บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1442 กลับคืนสู่เจ้าของ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1442 กลับคืนสู่เจ้าของ

หลังจากที่บรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น สิ่งที่เฉินซีสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ ปราณเซียนพิสุทธิ์ มันได้เปลี่ยนจากพลังงานโปร่งใสของเซียนปราชญ์ มาเป็นกระแสพลังงานสีทองเข้มของราชันเซียน!

พลังงานสีทองเข้มของราชันเซียนนั้น เต็มไปด้วยอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง และแค่พลังสายเดียวก็สามารถทุบภูเขาให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ แม้แต่มิติก็ไม่อาจแบกรับน้ำหนักของมัน ฟ้าดินไม่อาจต้านทาน!

แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังที่แท้จริงของราชันเซียน แต่ก็มีเศษเสี้ยวพลังของราชันเซียน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เซียนปราชญ์จะเทียบได้

หากปราณเซียนพิสุทธิ์ที่เซียนปราชญ์ครอบครองอยู่นั้นเป็นดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ราชันเซียนครึ่งขั้นครอบครองก็เสมือนจักรวาลที่ไร้ขอบเขต!

พลังทั้งสองนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน มันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลย

เมื่อชายหนุ่มสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของความแข็งแกร่งในร่างกาย เฉินซีก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าเหตุใดราชันเซียนครึ่งขั้นจึงสามารถบดขยี้บรรดาเซียนปราชญ์ทั้งหมดได้

พลังที่ราชันเซียนครึ่งขั้นครอบครองอยู่นั้น ได้ยืนอยู่จุดสูงสุดของสามภพแล้ว!

ความเปลี่ยนแปลงต่อปราณเซียนพิสุทธิ์ เป็นเพียงหนึ่งในคุณประโยชน์ที่ได้รับ หลังจากบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น

นอกจากนั้น โลกภายในร่างกายของเฉินซีก็ขยายตัวออกไป เสมือนว่าจะครอบคลุมจักรวาลทั้งหมด ในขณะที่อวัยวะภายใน เส้นเลือด และเส้นลมปราณก็เป็นเหมือนดวงดาวและกลุ่มดาวภายในจักรวาล…

เลือด แก่นแท้ จิตวิญญาณ และกฎสูงสุดแห่งเวลา มิติ ชีวิตและความตาย ได้กลายเป็นพลังแก่นแท้ที่รักษากลไลของจักรวาลแทน!

จักรวาลได้ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของเฉินซี!

นี่เป็นลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของราชันเซียนครึ่งขั้น

อย่างไรก็ตาม ราชันเซียนครึ่งขั้นเพียงครอบครองจักรวาลที่กำลังก่อตัวขึ้น และเมื่อจักรวาลภายในร่างกายเสร็จสมบูรณ์ มันจะเป็นสัญญาณของการบรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียน

แม้ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นและขอบเขตราชันเซียนจะห่างกันเพียงครึ่งขั้น แต่ในความเป็นจริง ยังมีช่องว่างที่เกือบจะเหมือนหุบเหวระหว่างทั้งสอง หากผู้ใดตั้งใจที่จะเอาชนะช่องว่างนี้ ก็ต้องต่อสู้เพื่อชิงความเป็นใหญ่กับสวรรค์ และคว้าวาสนาอันยิ่งใหญ่เพื่อบรรลุความสำเร็จ!

ดั่งที่กล่าวกันว่า หากไร้วาสนา ก็มิอาจกลายเป็นราชันเซียนได้

บัดนี้ เฉินซีเพิ่งบรรลุสู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ดังนั้น ไม่ว่าพรสวรรค์ของชายหนุ่มจะพิเศษเพียงใด ก็ไม่มีทางที่เขาจะสัมผัสระดับขอบเขตราชันเซียนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยไม่ต้องท้าทายสวรรค์ คว้าวาสนามาครอง และบำเพ็ญเพียรไปตามกาลเวลา

แต่ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็พอใจอย่างยิ่ง ที่สามารถบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น หลังจากใช้เวลาเพียงเจ็ดสิบปี

เคร้ง!

ในขณะที่เฉินซีสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย หัวเจี้ยนคงก็พลิกฝ่ามือและดึงกระบี่อมตะที่ดูเรียบง่ายและโบราณออกมา ตัวกระบี่มีสีดำสนิทไร้ประกายแวววาว มันมีเอกลักษณ์ของการกลับคืนสู่ความเรียบง่าย ช่างน่าตกใจ มันคือกระบี่ยันต์ศัสตราของเฉินซี!

“บัดนี้ เมื่อเจ้าบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว ข้าขอคืนมันให้เจ้า” หัวเจี้ยนคงส่งกระบี่ยันต์ศัสตราคืนเจ้าของอย่างไร้กังวล

“ขอบคุณผู้อาวุโส” ความสุขเสี้ยวหนึ่งแวบขึ้นภายในมาดวงตา ชายหนุ่มถือกระบี่ไว้ในมือ แล้วลูบมันแผ่วเบา สมบัติชิ้นนี้ได้ตะลุยฝ่าภพมนุษย์ไปกับเขา เผชิญกับการฆ่าฟัน และดื่มเลือดของศัตรูมานับไม่ถ้วน มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเฉินซีไปนานแล้ว

บัดนี้ มันได้กลับคืนสู่ความครอบครอง ความยินดีปรีดาท่วมท้นอยู่ในใจ

“พลังของกระบี่นี้เทียบได้กับสมบัติอมตะระดับจักรวาลเท่านั้น ดังนั้นหากเจ้าตั้งใจจะใช้มัน เจ้าอาจต้องขัดเกลามันอีกครั้ง” หัวเจี้ยนคงเอ่ยเตือน

เฉินซีพยักหน้า ตลอดที่ผ่านมา เขาได้สะสมสมบัติในฟ้าดินมามากมาย ทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ในการขัดเกลายันต์ศัสตรา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบี่เล่มเล็กที่อยู่ภายในกระบี่เซียนบงกชคราม มันจะนำมาซึ่งสรรพคุณที่เหลือเชื่ออย่างแน่นอน

โอม!

ในขณะนี้ พื้นที่กว้างใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงเกิดความผันผวนอย่างฉับพลัน จากนั้นทางเดินก็ทอดยาวออกมาจากอากาศ จนกระทั่งมาถึงตรงหน้าเฉินซี

หัวเจี้ยนคงเข้าใจทันที “เฉินซี ท่านอาจารย์ต้องการพบเจ้า”

ชายหนุ่มตะลึงลาน “ท่านเจ้าสำนักต้องการพบข้าหรือ?”

ความตื่นเต้นพรั่งพรูอยู่ในใจอย่างห้ามไม่ได้ เพราะนั่นคือ เหมิงซิงเหอ เจ้าสำนักคนปัจจุบัน!

ผู้เป็นบุคคลในตำนานที่ไม่ธรรมดา!

ตั้งแต่ได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า เขาก็ตั้งตารอที่จะได้พบกับเจ้าสำนักเหมิงซิงเหอมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อได้ทราบว่าจี้อวี๋คือจักรพรรดิเต๋า เขาจึงถือเจ้าสำนักเหมิงซิงเหอเป็นคนใกล้ชิด

ตอนนี้ เมื่อเฉินซีกำลังจะได้พบกับคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น แล้วจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?

ทว่าเฉินซียังคงสับสนอยู่ในใจ เพราะหัวเจี้ยนคงเคยกล่าวว่า เหมิงซิงเหอจะมาพบหลังจากที่เขาเข้าใจมรดกของจักรพรรดิเต๋าอย่างถ่องแท้แล้ว เหตุใดเหมิงซิงเหอถึงมาพบเขาตอนนี้?

เป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทำให้เขาไม่สามารถทำความเข้าใจมรดกของจักรพรรดิได้!

“เพราะปัจจุบัน กลิ่นอายของเบญจนิมิตแห่งอาสัญได้จุติลงมาแล้ว มันบ่งบอกว่ากลียุคของสามภพกำลังใกล้เข้ามา รีบไปซะ อย่าให้ท่านอาจารย์ต้องรอนาน” หัวเจี้ยนคงอธิบาย และเร่งให้เฉินซีรีบดำเนินการ

กลิ่นอายของเบญจนิมิตแห่งอาสัญ!

หัวใจของเฉินซีกระตุกวูบ เกิดคำถามมากมายอยู่ในใจขณะที่ก้าวเท้าบนทางเดินนั้น ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในทันที

หัวเจี้ยนคงไม่รั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไปเช่นกัน และกลับไปที่ยอดเขาลับกระบี่ทันที

“ผู้น้อยเซวียนหยวนซิ่ว มาเยี่ยมผู้อาวุโสหัวเจี้ยนคง” ในบ่ายวันนั้นเอง เมื่อหัวเจี้ยนคงกลับมาที่ยอดเขาลับกระบี่ หญิงสาวในชุดเขียวได้ยืนอยู่ที่ด้านนอก ด้วยสีหน้ากังวล นางย่อมเป็นอาซิ่ว

“เจ้าต้องการสิ่งใด?” หัวเจี้ยนคงมักเผยด้านที่ค่อนข้างอ่อนโยนต่อหน้าเฉินซีเสมอ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ท่าทางของเขาจะห่างเหินและไม่แยแส แม้ว่าจะเป็นอาซิ่ว นางก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาซิ่วมักจะมาส่งแผ่นหยกเสมอ พวกมันบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลจั่วชิว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเฉินซี ดังนั้นหัวเจี้ยนคงจึงไม่เคยปฏิเสธที่จะพบกับนางได้

มิฉะนั้น นางย่อมไม่มีทางก้าวขึ้นมาบนยอดเขาลับกระบี่ได้อย่างเด็ดขาด

“ผู้อาวุโส ข้าน้อยต้องการพบเฉินซี ตอนนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นภายในตระกูลจั่วชิว เรื่องนี้ด่วนนัก!” อาซิ่วรีบกล่าวด้วยสีหน้าเครียดขึงที่หาได้ยาก

สายฟ้าเย็นเยียบฉายวาบอยู่ในดวงตาของหัวเจี้ยนคง “ความขัดแย้งภายในตระกูลจั่วชิวปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วกระมัง?”

อาซิ่วพยักหน้า

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หัวเจี้ยนคงได้ทราบถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเฉินซีและตระกูลจั่วชิวเป็นอย่างดี หลังจากได้รับการยืนยันจากอาซิ่ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าสถานการณ์นั้นรุนแรงมากจนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

“มากับข้า” หัวเจี้ยนคงไม่รอช้า พุ่งทะยานไปจากยอดเขาลับกระบี่พร้อมกับอาซิ่ว

นี่เป็นดินแดนเร้นลับที่กว้างใหญ่ไพศาล

ต้นสนสีเขียว น้ำตก ไผ่สีม่วง น้ำพุใสไหลริน หินโบราณ… พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนเร้นลับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า มันทั้งเรียบง่ายและเงียบสงบ

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินเตี้ย ๆ ก้อนหนึ่ง สีหน้าดูอึ้งเล็กน้อย

ศิษย์น้อง!?

นี่คือคำทักทายที่เขาได้รับเมื่อเข้าสู่ดินแดนเร้นลับแห่งนี้ และผู้ที่ทักทายก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเจ้าสำนักคนปัจจุบัน เหมิงซิงเหอ!

ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้เรียกเขาว่า ‘ศิษย์น้อง!’

ยามที่ได้พบกับจี้อวี๋ในภพมนุษย์ เขาก็รู้สึกได้ราง ๆ ว่าเหตุผลที่ศิษย์พี่หลียางเตรียมการให้เขาเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้น เป็นเพราะจี้อวี๋ เนื่องจากจี้อวี๋เป็นจักรพรรดิเต๋าที่ก่อตั้งสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียนด้วยตัวเขาเอง

เป็นเพราะเรื่องนี้เอง ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักถึงห้ามไม่ให้ผู้อาวุโสคนใดรับเขาเป็นศิษย์ ทั้งที่ผ่านการทดสอบเข้าสำนักด้วยอันดับหนึ่ง เพราะหากกล่าวตามจริง เขาเป็นศิษย์หลานของจักรพรรดิเต๋า! แล้วใครจะมีคุณสมบัติพอที่จะรับเขาเป็นศิษย์ได้?

ในที่สุด ชายหนุ่มก็เข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักจึงนำกระบี่ยันต์ศัสตราของเขาไป เป็นเพราะเหมิงซิงเหอคาดเดาตัวตนของเฉินซีได้ตั้งแต่แรก การทำเช่นนี้ จึงเป็นการปกป้องชายหนุ่ม

อย่างไรก็ตาม เฉินซีไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายมาเป็นศิษย์น้องของเจ้าสำนักจริง ๆ!

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป มันอาจทำให้ผู้คนในภพเซียนแตกตื่นอย่างแน่นอน

อันที่จริง เมื่อเฉินซีสงบลงและไตร่ตรองเรื่องนี้ ผลลัพธ์นี้ก็สมเหตุสมผล เนื่องจากเหมิงซิงเหอสามารถสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก ดังนั้นเขาย่อมได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าในอดีตอย่างแน่นอน

จี้อวี๋ทิ้งมรดกของจักรพรรดิเต๋าไว้ข้างหลัง เหมิงซิงเหอจึงนับเป็นหนึ่งในศิษย์ของจี้อวี๋ เหมิงซิงเหอเรียกเฉินซีว่าศิษย์น้อง จึงนับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

ในขณะนี้ เหมิงซิงเหอนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินตรงข้ามเฉินซี ดวงตาลุ่มลึกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประสบการณ์ ก็จ้องมองเฉินซีด้วยแววเอ็นดู

เมื่อเห็นว่าท่าทางของเฉินซีฟื้นคืนความสงบแล้ว เขาจึงกล่าวว่า “ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ ก็ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือช่วยให้เจ้าเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเรา และประการที่สอง ก็เพื่อยืนยันบางสิ่ง”

เฉินซีตกตะลึงเล็กน้อย “เชิญผู้อาวุโส” เหมิงซิงเหอกล่าวหยอกล้อ “เจ้ายังเรียกข้าว่าผู้อาวุโสอีกหรือ? หรือเจ้าไม่ยอมรับว่าข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า?”

เฉินซีพลันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ศิษย์พี่ อย่าได้ถือสาเลย ข้าแค่ยังไม่ชินเท่านั้น”

“นั่นเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าข้าจะให้ความสนใจเจ้าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ข้าก็ไม่เคยพบกับเจ้าตรง ๆ เลยสักครั้ง จะไม่คุ้นเคยก็ไม่แปลก” เหมิงซิงเหอยิ้ม ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในฉับพลัน “เจ้าได้พบกับท่านอาจารย์ที่ภพมนุษย์หรือไม่?”

เฉินซีพยักหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าได้พบ น่าเสียดายที่เขาเลือกจากไปเพียงลำพัง…” ชายหนุ่มเล่าข้อมูลทั้งหมดจนหมดเปลือก

“ข้ารู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง” เหมิงซิงเหอเงียบไปเป็นเวลานาน จากนั้นก็ถอนหายใจยาว แต่ใบหน้าก็ไม่อาจปกปิดความโศกเศร้าได้

เฉินซีเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เพราะเขาไม่เต็มใจที่จะเห็นจี้อวี๋จากไปเช่นกัน

ในขณะนี้ เสียงของหัวเจี้ยนคงก็ดังก้องขึ้นภายในดินแดนเร้นลับ “ท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องด่วนที่จะแจ้งแก่ท่าน” เหมิงซิงเหอขมวดคิ้ว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ เพียงพริบตา ร่างของหัวเจี้ยนคงก็ปรากฏขึ้นภายในดินแดนเร้นลับ

“มีอะไร”

หัวเจี้ยนคงประสานกำปั้น “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินซี ปัจจุบัน ความขัดแย้งภายในตระกูลจั่วชิวได้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ สถานการณ์นี้เร่งด่วนมาก!”

“อะไรนะ!?” สีหน้าของเฉินซีแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขึง พลันลุกขึ้นและถามอย่างเร่งรีบ “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด แต่หญิงสาวจากตระกูลเซวียนหยวนกำลังรอเจ้าอยู่ที่ด้านนอกดินแดนเร้นลับ เจ้า…”

ฟิ่ว!

กล่าวยังไม่ทันจบ เฉินซีก็พุ่งออกจากดินแดนเร้นลับอย่างไม่รีรอ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท