ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 603 ที่แท้ก็คือหัวหน้าถาน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 603 ที่แท้ก็คือหัวหน้าถาน(1)

เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวจินหลงพูด ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราเข้าใจถูกแล้วค่ะ เราได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่ในสำนักงานของพวกคุณว่าสามารถตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้ได้”

จ้าวจินหลงได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย

“พวกคุณฟังใครพูดมา โดนหลอกหรือเปล่าครับ ผมมีหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างในห้างสรรพสินค้านั้น ผมจึงทราบดีว่าตั้งได้ไหม” หลังจากพูดจนจบ เขาก็วางแผนจะออกไป เพราะไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูดต่อแล้ว

เมื่อเห็นว่าจ้าวจินหลงเตรียมจะออกไป เหยาจิ้งจือก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “หรือว่าถานอี้คนนั้นจะหลอกเรา เขาไม่ได้มาจากสำนักงานพาณิชย์เหรอ?”

เท้าของจ้าวจินหลงก้าวออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเหยาจิ้งจือ เขาก็รีบหันหน้ามาอีกครั้ง แล้วเอ่ยถาม “คุณว่าอะไรนะครับ? ถานอี้?”

หลายคนเห็นท่าทางของจ้าวจินหลง จึงตระหนักขึ้นได้ว่าเขาคงจะรู้จักถานอี้

“ใช่ค่ะ คนที่ชื่อถานอี้คนนั้นบอกว่าคนที่รับผิดชอบทุกอย่างคือเขา แล้วยังบอกด้วยว่าพวกเราตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าได้ด้วย จริงสิ ข้าง ๆ เขายังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งชื่อเผิงเย่าหวู่ติดตามมาด้วย น่าจะมาจากหน่วยงานเดียวกับพวกคุณ”

จ้าวจินหลงคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพวกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะรู้จักกับหัวหน้าถาน เท้าของเขาที่แต่เดิมก้าวออกไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง จากนั้นก็นั่งลง แล้วกล่าวกับหลายคนพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ครับ พวกเขาทั้งสองคนมาจากหน่วยงานของเราเอง แต่ว่า…พวกคุณรู้จักหัวหน้าถาน แล้วทำไมถึงไม่ไปคุยกับเขาโดยตรงล่ะครับ ทำไมถึงมาหาผมแทน”

“หัวหน้าถาน?”

ในตอนนี้ฉินมู่หลานก็ได้ทราบแล้วว่าที่แท้ถานอี้ก็คือหัวหน้าระดับสูงของสำนักงานพาณิชย์

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะตอบสนอง “เขา…ที่แท้เขาก็มีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ ก่อนหน้านี้เขาคุยกับพวกเราไปเรื่อย พวกเราจึงกลัวว่าจะโดนเขาหลอก”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ในที่สุดจ้าวจินหลงก็เข้าใจว่าคนตรงหน้าไม่ทราบถึงตัวตนของหัวหน้าสำนักงาน เพียงแต่เมื่อได้ฟังคำพูดของพวกหล่อน ดูเหมือนว่าหัวหน้าถานจะสนใจร่วมธุรกิจกับพวกหล่อนเป็นอย่างมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวจินหลงจึงเปลี่ยนท่าทีจากก่อนหน้านี้ แล้วรีบกล่าวว่า “พวกคุณลองเล่าเกี่ยวกับเครื่องสำอางของพวกคุณให้ผมฟังก่อนเถอะครับ”

ฉินมู่หลานทราบดีว่าเป็นเพราะถานอี้ จ้าวจินหลงจึงได้เปลี่ยนใจ

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้นึกเสียดายที่ไม่ได้คุยกับถานอี้ อย่างไรก็สมควรที่จะปกป้องตัวเองอยู่แล้ว ในตอนนั้นพวกเธอไม่ได้รู้จักตัวตนของถานอี้ดี และถึงแม้ว่าถานอี้จะบอกว่าตัวเองมาจากสำนักงานพาณิชย์ แต่เขาก็ไม่ยอมเปิดเผยตำแหน่งของเขาตั้งแต่เริ่มคุยจนกระทั่งจบบทสนทนา

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำเกี่ยวกับเครื่องสำอางของเราก่อนนะคะ”

ฉินมู่หลานคุ้นเคยกับเครื่องสำอางของมู่เสวี่ยมากที่สุด เพราะผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเธอเป็นผู้พัฒนาเอง ดังนั้นให้เธอพูดจึงสมเหตุสมผลกว่า หลังจากนั้นเธอก็พูดถึงการส่งออกของผลิตภัณฑ์มู่เสวี่ยทั้งหมด

ในตอนแรกจ้าวจินหลงคิดว่าเครื่องสำอางแบรนด์นี้เป็นเพียงของที่เพิ่งผลิตขายในประเทศเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาจึงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้เปิดให้บริการสำหรับพวกชาวต่างชาติและชาวจีนโพ้นทะเล สินค้าที่ขายให้กับพวกเขาจึงต้องได้มาตรฐาน กลับนึกไม่ถึงว่า คนพวกนี้ได้ลงสัญญาส่งออกเครื่องสำอางไปต่างประเทศมาแล้วมากมาย

เมื่อคิดได้แบบนี้ แววตาของจ้าวจินหลงก็ดูกระตือรือร้นนิดหน่อย

“สหายฉิน ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยรายละเอียดเรื่องร่วมธุรกิจด้วยกันให้เรียบร้อยเถอะครับ หลังจากพวกเราตกลงเรื่องนี้กันแล้ว ผมจะไปรายงานหัวหน้าถานอีกครั้ง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ค่ะ พวกเรามาคุยกันก่อน”

มาที่ครั้งแรก พวกเธอก็ได้เจรจาร่วมธุรกิจแล้ว ดังนั้นฉินมู่หลานจึงรีบชี้แจงเงื่อนไขของพวกเธอ

จ้าวจินหลงได้ฟังก็พักหน้าแล้วกล่าวว่า “ครับ ผมเข้าใจสิ่งที่พวกคุณจะสื่อแล้ว เดี๋ยวผมจะกลับไปรายงานหัวหน้าถาน”

“ตกลงค่ะผู้จัดการจ้าว ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับไปก่อนนะคะ แล้วจะรอฟังข่าวดีจากคุณค่ะ”

จ้าวจินหลงได้ยินแบบนี้ก็รีบโบกมือ ก่อนจะสอบถามที่อยู่ปัจจุบันของพวกเธอ

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ รอได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว ผมจะไปหาพวกคุณที่ที่พัก”

หลังจากจ้าวจินหลงไปแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรก็เริ่มกล่าวขึ้น “นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าถานอี้จะเป็นหัวหน้าระดับสูง ไม่แปลกใจเลยที่เผิงเย่าหวู่มีท่าทีแบบนั้น”

ซูหว่านอี๋อดกล่าวไม่ได้ “ถึงแม้ว่าถานอี้จะเป็นผู้นำระดับสูงขนาดไหน แต่พฤติกรรมของเผิงเย่าหวู่ก็ไม่ค่อยดีเลย ดูเหมือนว่าอยากจะให้คนอื่นคอยทำตามใจพวกเขาตลอด”

เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะถานอี้นิสัยดี พวกเราก็ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับพวกเขาให้มากความ แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเพราะถานอี้ ไม่อย่างนั้นจ้าวจินหลงคงเดินหันหลังกลับไปแล้ว”

“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นหากเจอถานอี้อีกครั้ง จะต้องขอบคุณเขาดีๆ”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากจ้าวจินหลงกลับไปก็ตรงไปหาถานอี้ทันที

“หัวหน้าถานครับ มีนักธุรกิจเครื่องสำอางรายใหญ่มาหา บอกว่าอยากจะเปิดเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้” จ้าวจินหลงเล่าเรื่องของฉินมู่หลานอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าพวกเธอจะรู้จักท่านครับ”

ถานอี้ได้ฟังคำพูดนี้ก็หัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าว “ใช่ ฉันเจอพวกหล่อนตอนที่กลับมาทางรถไฟ หลังจากรู้ว่าพวกหล่อนกำลังจะขอร่วมธุรกิจกับทางสำนักงานพาณิชย์ที่ไห่เฉิง ก็ได้พูดคุยกับพวกหล่อนแล้ว แต่พวกหล่อนระวังตัวมาก ไม่ยอมเชื่อใจฉันเลย นึกไม่ถึงว่าจะไปติดต่อนายทันทีที่มาถึงไห่เฉิง”

“หัวหน้าถาน ตอนแรกที่เจอหน้ากัน ผมปฏิเสธพวกหล่อนไป แต่กลับนึกไม่ถึงว่าพวกหล่อนจะรู้จักท่าน หลังจากได้ฟังคำแนะนำของพวกหล่อนแล้ว ก็พบว่าเครื่องสำอางของพวกหล่อนดีมากเลยครับ มีออเดอร์ส่งออกต่างประเทศด้วย”

ถานอี้พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ฉันก็รู้สึกแปลกใจที่ในประเทศเรามีเครื่องสำอางที่ได้ส่งออกไปต่างประเทศด้วย เพราะคนส่วนใหญ่นิยมซื้อเครื่องสำอางจากต่างประเทศ แต่จริง ๆ แล้วต่างประเทศกก็นำเข้าเครื่องสำอางของประเทศเราด้วย มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ”

“ใช่ครับ ผมจึงรู้สึกว่าห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้ของเมืองเราก็สามารถลองเปิดเคาน์เตอร์วางขายเครื่องสำอางได้”

หลังจากพูดจบ จ้าวจินหลงก็อธิบายเงื่อนไขของทางฝั่งฉินมู่หลานขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ยังกล่าวต่อ “หัวหน้าถานครับ ถึงแม้ว่าความต้องการของพวกหล่อนดูจะเรียกร้องข้อเสนอเยอะ แต่ถึงอย่างไรสินค้าของพวกหล่อนก็มีชื่อเสียง ได้ยินมาว่ายอดขายทางฝั่งฮ่องกงก็ดีมากเหมือนกัน หากเป็นอย่างนั้น ทางฝั่งเราก็น่าจะขายได้ดีเหมือนกันนะครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ถานอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะกล่าว “วางใจ ฉันเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากจะร่วมงานกันจริง ๆ ก็จะต้องทำตามเงื่อนไขของพวกหล่อนอยู่แล้ว แต่พวกเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเครื่องสำอางของพวกหล่อนดีจริงอย่างที่กล่าวหรือเปล่า”

“หัวหน้าถาน เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมว่าจะลองติดต่อให้เส้นสายไปสืบเรื่องนี้ในฮ่องกงดู มันไกลเกินกว่าจะไปตามสืบได้ แต่ผมคิดว่าจะลองไปที่ฮ่องกงดูครับ”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นหน้าที่นี้ฝากนายด้วยล่ะ”

จ้าวจินหลงยกยิ้มตอบรับ แต่ทางฝั่งของฉินมู่หลานก็ต้องได้คำตอบก่อนเหมือนกัน

“หัวหน้าถาน นั่น…แล้วทางด้านสหายฉินล่ะครับ?”

ถานอี้ยิ้มแล้วโบกมือก่อนจะกล่าวว่า “รอจนกว่านายจะได้ข้อมูลแล้วค่อยให้คำตอบพวกเธอแล้วกัน เพราะฉะนั้นนายต้องรีบเร่งหน่อยแล้ว กลัวว่าพวกหล่อนจะไม่รอ”

แต่สุดท้ายแล้ว ถานอี้ก็กล่าวเสริมอีก

“ทางด้านฉันเองก็จะลองหาเส้นสายให้ไปช่วยตรวจสอบด้วย เพราะเรื่องการลงนามสัญญาทุกที่ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ฉะนั้นฉันจะติดต่อหาเส้นสายที่ปักกิ่งดูแล้วกัน”

จ้าวจินหลงกล่าวชื่นชมทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น “วิธีของหัวหน้าดีมากเลยครับ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย แค่ถามไปยังปักกิ่ง ก็จะทราบสถานการณ์ได้แล้ว”

เมื่อได้ฟังคำเยินยอของจ้าวจินหลง ถานอี้ก็หัวเราะ แล้วบอกให้เขารีบไปจัดการ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท