กผู้ชายไม่จำเป็นต้องบอบบาง ตอนนี้เขายังเล็ก อ่านหนังสือให้น้อยลงสักสองสามเล่มก็สามารถเดินทางไกลขึ้นอีกเป็นพันลี้ได้ หากเจ้าอยากออกไปเที่ยวเล่น เขาก็ชอบเที่ยวเล่นกับเจ้า เช่นนั้นก็พาเขาไปเที่ยวเล่นด้วยกันเถอะ”
“พี่ใหญ่ข้าจงใจปัดความรับผิดชอบนี่! เขามีลูกชายผู้นี้เพียงคนเดียว ถึงกลับเกียจคร้านจนโยนมาให้ข้า” ลู่จื่อชิงกล่าว “เพียงแต่โชคดี เล่อเอ๋อร์ว่านอนสอนง่าย ข้าย่อมยินดีพาเขาไป”
ลู่จื่อชิงไม่ได้รู้ถึงแผนการของลู่อวี่เล่อ เมื่อครู่นางเพิ่งลงจากรถก็เห็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งอยู่ในหีบ เนื้อผ้าเหมือนกับที่ลู่อวี่เล่อสวมใส่ในยามปกติ นางจึงเดาว่าเขาซ่อนอยู่ในหีบเสื้อผ้า ถึงได้เรียกให้เขาออกมา
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเป็นความตั้งใจของพี่ใหญ่ ความกังวลในใจจึงหายไป อย่างไรเสียถึงแม้จะแต่งงานแล้ว นางก็ยังกลัวพี่ใหญ่ของตนเป็นอย่างมาก มีเพียงพี่ใหญ่อนุญาตเท่านั้น นางถึงจะกล้าพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาไปด้วย
บ่าวรับใช้เปิดหีบออก
ลู่อวี่เล่อนอนอยู่ตรงนั้นและหลับไปแล้วดังคาด
“เจ้าดูหน้าเขาซี ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นแดงก่ำ คงหายใจไม่ออกแล้วกระมัง! โชคดีที่หีบนี้มีรูระบายให้หายใจ หากเขาขาดอากาศหายใจตาย ข้าจะต้องผิดบาปมากเป็นแน่”
“เขาไม่ขาดใจตายแน่นอน เมื่อครู่นี้ข้าแง้มช่องให้เขาแล้ว” ซ่งหานจือกล่าว
“นั่นก็ยังอันตรายมากอยู่ดี” ลู่จื่อชิงจ้องสามี “เจ้ารู้ล่วงหน้าก็ไม่ยอมบอกกล่าวข้า โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าผิดไปแล้ว ๆ เจ้ากินผลไม้สิ”
เมื่อลู่อวี่เล่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนท่านอาเขยรอง
“ท่านอาหญิงรอง ท่านอาเขยรอง…” ลู่อวี่เล่อยิ้มอย่างไร้เดียงสา “ข้าเพิ่งฝันถึงพวกท่านพอดี พวกท่านดีต่อข้าจริง ๆ ข้าชอบพวกท่านยิ่งนัก”
“ลู่วี่เล่อ อย่าได้คิดว่ากล่าวคำพูดดี ๆ เพียงไม่กี่คำแล้วพวกข้าจะปล่อยเจ้าไป” ลู่จื่อชิงกล่าว “หากเจ้าอยากตามข้ามาก็ควรบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่แอบตามมาเช่นนี้ เมื่อครู่เจ้าทำอย่างนั้นอันตรายยิ่งนัก หากไม่ระวังแม้เพียงนิด เจ้าคงตายอยู่ข้างในแล้ว”
“ข้าไม่ได้โง่เพียงนั้น หีบนั้นไม่ได้ปิดตั้งแต่แรก ข้าหายใจได้ขอรับ” ลู่อวี่เล่อกล่าว “หากข้าบอกท่านล่วงหน้า ท่านจะพาข้ามาด้วยหรือ? ท่านพ่อข้าจะเห็นด้วยหรือไม่? สุดท้ายพวกท่านผู้ใหญ่ก็จะเกลี้ยกล่อมเด็ก”
ซ่งหานจือลูบผมลู่อวี่เล่อ “อย่าตะโกนใส่ภรรยาข้าสิ”
“ท่านอาเขยรอง ภรรยาท่านใจร้ายยิ่งนัก ท่านช่วยข้าหาท่านอาหญิงรองที่อ่อนโยนกว่านี้หน่อยได้หรือไม่?”
“เจ้ามีอาหญิงรองก่อน ภายหลังจึงมีอาเขยรอง หากข้าเปลี่ยนภรรยา เจ้าก็จะไม่มีข้าอาเขยรองผู้นี้” ซ่งหานจือกล่าว “เช่นนั้น เจ้ายังอยากให้ข้าเปลี่ยนภรรยาหรือไม่?”
“ช่างเถิด ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว” ลู่อวี่เล่อถอนหายใจเบา ๆ “ที่แท้อาหญิงรองก็เหมือนกับพ่อแม่ที่กำหนดไว้ เปลี่ยนไม่ได้แล้ว”
“เจ้าเด็กดื้อไปเอาความคิดราวกับผู้ใหญ่มากมายเพียงนี้มาจากที่ใดกัน?” ลู่จื่อชิงดึงแก้มลู่อวี่เล่อจนยืดย้วย “หากยังพูดจาไร้สาระอีก ข้าจะโยนเจ้าลงไปแล้ว”
“ข้าไม่พูดแล้ว ๆ” ลู่อวี่เล่อมองออกไปข้างนอกแล้วเอ่ยด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ที่นี่สวยจริง ๆ”
“ไม่ใช่เพียงแค่ท้องฟ้ากับต้นไม้ใหญ่เหมือน ๆ กันหรือ มีอะไรน่าดูกัน?” ปากลู่จื่อชิงก็เอ่ยเช่นนั้น ทว่าสายตาอยากรู้อยากเห็นของนางกลับเหมือนกับลู่อวี่เล่อทุกประการ