สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 299 ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 299 ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว

ก่อนอำลาจากกัน เฮ่อชิงเซียวหน้าหนาถามขึ้นว่า “พี่ชาย ขอยืมหมวกสานให้ภรรยาข้าสวมบังสักหน่อยได้หรือไม่”

นายพรานคว้าหมวกสองใบจากบนกำแพงมาให้ทันทีอย่างไม่ลังเล สบสายตาสงสัยของเฮ่อชิงเซียวก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าคนละใบ”

เสี่ยวเฮ่อหน้าตาดี ก็ควรต้องระวัง

“ท่านน้า พวกเราไปก่อน” ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวคำนับท่านน้า

“เจ้าไปส่งเสี่ยวเฮ่อกับภรรยาด้วย”

ทั้งสองคนไม่ได้ปฏิเสธความกระตือรือร้นจะมาส่งของนายพราน ตอนเดินอยู่ เฮ่อชิงเซียวก็ถามขึ้นว่า “พี่ชายรู้ไหมว่าไปอำเภอไป๋อวิ๋นอย่างไร”

“อำเภอไป๋อวิ๋น?” นายพรานชะงัก “ไกลมาก”

ไกล?

ซินโย่วสบตากับเฮ่อชิงเซียว

“อำเภอที่ใกล้กับพวกเราที่นี่ที่สุดก็คืออำเภอหลิงซาน หลายปีก่อนข้าเคยไปอำเภอไป๋อวิ๋นครั้งหนึ่ง นั่งรถหลายวันอยู่”

เฮ่อชิงเซียวแอบนึกตกใจ ถามขึ้นอย่างไม่เป็นที่สังเกตว่า “แล้วอำเภอหลิงซานไปอย่างไร”

นายพรานชี้ไป “ตรงไปตามถนนเส้นนั้น พอเจอทางแยกให้เลือกเส้นทางราบ เดินไปราวสองชั่วยามก็ถึง”

“ขอบคุณพี่ชาย พี่ชายไม่ต้องส่งแล้ว”

อำลานายพรานแล้ว ก็เดินไปอำเภอหลิงซาน ซินโย่วหันไปมองหมู่เทือกเขาสูงทีหนึ่ง

“พวกเราถูกกระแสน้ำพัดพาจากก้นแม่น้ำเข้าไปในบึงน้ำในถ้ำนั้น พอเดินออกมาก็น่าจะอยู่อีกด้านของหมู่เขา กลับอำเภอไป๋อวิ๋นต้องอ้อมหมู่เขาไป ไม่น่าใกล้” เฮ่อชิงเซียวคาดเดา

ทางใต้ภูเขามาก หากไม่มีใครบุกเบิกเส้นทางไว้ ระยะทางสั้น ๆ ก็ไม่รู้ว่าต้องอ้อมไกลเพียงใด

“รอไว้กลับไป ค่อยส่งเงินและอาหารแห้งมาให้ท่านน้ากับพี่นายพราน” ซินโย่วนึกถึงครอบครัวนายพรานที่ยากจนอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังเจียดอาหารและเนื้อมาให้นางบำรุงร่างกาย ในใจก็รู้สึกเกรงใจมาก

ทำอย่างไรได้ ถุงเงินที่พกติดตัวถูกน้ำซัดหายไป แม้ตราประทับที่เก็บซ่อนไว้ในหน้าอกยังอยู่ แต่หมู่บ้านภูเขาห่างไกลแลกเป็นเงินไม่ได้

เฮ่อชิงเซียวเองก็ทำถุงเงินหายเหมือนกับนาง ในตัวไม่มีแม้แต่เหรียญทองแดงเดียว

“เจ้าวางใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”

เดินมาได้ราวครึ่งชั่วยามกว่า เฮ่อชิงเซียวส่งถุงหนังใส่น้ำให้

ซินโย่วดื่มไปสองสามคำก็ส่งกลับ “ท่านเองก็ดื่มสักหน่อย”

ถุงหนังใส่น้ำได้มาจากนายพรานที่มอบให้ด้วยน้ำใจ บรรจุน้ำมาเต็มหนัก

เฮ่อชิงเซียวรับถุงหนังใส่น้ำไป แต่มิได้แตะ

ซินโย่วมองเห็นดังนี้ก็เม้มปาก “ในยามไม่ปกติ ใต้เท้าเฮ่อไม่จำเป็นต้องยึดมั่นธรรมเนียมประเพณีเช่นนี้”

หากจะยึดมั่นธรรมเนียมประเพณีพวกนั้นไว้ ตอนนางจุมพิตเขา ก็ควรกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกันแล้ว

“ข้ายังไม่กระหายน้ำ” เฮ่อชิงเซียวเก็บถุงหนังใส่น้ำเรียบร้อยก็ก้มตัวลงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่หายดี เดินนานไปร่างกายรับไม่ไหว ข้าแบกเจ้าเดินอีกสักครู่”

ซินโย่วปฏิเสธน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไม่ต้อง ข้ายังไม่เหนื่อย”

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง หยิบถุงหนังใส่น้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

หยดน้ำหกไหลรดคางที่เริ่มมีเคราของเขา ไหลผ่านลูกกระเดือกเข้าไปในสาบเสื้อ

ซินโย่วค่อยๆ เบือนสายตาหลบ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย

นางอาจจะเสียสติไปแล้ว อยู่ในสถานการณ์ลำบากเพียงนี้ ในใจกลับชัดเจนอย่างยิ่งว่าตนเองต้องการสิ่งใด ไม่ต้องการสิ่งใด แต่กลับไม่อาจระงับความคิดบางอย่างได้

“ข้าแบกเจ้า” พอดื่มน้ำหมด เฮ่อชิงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ

ซินโย่วไม่ได้ปฏิเสธอีก สองมือโอบหัวไหล่เขา

เส้นทางภูเขาไปยังอำเภอเดินทางไม่ง่าย ผิวถนนเป็นหลุมบ่อ มีแต่น้ำครำเจิ่งนอง เฮ่อชิงเซียวกลับเดินได้มั่นคงมาก สาวน้อยบนหลังกำลังวังชายังไม่เพียงพอ หลับไปไม่รู้ตัว

ซินโย่วตื่นมาอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าร่างส่ายไปมา พบว่าตอนนี้อยู่บนรถเทียมวัวคันหนึ่ง นางไม่ได้ส่งเสียงออกมา แต่มองด้วยสายตาสงสัย

“พบท่านลุงขับรถผ่านมาทางนี้พอดี เห็นเจ้าบนหลังข้าเดินทางลำบาก ยินดีให้พวกเรานั่งมาด้วย”

ชายชราที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถได้ยิน ก็หัวเราะพลางถามขึ้นว่า “นอนตื่นแล้วหรือ น้องชาย พี่ชายเจ้าไม่เลวจริงๆ แบกเจ้าเดินเหงื่อท่วมแผ่นหลัง”

ทั้งสองคนยังคงสวมชุดก่อนหน้านี้ที่นายพรานซักให้สะอาดแล้ว กอปรกับสวมหมวกสาน ชายชราจึงคิดว่าเป็นพี่ชายน้องชายสองคนเร่งเดินทาง

“ขอบคุณท่านลุงที่ให้พวกเรานั่งมาด้วย” ซินโย่วเอ่ยขอบคุณ เปลี่ยนเสียงเป็นแบบตอนแปลงโฉมเป็นชาย

ชายชรามองทางด้านหน้า กระตุกเชือกที่เทียมวัวไว้ “ผ่านทางมาพอดี ข้ากำลังจะไปส่งของให้บุตรชายที่อำเภอ บุตรชายข้าอายุใกล้เคียงกับพวกเจ้า ถึงอำเภอแล้ว”

การตรวจค้นก่อนเข้าเมืองในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ไม่เคร่งครัดนัก ทั้งสองคนตามชายชราเข้าเมืองมาได้อย่างราบรื่น เอ่ยขอบคุณและก็ขออำลากับชายชรา

ใกล้เที่ยงแล้ว คนบนท้องถนนไปมาขวักไขว่ กลิ่นอาหารแต่ละอย่างมากมายล่อลวงพยาธิในกระเพาะ

ซินโย่วยังนับว่ายังใจเย็น “ไปหาร้านรับฝากเงินเป่าอันกันเถอะ”

ร้านรับฝากเงินเป่าอันนับว่าเป็นร้านรับฝากเงินทางการ เปิดอยู่ทั่วทุกพื้นที่ทั่วแผ่นดิน มีตราประทับในมือไม่ต้องกังวล

พอสอบถามไปสองสามคน อำเภอหลิงซานไม่มีร้านรับฝากเงินเป่าอัน น้ำเสียงซินโย่วเริ่มสับสน “พี่ใหญ่ หากไม่มีเงิน…ท่านมีวิธีการใดที่จะหาเงินได้หรือไม่”

ตอนแรกที่นางเข้าเมืองหลวงก็พกของมีค่าที่สะดวกพกติดตัวมาด้วย แต่ไรมาไม่เคยมีประสบการณ์ไร้เงินทองติดตัวแม้แต่แดงเดียว

คนเดินผ่านไปมาได้ยินดังนี้ก็ยิ่งเดินเร็ว

เฮ่อชิงเซียวกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ส่วนใหญ่มีสองทาง หนึ่งคือปล้น สองคือขอทาน”

ซินโย่วตั้งใจครุ่นคิด

ปล้นนั้นก็ไม่อาจปล้นได้ หากขอทาน…นางเงียบมองไปทางชายที่สวมหมวกอยู่

หากให้ใต้เท้าเฮ่อถอดหมวกออก บางทีอาจได้?

เฮ่อชิงเซียวรับรู้ความคิดซินโย่วได้ทันทีอย่างน่าประหลาด มองนางอย่างจนใจทีหนึ่ง

“พี่ใหญ่…”

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยทันที จะได้ไม่ต้องได้ยินคำพูดให้เขาไปขายหน้าตาขอทาน “แต่พวกเรามีวิธีการที่ง่ายกว่า”

“วิธีการใด” ซินโย่วถามอย่างอยากรู้

ความจริงนางมีวิธีการหาเงินไม่น้อย แต่ล้วนไม่อาจแก้ไขเร่งด่วนตอนนี้ได้ ใต้เท้าเฮ่อกลับเอ่ยอย่างสบายๆ ทั้งที่เงินทองในมือฝืดเคืองมาตลอด…

เฮ่อชิงเซียวยัดของสิ่งหนึ่งใส่มือซินโย่ว

ซินโย่วก้มลงมองมือ ก็คือป้ายคำสั่งแสดงสถานะเขา

“สิ่งนี้ไม่หาย ไปที่ทำการอำเภอสำแดงสถานะ ให้พวกเขาจัดรถม้าส่งพวกเรากลับอำเภอไป๋อวิ๋น”

ซินโย่ว “…”

หนึ่งเค่อผ่านไป ทั้งสองคนก็ได้รับการต้อนรับจากนายอำเภอหลิงซานที่ออกมาต้อนรับอย่างเร่งด่วน

“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าเฮ่อ คารวะคุณชายซิน” นายอำเภอหลิงซานแซ่จู เรื่องการคมนาคมไม่สะดวกในอำเภอไป๋อวิ๋นที่อยู่ติดกัน แม้ไม่ได้แพร่มาถึงอำเภอหลิงซาน แต่ทางการก็ย่อมมีหนังสือแจ้งถึงกันให้รับรู้

ใต้เท้าเฮ่อเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ไม่อาจล่วงเกิน คุณชายซินท่านนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นตำนานแท้จริง

นายอำเภอจูมองซินโย่วด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ในใจคิดว่าอย่างไรต้องเข้าไปในห้องให้ได้ คุณชายซินยังสวมหมวกอีกหรือ

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกเรารีบเร่งกลับอำเภอไป๋อวิ๋น ขอนายอำเภอจูช่วยจัดการสักหน่อย”

“ข้าน้อยให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้ว ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ขอเชิญใต้เท้าเฮ่อกับคุณชายซินให้เกียรติร่วมรับประทานอาหารกลางวันสักมื้อค่อยไป”

“เช่นนั้นก็มิเกรงใจแล้ว”

แต่สิ่งที่ทำให้นายอำเภอจูผิดหวังก็คือ ผู้ที่มาร่วมรับประทานอาหารมีเพียงใต้เท้าเฮ่อ ส่วนคุณชายซินกินเพียงลำพังในห้องพัก ยังคงไม่ได้เห็นคุณชายซินตัวจริง

“สุขภาพคุณชายซินยังไม่แข็งแรงดี กำลังวังชายังไม่พอ ขอนายอำเภอจูอย่าได้แปลกใจ”

“มิกล้าๆ สุขภาพคุณชายซินสำคัญ”

หลังอาหาร เฮ่อชิงเซียวลุกขึ้น “ข้ามีธุระออกไปข้างนอกสักครู่ กลับมาค่อยออกเดินทาง”

นายอำเภอจูรู้ความอย่างมาก “ข้าน้อยจะกำชับบ่าวไม่ให้ไปรบกวนคุณชายซินพักผ่อน”

“ขอบคุณนายอำเภอจู” เฮ่อชิงเซียวชะงัก ถามด้วยสีหน้าปกติยิ่ง “นายอำเภอจู พอมีสักหน่อยหรือไม่”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท