บทที่ 551 ฉันต้องการพบเจ้าวัง
“อู๋ฝาน นี่แกฆ่าผู้อาวุโสจานเฮ่อ?” หลี่ปิงมองอู๋ฝานก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนอย่างแก” อู๋ฝานตอบกลับด้วยเสียงเย็นยะเยือก “แต่ฉันคนนี้รับประกันได้ ว่าถ้ายังกล้าบีบบังคับให้ตระกูลเกิ่งทำสัญญา จุดจบของพวกแกจะไม่ได้ดีไปกว่าจานเฮ่อ!”
คำขู่!
เป็นการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด!
หากเป็นก่อนหน้านี้คงไม่มีใครเก็บคำพูดของอู๋ฝานมาใส่ใจ แต่หลังได้ทราบเรื่องความตายของจานเฮ่อ เนื่องจากเขาเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับอีกฝ่าย อีกทั้งชายหนุ่มยังเลือกที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง จึงทำให้ไม่มีใครกล้ามองว่าเป็นคำพูดไร้สาระหรือล้อเล่นอีกต่อไป
“พวกเราไม่ได้บีบบังคับให้ทำสัญญา เขาเป็นฝ่ายพูดเรื่องทำสัญญาออกมาเองด้วยซ้ำ” พ่อของหลี่ปิงเอ่ยขึ้น
แน่นอนว่าพ่อของหลี่ปิงและพรรคพวกไม่มีทางบีบบังคับพ่อของเกิ่งหย่าเฟยได้ แต่ที่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยหวาดกลัวที่สุดคือวังเมฆาสีชาด การที่ผลลัพธ์จะเดินมายังตัวเลือกนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะสิ่งเดียวที่เขาหวาดกลัวคือวังเมฆาสีชาด
“อู๋ฝาน ขอบคุณในความหวังดี แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันตัดสินใจที่จะทำสัญญานี้ด้วยตัวเอง” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเอ่ยขึ้น
แม้พ่อของเกิ่งหย่าเฟยจะค่อนข้างประหลาดใจที่จานเฮ่อตายแล้ว แต่ความตายของจานเฮ่อก็ไม่อาจคลี่คลายเรื่องราวที่วังเมฆาสีชาดเป็นต้นเหตุได้ และความตายของอีกฝ่ายก็มีแต่จะยิ่งทำให้วังเมฆาสีชาดโกรธจัดจนลงมืออย่างรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้นแม้ความตายของจานเฮ่อจะเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจโอนถ่ายเก้าอี้ประธานของบริษัทตระกูลเกิ่ง
“คุณลุง ถ้าเชื่อในตัวผมก็ขอให้ไม่ลงนามในสัญญานั้น เรื่องนี้เริ่มขึ้นเพราะผม ดังนั้นผมจะคลี่คลายมันด้วยตัวเองครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“เรื่องนี้…” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเกิดลังเลขึ้นมา
แม้การที่จานเฮ่อตายจะทำให้เขาประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอู๋ฝานสามารถคลี่คลายปัญหาเกี่ยวกับวังเมฆาสีชาดได้ หากเขาเลือกที่จะเชื่อชายหนุ่มตรงหน้า และถ้าเมื่อใดเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ครอบครัวเกิ่งจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างชอกช้ำ ถึงเวลานั้นมันจะไม่จบเพียงแค่การสูญเสียบริษัท
ทุกคนของตระกูลเกิ่งอาจต้องเจอกับความตายเพราะการตัดสินใจในครั้งนี้!
“อู๋ฝาน แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ไอ้หน้าโง่อย่างแกน่ะเหรอจะฆ่าผู้อาวุโสจานเฮ่อได้ กับวังเมฆาสีชาดแกยิ่งไม่มีทางต่อกร พวกเขาจะไม่ปล่อยแกเอาไว้ คิดว่าจะจัดการกับทั้งวังเมฆาสีชาดได้รึไง? เหอะ หยุดความคิดเพ้อฝันนั่นซะ! ถ้าอยากตายก็ตายคนเดียว กล้าดียังไงมาลากตระกูลเกิ่งตายไปพร้อมกับแก?” หลี่ปิงชี้หน้าอู๋ฝานพร้อมเอ่ยเสียงดังขึ้นมา
“เพียะ!” หลี่ปิงกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเองที่ถูกตบจนหน้าหัน
“อย่าเสียมารยาทกับนายน้อย!” เหมยอวี่ตะโกนดังขึ้น
“อีตัวเหม็นโฉ่นี่กล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน ฉันจะเล่นงานแกให้ตาย!” หลี่ปิงเดือดดาลที่ตนเองถูกหญิงสาวคนหนึ่งตบจนหน้าหัน
“เพียะ!”
เพียงหลี่ปิงเอ่ยจบได้ไม่นาน เหมยเสวี่ยก็ลงมือตบแก้มอีกข้างที่ยังเหลือ
“หยุดอวดดีได้แล้ว!”
“แก… พวกแก!” หลี่ปิงจ้องมองสองแฝดผู้งดงามด้วยสองแก้มที่บวมแดง ในใจเวลานี้กำลังตื่นตระหนกเพราะความเจ็บปวดที่โลดแล่น
หากโดนตบครั้งแรกก็เป็นเพราะเขาไม่ทันระวังจนโดนตบ แต่ครั้งที่สองนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเขายังคอยระวังเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี ทว่าก็ยังถูกเหมยเสวี่ยตบหน้าอย่างไม่ทันรู้ตัวซะด้วยซ้ำ
สาวงามทั้งสองคนตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา!
อู๋ฝานไม่คิดสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง ขณะนี้ยังคงมองพ่อของเกิ่งหย่าเฟยพร้อมเอ่ย “ขอให้คุณลุงเชื่อในตัวผมเถอะครับ ขอเวลาผมคลี่คลายเรื่องราวนี้ภายในหนึ่งวัน คิดว่ายังไงครับ?”
คลี่คลายเรื่องนี้ภายในหนึ่งวัน? ใครฟังก็อยากหัวเราะ!
หลี่ปิงกำลังจะหัวเราะออกมา แต่เพราะเห็นสายตาของสองแฝดตรงหน้าที่มองมาจึงต้องกลืนเสียงหัวเราะกลับลงไป
“พ่อ หนูเชื่อในตัวอู๋ฝานค่ะ!” เกิ่งหย่าเฟยเดินออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงลังเล สุดท้ายจึงหันมองอู๋ฝานก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ ฉันเชื่อในตัวเธอ ขอฝากเรื่องของตระกูลเกิ่งเอาไว้กับเธอก็แล้วกัน”
“ขอบคุณคุณลุงมากครับ เรื่องนี้เดิมทีมันก็เกิดขึ้นเพราะผมอยู่แล้วด้วย” อู๋ฝานตอบกลับ
จากนั้นอู๋ฝานจึงมองพ่อของหลี่ปิงและคณะพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องสัญญาจะไม่มีการลงนามใดในวันนี้ กลับไปกันได้แล้ว”
“ลูกพี่เกิ่งกล้าฟังคำไร้สาระของไอ้หนูนี่จนตัดสินใจแบบนี้ได้ยังไงกัน? ลูกพี่กำลังผลักตระกูลเกิ่งไปยังขอบหน้าผานะ!” พ่อของหลี่ปิงมองพ่อของเกิ่งหย่าเฟย
เมื่อพ่อของเกิ่งหย่าเฟยตัดสินใจเชื่อในตัวชายหนุ่ม ไม่ว่าอู๋ฝานจะคลี่คลายปัญหาได้หรือไม่ มันก็ไม่ได้ส่งผลใดกับตระกูลหลี่ของพวกเขา แต่หากอู๋ฝานเอาชนะได้ขึ้นมา ตระกูลเกิ่งจะยังยืนหยัดในบริษัทนี้ต่อไปได้ แต่ถ้าอู๋ฝานพ่ายแพ้ วังเมฆาสีชาดจะเดือดดาลจนไม่ปล่อยโอกาสให้ตระกูลเกิ่งได้รู้สึกเสียใจด้วยซ้ำ สุดท้ายบริษัทของตระกูลเกิ่งก็จะเผชิญสภาวะล้มละลาย ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท พวกเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด กระทั่งจะประสบคราวเคราะห์ตามไปด้วย!
มันคือผลลัพธ์ที่พ่อของหลี่ปิงไม่อยากได้เห็นที่สุด
“ใช่แล้ว เหล่าเกิ่ง คุณกำลังสับสนจนตัดสินใจผิดพลาดนะ!”
“อู๋ฝานลำพังแค่ตัวเองยังเอาไม่รอด นับประสาอะไรกับตระกูลเกิ่ง ลูกพี่กำลังเรียกหาความตายให้มาเยือนนะ!”
บรรดาบอร์ดบริหารเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจดีถึงผลกระทบที่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเลือกที่จะเชื่อในตัวอู๋ฝาน ขณะนี้จึงพยายามเกลี้ยกล่อมกันออกมา
“ฉันตัดสินใจไปแล้ว พวกนายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก กลับกันไปได้แล้ว” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ขณะนี้เขาไม่ใช่คนที่ลังเลคนเมื่อครู่อีกต่อไป แต่เป็นคนที่เมื่อตัดสินใจได้แล้วและจะไม่นึกเสียดายอีก
“ลูกพี่เกิ่ง…” พ่อของหลี่ปิงยังคิดอยากจะเกลี้ยกล่อมต่อ
“เหมยอวี่ เหมยเสวี่ย ส่งแขก!” อู๋ฝานตะโกนขึ้น
“ค่ะนายน้อย!” สองแฝดตอบรับพร้อมกัน จากนั้นจึงหันไปมองพ่อของหลี่ปิงและพรรคพวกด้วยสายตาเย็นเยียบ ราวกับพร้อมจะลงมือสั่งสอนหากยังคงพูดไม่เลิก
ทุกคนต่างได้เห็นฝีมือของทั้งเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยกันไปแล้ว ยามนี้เมื่อเผชิญหน้าด้วยตนเอง จึงไม่มีใครกล้าเห็นต่างเป็นอื่นอีก
“ประธานเกิ่ง คุณจะต้องนึกเสียใจ!” พ่อของหลี่ปิงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเราไป!”
แม้จะไม่ยินดีพ่อของหลี่ปิงก็ต้องนำกลุ่มคนกลับกันไป ห้องประชุมแห่งนี้จึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“หย่าเฟย คุณลุง ผมเองก็คงต้องขอตัวก่อน ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะไม่ทำร้ายตระกูลเกิ่งอย่างแน่นอน” อู๋ฝานบอกกับเกิ่งหย่าเฟยและพ่อของเธอ
“อู๋ฝาน ระวังตัวด้วย” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ แม้เขาไม่ทราบว่าอู๋ฝานมีแผนการคลี่คลายเรื่องราวนี้ยังไง แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าคงไม่ใช่สันติวิธี
เกิ่งหย่าเฟยเองก็เผยสายตากังวลและห่วงหามองมาเช่นกัน
“ครับ ผมทราบดี” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ ก่อนจะกลับออกจากบริษัทตระกูลเกิ่งพร้อมเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย
“นายน้อย พวกเราจะไปที่ไหนกันคะ?” หลังคนทั้งสามกลับถึงรถ เหมยอวี่จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ร้านคัลเลอร์แมนครับ!” อู๋ฝานตอบรับด้วยน้ำเสียงอันสงบ
จากนั้นรถจึงเคลื่อนตัวออกไปประหนึ่งลูกศรพุ่งทะยานออกจากคันธนูตรงสู่ร้านคัลเลอร์แมน
อู๋ฝานได้พบคนที่ต้องการเจอด้านในร้านคัลเลอร์แมน เป็นชายชราและกลุ่มศิษย์วังเมฆาสีชาดที่ก่อนหน้านี้เคยใช้รถมาขวางทางเอาไว้
“จานเฮ่อและศิษย์สองคนนั้นฉันเป็นคนฆ่าเอง!” เมื่ออู๋ฝานเจอชายชราจึงเปิดประเด็นขึ้นมาโดยตรง “ฉันต้องการพบเจ้าวังเมฆาสีชาด!”