ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 813 เกิดเรื่องแล้ว!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 813 เกิดเรื่องแล้ว!

ทนายอันวิ่งถือกระดาษแผ่นหนึ่งลงมาชั้นล่างอย่างรีบร้อน

มาทรงนี้ ดูท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนนี้สิ ถ้าหากจับคู่กับประโยคคลาสสิกจากภาพยนตร์เครื่องแต่งกายโบราณว่า ‘รายงานทางทหารด่วนแปดร้อยลี้!!!!’

ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ

โจวเจ๋อวางแก้วกาแฟในมือลงเงียบๆ พลางนวดคิ้วตัวเองอย่างจนปัญญา

แย่แล้ว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นที่นรกแน่ๆ

ทุกคนจะหยุดพักสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ มันดีต่อคุณ ต่อผม และทุกคนงั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรทำละก็ดื่มกาแฟอาบแดดคุยเรื่องชีวิตสัพเพเหระไปสิ สบายอกสบายใจออก

เหล่าจางยืนขึ้นก่อน เขาในตอนนี้ราวกับเป็นสมาชิกในครอบครัวที่กำลังเตรียมพร้อมรับข่าวสารจากแนวหน้าจริงๆ เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับปู่ทวดราคาถูกคนนั้นของตัวเอง

ทนายอันวิ่งตรงดิ่งลงมาด้านหน้าโจวเจ๋อ ใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบิดเบี้ยวด้วยความตื่นเต้น ครึ่งหนึ่งแข็งทื่อด้วยความกลัว ดูเหมือนว่าการเดินทางไปหรงเฉิงครั้งนี้ไม่ไร้ผล ทนายอันได้เรียนรู้การเปลี่ยนหน้าแล้ว

เขารู้สึกตื่นเต้นเพราะในที่สุดสายลมที่เขารอคอยก็พัดขึ้นมาแล้ว!

ที่หวาดกลัวก็เพราะแม้แต่เขาก็ไม่กล้าฟันธงว่าชะตากรรมของเขาจะไปในทิศทางไหนในดงพายุเฮอริเคนครั้งนี้

“เถ้าแก่ วุ่นวายใหญ่แล้ว เกิดความวุ่นวายแล้ว!”

“ทนายอัน กาแฟ” อิงอิงเพิ่งชงกาแฟเสร็จแล้วยื่นให้ ทนายอันรับแก้วกาแฟอภิมหามหึมาสุดพิเศษของเขามากระดก ‘อึกๆ’ ไปหลายอึก

ในช่วงเวลาที่รอคอย เดาว่าเหล่าจางแทบอยากจะเรียกเซี่ยจื้อออกมาสั่งสอนทนายอันสักยก อย่ายั่วให้อยากรู้อย่างนี้สิ!

ทนายอันวางแก้วไซส์บิ๊กเบิ้มลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “นรกตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว เส้นทางน้ำพุเหลืองถูกตีแตก ผีกลุ่มหนึ่งได้แหกออกไป”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เส้นทางน้ำพุเหลืองเหรอ”

โจวเจ๋อจำได้ว่าเส้นทางน้ำพุเหลืองยาวมาก แต่ใช่ว่าเส้นทางน้ำพุเหลืองจะไม่มียมทูตคอยเฝ้ายาม มียมทูต ผู้จับกุม และแม้แต่ผู้ตรวจสอบของยมโลกลาดตระเวนอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยจำนวนไม่น้อยทีเดียว

จำได้ว่าตอนนั้นเขายังเจอกับหญิงสาวที่ถือแส้อยู่เลย แถมแส้หนังยังคมกริบมากอีกต่างหาก

แม้จะบอกว่าบางครั้งบางคราวในนรกก็มีกลุ่มวิญญาณร้ายหลบหนีทะลุแดนกั้นกลับคืนสู่โลกมนุษย์ แต่นั่นมันเป็นการหลบหนีครั้งใหญ่ เบื้องหลังยังมีเจ้าหน้าที่ทางการของยมโลกตามไล่ล่าจับกุม และจริงๆ แล้วยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย

โดยพื้นฐานแล้วลูกความที่ลักลอบหลบหนีของทนายอันก่อนหน้านี้ก็มากันแบบนี้ทั้งนั้น แม้ว่าด้านบนจะมีคนที่บอกกล่าวทักทายเอาไว้แล้ว แต่จะสามารถกลับคืนสู่โลกมนุษย์ได้หรือไม่นั้น ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับโชคของคุณเองด้วย

ตามที่ทนายอันเพิ่งพูดไป ครั้งนี้เป็นการก่อกบฏสังหารเจ้าหน้าที่

“ครั้งนี้วิญญาณร้ายมีพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ” โจวเจ๋อถาม

ครั้งก่อนก็เคยเจอกับวิญญาณร้ายที่ออกมา โจวเจ๋อยังเคยจับมาก่อน แต่ละตัวอ้วนฉุมาก แต้มคะแนนเป็นกอบเป็นกำเลยเชียวละ

ทนายอันส่ายหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “เถ้าแก่ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ ความร้ายแรงของเรื่องก็อยู่ตรงนี้ ที่ออกมาครั้งนี้ไม่ใช่วิญญาณร้าย แต่เป็นเจ้าหน้าที่ทางการ!”

ทันใดนั้น ในดวงตาของโจวเจ๋อและเหล่าจางต่างฉายแววตื่นตะลึง

เจ้าหน้าที่ทางการเหรอ

“ค่าจ้างและสวัสดิการของยมโลกย่ำแย่จนถึงขั้นนี้แล้วเหรอ” เหล่าจางถาม

“เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่” โจวเจ๋อถาม

“รายละเอียดยังไม่แน่ชัด เฝิงซื่อเอ๋อร์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่เอ่ยประโยคหนึ่งว่า ช่วงนี้โลกมนุษย์อาจจะไม่สงบสุขนัก เพราะหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นกลับคืนสู่โลกมนุษย์แล้ว อันดับแรกจะต้องตามหาร่างกายแน่ๆ จากนั้นก็เลือกวิธีซ่อนตัว และวิธีที่ดีที่สุดในการซ่อนก็คือ…”

“หนังสือรับรองยมทูต” โจวเจ๋อพูดสามคำสุดท้ายแทนทนายอัน

“ใช่ครับ เฝิงซื่อเอ๋อร์เลยบอกผมว่าให้พวกเราระวังป้องกันไว้หน่อย หลังจากกลับคืนสู่โลกมนุษย์แล้วคนเหล่านั้นไม่มีทางมารวมตัวกัน จะต้องแยกย้ายกันหลบหนีไปซ่อนตัวแน่ๆ และส่วนใหญ่อาจจะเลือกฆ่ายมทูตในท้องถิ่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมายของพวกเขา ถึงไม่อาจหนีการตรวจสอบของยมโลกพ้น แต่ก็ยังสามารถตั้งหลักอย่างปลอดภัยมากขึ้นชั่วคราวในโลกมนุษย์”

นี่มันคล้ายกับคนผู้นั้นที่หรงเฉิงในตอนแรก ที่หลังจากฆ่าแก๊งยมทูตแล้วก็ยึดเอาหนังสือรับรองยมทูตของคนอื่นไป เป็นหลักการเดียวกับการฟอกเงินที่สะสมมาอย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที พอหันกลับมาอีกทีก็เป็นคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแล้ว

ทางยมโลกอาจจะติดตามคดีนี้ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเลือกหลับหูหลับตาเมินเฉย

จริงๆ แล้วนี่ขึ้นอยู่กับว่าทางยมโลกจะเกิดความวุ่นวายตามมาภายหลังหรือไม่ จะว่างมาจัดการหรือเปล่า แต่ในเมื่อเฝิงซื่อเอ๋อร์เอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยในมุมมองของเฝิงซื่อเอ๋อร์ ความวุ่นวายในยมโลกจะไม่หยุดลงชั่วคราว

สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการเดิมจะใช้หนังสือรับรองยมทูตได้อย่างไร ก็ไม่ต้องถามแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาแปรพักตร์จากยมโลกหนีกลับมาโลกมนุษย์ ชะตาชีวิตก็แทบจะเหมือนกับทนายอันที่ต้องถูกถอดถอนจากตําแหน่ง และในความเป็นจริงก็ไม่ต่างอะไรจากผีเร่ร่อนไร้ญาติ แต่ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างให้ได้ละก็ จะต้องเป็นความสามารถของอดีตเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า

“มันเกิดขึ้นเมื่อไร” โจวเจ๋อถาม

“เป็นวันที่สองหลังจากที่เราไปหรงเฉิง”

โจวเจ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วออกคำสั่ง “ก่อนอื่นให้ยมทูตทั้งสามจากนอกเมืองกลับมาโดยด่วน โทรศัพท์บอกให้หลินเข่อกลับมาอยู่ที่ร้านหนังสือ เหล่าจางช่วงนี้คุณไปขอลางานที่สถานีตำรวจไว้ก่อนแล้วก็อยู่ที่นี่ด้วยกัน”

“อ๋อ ครับผม”

แม้ว่าทหารกุ้งและนายพลปูที่อยู่ในมือของเขาจะมีประโยชน์เพียงน้อยนิด แต่เถ้าแก่โจวเป็นคนที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตยากจนแร้นแค้น กว่าจะรวบรวมข้าวของเหล่านี้มาได้มันไม่ง่ายเลย ไม่กล้าทิ้งขว้างไปแบบไม่ใส่ใจ

“เหล่าอัน คุณรับผิดชอบในการค้นหารอบตัวเมืองทงเฉิง หรือจะสังเกตเมืองใกล้เคียงด้วยก็ได้ หากพบร่องรอยของคนเหล่านั้นให้รายงานทันที ถ้าลงมือได้ก็ลงมือไปเลย”

ทนายอันใช้ปลายนิ้วเท้าแตะกันเบาๆ และพูดว่า “ในนั้นอาจจะมีผู้ตรวจสอบด้วย”

ความหมายอีกนัยหนึ่งคือ ผมอาจจะทำไม่ได้

“ก็แค่ผู้ตรวจสอบตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ”

“ตัวหนึ่ง…” ทนายอัน

โจวเจ๋อพลิกหนังสือพิมพ์ในมือและวางลงบนโต๊ะรับแขก

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราไม่อาจรอถูกกระทำอยู่ที่นี่บนความสับสนได้ หากรุกก่อนได้ก็รุกก่อนจะดีที่สุด ในเมื่อฝั่งเฝิงซื่อเอ๋อร์ไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้ พวกเราก็ต้องจับนักโทษมาถามเองไปเลย”

เถ้าแก่โจวในตอนนี้ต่างออกไปจากอดีตจริงๆ ตอนแรกสาวน้อยโลลิเพียงคนเดียวก็จับตายเขาได้แล้ว ทว่าตอนนี้แม้แต่ผู้ตรวจสอบเขายังกล้าเรียกว่า ‘หนึ่งตัว’ ด้วยซ้ำ

แต่โจวเจ๋อกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองลำพองสักนิด เขาก็แค่รำคาญ ยิ่งไปกว่านั้น ในมุมมองของเขา คิดว่าจะต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ทำความสะอาดพื้นที่ของตัวเอง สำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ช่างมัน ตราบใดที่ทงเฉิงปลอดภัย ต่อให้น้ำท่วมในพื้นที่อื่นๆ แค่ไหน เขาโจวเจ๋อก็ยังสามารถดื่มกาแฟของตัวเองได้อย่างสบายใจเหมือนเดิม

“ได้ครับ ผมจะลองตามหาลูกความที่ผมเคยลักลอบพาเข้ามา พวกเขาติดต่อกับนรกอยู่ตลอด บางทีอาจมีคนรู้เบาะแส กระทั่งอาจมีเจ้าหน้าที่ทางการที่หนีออกมาไปเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยซ้ำ”

“เหล่าอัน ไม่ใช่ คือว่านั่นน่ะ ปู่ทวดของผมน่ะตอบกลับมาหรือยัง” ในที่สุดเหล่าจางก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“นี่…” ทนายอันมองเหล่าจาง “ไม่มีข่าวคราวถือเป็นข่าวดีที่สุด”

“อะ อืม”

“ผมไปทำงานแล้วนะเถ้าแก่ อิงอิง คุณรับผิดชอบแจ้งให้คนอื่นทราบหน่อย” พูดจบทนายอันก็หยิบเสื้อคลุมของตัวเองแล้วออกไป

ส่วนอิงอิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเริ่มโทรหาพวกยมทูตลูกน้องเถ้าแก่ทีละคนๆ

โจวเจ๋อเทน้ำตาลลงในแก้วกาแฟบนโต๊ะรับแขกรวดเดียวด้วยความรู้สึกจนใจ แล้วยกขึ้นมาจิบ

ซี้ด

เลี่ยน…

“โจทย์ข้อนี้น่าจะทำอย่างนี้ แล้วก็ตรงนี้ จงหาพื้นที่ของสามเหลี่ยม เธอลืมหาร 2 ในตอนท้าย”

ในบ้านอาหวัง

เด็กชายกำลังสอนการบ้านให้หนูน้อยโลลิในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวอย่างจริงจัง

“อื้อ ใช่จริงด้วย พี่เก่งจังเลย โจทย์คณิตศาสตร์ยากขนาดนี้พี่ก็ทำได้ด้วย”

“ฮี่ๆๆ”

“เอาละ ทำคณิตฯ เสร็จแล้ว ต่อไปถึงเวลาเขียนภาษาอังกฤษ เธอมาสอนฉันสิ”

“อื้อ ได้ พี่เอาของหนูไปลอกสิ หนูเขียนเสร็จหมดแล้ว”

“ได้”

เด็กชายมีความสุขกับช่วงเวลาอันแสนสงบและสวยงามนี้เหลือเกิน ดูเหมือนว่าสิ่งเจือปนทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงความงามที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกเท่านั้น

ไร้การสมรู้ร่วมคิด ไร้การวางแผนปองร้าย และไม่มีความปรารถนาทางกาย เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อน มองเธอยิ้ม และมองเธอขมวดคิ้วอย่างเงียบๆ

อยู่เป็นเพื่อนเด็กประถมยังอุตส่าห์รำพึงรำพันได้อย่างมีคุณธรรมสูงส่งจนคนอื่นต้องแหงนหน้ามองขนาดนี้ สมกับเป็นพ่อพระแห่งความรักเสียจริง

“พี่ฟา ไปหรงเฉิงครั้งนี้สนุกไหม”

“สนุกสิ ฉันยังเจอหมีแพนด้าด้วยนะ น่ารักมากเลย”

“หนูก็เห็นมันในทีวีบ่อยๆ เหมือนกัน”

“นี่มันไม่เหมือนกัน ไปดูแพนด้ายักษ์กับตาตัวเองน่ารักกว่าที่เห็นในทีวีอีก”

“จริงเหรอ น่าเสียดายที่หนูไม่ได้ไปดู”

“ไม่เป็นไร ก่อนเปิดเทอมจะพาเธอไปดู จะพาเธอไปหรงเฉิง”

“พวกเรานั่งเครื่องบินไปใช่ไหม”

“ใช่ นั่งเครื่องบินไป”

“แต่ว่าพ่อกับแม่จะต้องไม่อนุญาตให้หนูไปแน่ๆ”

“ฉันจะพูดกับพ่อของเธอให้ เขาต้องตกลงแน่ๆ”

“พี่ฟา ใจดีจังเลย”

“หึๆๆ จริงๆ ก็ไม่ได้ดีเท่าไรหรอก” เด็กชายเกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย

แต่ในตอนนี้เอง ดวงตาของสาวน้อยโลลิพลันแปรเปลี่ยนเป็นความลึกล้ำ เธอมองเด็กชายที่ยังเขินอายอยู่ตรงหน้าและดุอย่างเย็นชา “โอ๋เด็กน้อยสนุกมากไหม”

“เอ่อ…เจ้าตื่นแล้วเหรอ เจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าแค่ทำเหมือนว่านางเป็นเจ้าตอนเด็กๆ น่ะ”

สาวน้อยโลลิลุกขึ้นเดินไปริมหน้าต่าง และพูดด้วยเสียงขรึม “การตอบสนองของเจ้าช้าขนาดนี้เลยเหรอ”

เด็กชายส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนและเดินไปริมหน้าต่าง

ด้านล่าง หน้าประตูบ้าน มีชายชราคนหนึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่

“ข้าเพิ่งกลับมา แค่อยากจะใช้เวลากับเจ้าให้มากหน่อย รอเขาขึ้นมาค่อยจัดการกับเขาก็ยังไม่สาย”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” สาวน้อยโลลิถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมข้าถึงได้ถูกจับตามองล่ะ”

สาวน้อยโลลิน้อยเนื้อต่ำใจ ช่วงนี้เธอเป็นเด็กประถมที่เป็นเด็กดีเชื่อฟังมาตลอดเชียวนะ ทำไมถึงได้จับตามองเธอล่ะ

“ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน ข้าเพิ่งกลับมาวันนี้”

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของสาวน้อยโลลิดังขึ้น เธอมองชายชราที่กวาดพื้นนอกหน้าต่างพร้อมกับรับสายโทรศัพท์ “ฮัลโหล ยายผีดิบโง่ ข้าเอง”

“อะไร จะเป็นไปได้ยังไง!”

“ได้ ข้ารู้แล้ว ข้าเข้าใจแล้ว”

“ไม่ ข้าไม่กลับไปชั่วคราว และไม่ต้องให้เถ้าแก่กับทนายอันไปตามหาด้วย ตอนนี้มีอยู่คนหนึ่งที่หน้าประตูบ้านข้าน่ะ”

สาวน้อยโลลิวางสาย แล้วเอื้อมมือไปตบไหล่ของเด็กชายเบาๆ “เจ้าลงไปจัดการเขา ข้าจะช่วยเจ้าลอกการบ้านภาษาอังกฤษเอง”

“ตกลง”

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท