ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 642 ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 642 ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

หลังมื้อค่ำ คนทั้งครอบครัวนั่งแทะเมล็ดแตงไปพลางดูทีวี จู่ ๆ โทรศัพท์ของหลินเซี่ยก็ดังขึ้น

เสียงเปี่ยมความรักใคร่เอ็นดูของเซี่ยเหลยดังมาจากปลายสาย “เซี่ยเซี่ย กินข้าวหรือยัง? กำลังดูทีวีอยู่หรือเปล่า? กินข้าวอร่อยไหม?”

หลินเซี่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “พ่อ เพิ่งกินเสร็จ พวกเรากำลังดูทีวีอยู่เลยค่ะ กำลังจะโทรหาพ่อกับแม่อยู่พอดี”

“พวกเราก็เพิ่งกินข้าวเสร็จ” พอเซี่ยเหลยได้ยินเสียงลูกสาวจากปลายสายก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ความรู้สึกตีตื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

“พ่อ สวัสดีปีใหม่นะ”

“สวัสดีปีใหม่” เซี่ยเหลยส่งโทรศัพท์ให้แม่เฒ่าเซี่ย ให้ภรรยาคุยกับลูกสาว

คนในครอบครัวโทรมาก็หนีไม่พ้นคำถามทำนองว่า หลินเซี่ยกินมื้อค่ำหรือยัง ได้ดูรายการทีวีเหมือนกันหรือเปล่า

เฉินเจียเหอก็แวะมาทักทายสวัสดีปีใหม่พ่อตา ผู้เฒ่าเฉินก็ฝากให้หลินเซี่ยทักทายคุณย่าและคุณพ่อคุณแม่ของเธอผ่านทางโทรศัพท์ อวยพรให้พวกเขามีความสุขในวันปีใหม่

เฉินเจิ้นเจียงรับโทรศัพท์มาคุยกับเซี่ยเหลย “พ่อเซี่ยเซี่ย สวัสดีปีใหม่นะ”

หยางหงเสียนั่งอยู่ข้าง ๆ มองทุกคนแวดล้อมหลินเซี่ย ผลัดกันอวยพรให้คนในครอบครัวของหลินเซี่ย สีหน้าของหล่อนพลันหม่นหมองลง ทันใดนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา

แม้แต่เฉินเจียซิ่งก็ยังเข้าไปร่วมวงด้วย เขาได้ยินเสียงเซี่ยไห่จากในสาย จึงส่งเสียงอวยพรปีใหม่ให้พวกเซี่ยไห่ แล้วนัดเซี่ยไห่ไปดื่มเหล้า

เซี่ยไห่ในเวลานี้กำลังวางมาดให้สมกับเป็นผู้ใหญ่อยู่ จึงไม่ยอมตอบรับเขาง่าย ๆ “เจียซิ่ง อย่าทำตัวไม่รู้จักเด็กผู้ใหญ่แบบนี้สิ ใครจะไปดื่มเหล้ากับนาย? ฉันเป็นอารองของเจียเหอ นายจะมาแทรกทำไม?”

เฉินเจียซิ่งไม่โกรธแม้แต่น้อย ตะโกนตอบกลับว่า “อารองของพี่สะใภ้ก็คืออารองของผมเหมือนกัน คราวหน้าผมจะพาหงเสียไปร้องคาราโอเกะ ให้พวกเราร้องฟรีด้วยนะ”

เฉินเจียซิ่งคุยเล่นต่อไปอีกสักครู่ หันกลับมาก็พบว่าหยางหงเสียนั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง ดูรายงานตลกในโทรทัศน์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เสียงหัวเราะที่ดังลอดออกมาไม่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากหล่อนได้เลย

“หงเสีย เป็นอะไรไป?” เฉินเจียซิ่งไปนั่งลงข้างหล่อนแล้วถามขึ้นมา

หยางหงเสียคลี่ยิ้ม ตอบกลับว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันกำลังดูทีวีอยู่”

เฉินเจียซิ่งมองกลุ่มคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ เขาพลันเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงถามว่า “โทรหาที่บ้านหน่อยดีไหม?”

หยางหงเสียพูด “ที่บ้านไม่มีโทรศัพท์ ต้องให้พ่อกับแม่ไปรับข้างนอก อากาศหนาวเกินไป อย่าให้พวกท่านลำบากเลยค่ะ”

“โทรเถอะ โทรศัพท์ส่วนกลางอยู่ตรงข้ามบ้านคุณนี่ พวกท่านเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”

คนที่บ้านหลินเซี่ยโทรเข้าโทรศัพท์ส่วนตัวของหลินเซี่ยโดยตรง เวลานี้โทรศัพท์บ้านว่างอยู่ เฉินเจียซิ่งจึงลากหยางหงเสียไปกดเบอร์โทรศัพท์ส่วนกลางในตรอกหูถงใกล้บ้านตระกูลหยาง บอกให้เจ้าของร้านขายของฝั่งตรงข้ามร้องเรียกพ่อแม่ของหยางหงเสียให้

ร้านอยู่ห่างจากบ้านตระกูลหยางไม่กี่ก้าว ร้องเรียกจากหน้าประตูก็ยังได้ยิน

โทรศัพท์ติดแล้ว คุณป้าเจ้าของร้านจึงบอกว่าจะไปเรียกพ่อแม่มาให้เธอ

ถ้าหยางหงเสียกลัวเปลืองค่าโทรศัพท์ก็ให้รอสักสองนาทีแล้วโทรมาใหม่

เฉินเจียซิ่งไม่ให้หยางหงเสียวางหู รอให้เจ้าของร้านเดินไปเรียกคนที่บ้านภรรยาให้

เพราะว่าไม่ได้วางหู จึงได้ยินเสียงเจ้าของร้านที่ออกไปเรียกคนอยู่ข้างนอก

สักพัก มีเสียงฝีเท้าดังมาจากปลายสาย ตามด้วยเสียงเจ้าของร้าน

“หงเสีย พ่อแม่เธอกำลังดูรายการฉลองวันปีใหม่อยู่ ไม่มีเวลามารับโทรศัพท์ พวกเขาบอกว่าเดี๋ยววันที่สองเธอก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดด้วย”

“จ้ะ งั้นฉันวางสายก่อนนะ ฉันก็จะกลับไปดูโทรทัศน์เหมือนกัน”

หยางหงเสียได้ยินเสียงตรู๊ด ๆ จากปลายสาย พลันรู้สึกว่ามือเท้าเย็นเฉียบ หัวใจร่วงดิ่งลงก้นเหว

เฉินเจียซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพ่อตาแม่ยายจะไม่สนใจหยางหงเสียขนาดนี้

ลูกสาวของตัวเองเพิ่งแต่งงาน ไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเป็นครั้งแรก พวกเขากลับไม่ห่วงหาแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกแปลกไปเลยหรือที่สมาชิกในบ้านหายไปหนึ่งคน?

เฉินเจียซิ่งมองภรรยาของตนเอง รู้สึกสงสารหล่อนจับใจ

ทางด้านหลินเซี่ยกำลังจะวางสายกับที่บ้านพอดี

“พ่อ หนูขอวางสายก่อนนะคะ ต้องกลับไปดูทีวีต่อแล้ว”

เซี่ยเหลยกล่าวว่า “ลูกสาว ขอให้ปีใหม่นี้โชคดีราบรื่นทุกอย่างนะ”

“ขอบคุณค่ะ หนูก็ขอให้พ่อแม่สุขภาพแข็งแรง ค้าขายรุ่งเรืองเหมือนกันนะคะ”

เซี่ยไห่ร้องแทรก “แล้วฉันล่ะ”

“ขอให้อารองแต่งงานกับอาสะใภ้ในเร็ววัน พอใจหรือยัง?”

เซี่ยไห่แสดงออกว่าพอใจมาก “หลานสาวปากหวานจริง ๆ”

หลินจินซานก็เข้ามาแทรกอีกคน เขาต้องการให้หลินเซี่ยอวยพรให้เหมือนที่พูดกับเซี่ยไห่

“พี่ เมื่อกี้นี้ฉันพูดอวยพรพี่ไปแล้ว อย่าเยอะเกินไปนักเลย รีบไปดูทีวีเถอะ”

หลินจินซานไม่ยอม เขาจะให้หลินเซี่ยอวยพรให้เขาและชุนฟางแต่งงานกันในเร็ววันให้ได้

หลินเซี่ยจำใจพูดซ้ำอีกรอบ

“คำอวยพรไม่ใช่ของฟรีนะ เตรียมซองแดงไว้ให้ฉันกับหู่จือเสียดี ๆ วันมะรืนนี้พวกเราจะไปรับซองแดงตอนไปเยี่ยมสวัสดีปีใหม่”

“ผมจะเอาซองแดงใหญ่ ๆ” หู่จือร้องเสียงดัง

เมื่อได้ยินคำพูดของหู่จือ ผู้อาวุโสเฉินและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่

แม้ปกติเฉินเจียซิ่งจะค่อนข้างความรู้สึกช้า แต่เวลานี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างครอบครัวพี่สะใภ้และครอบครัวภรรยาของตัวเองอย่างชัดเจน

ความแตกต่างนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุ

แต่เป็นเรื่องความรู้สึก

พ่อตาแม่ยายของเขาสนใจแต่จะดูโทรทัศน์ ลูกสาวโทรไปก็ไม่รับ

รายการโทรทัศน์สำคัญกว่าลูกสาว

พูดตามตรงก็คือในใจพวกเขาไม่มีหยางหงเสียอยู่เลย

แต่งงานออกไปแล้วก็เป็นเหมือนกับน้ำที่สาดทิ้งไป

หลินเซี่ยเก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาถามหยางหงเสียพร้อมรอยยิ้ม “หงเสีย รายการถึงไหนแล้ว?”

หยางหงเสียตอบ “รายการตลกเพิ่งจบไปค่ะ”

“รายการตลกจบไปแล้ว?” หลินเซี่ยหยิบเมล็ดแตงขึ้นมากำหนึ่งแล้วเริ่มแกะไปพลางดูรายการไปด้วย

เมื่อครู่หยางหงเสียโทรไปที่บ้านแล้วไม่มีคนรับสาย เฉินเจิ้นเจียงกับโจวลี่หรงก็ได้ยินแล้ว

แต่ทั้งคู่กลัวว่าหยางหงเสียจะรู้สึกแย่จึงไม่กล้าพูดถึง

คนในครอบครัวหันไปสนใจรายการฉลองปีใหม่กันหมด แต่หยางหงเสียกลับไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนท่อนไม้ เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศ

วันที่สองนี้ลูกเขยกับลูกสาวจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เรื่องนี้ทำให้คนตระกูลเซี่ยตื่นเต้นกันมาก

ทุกคนอยู่ส่งท้ายปีเก่าจนถึงเที่ยงคืน วันถัดมาก็นอนกันจนตะวันสายโด่ง พวกเซี่ยไห่ไม่มีอะไรทำจึงจัดโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอก เซี่ยอวี่กับลินดานับแล้วยังขาดขาอีกคน เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงเล่นไม่เป็น หลินจินซานก็เล่นเป็นแค่งู ๆ ปลา ๆ พวกเขาจึงได้แต่สอนหลินจินซานไปพลาง เล่นไปพลาง

เอ้อร์เลิ่งคอยรินน้ำชาให้พวกเขาอยู่ข้างๆ

หลินจินซานพูดว่าการฉลองเทศกาลปีใหม่ในเมืองไม่มีบรรยากาศของปีใหม่ ถ้าเป็นที่หมู่บ้านพวกเขา เช้าวันที่หนึ่งทุกบ้านจะไปอวยพรปีใหม่กันก่อน จากนั้นค่อยไปไหว้พระขอพรที่วัด รับประทานมื้อเช้าเสร็จก็จะต้อนรับเทพเจ้าแห่งความเป็นสิริมงคล ร้องเพลงทำนาในลานนวดข้าวของหมู่บ้าน เล่นชิงช้า บรรยากาศคึกคักเอามาก ๆ

ในเมืองไม่มีญาติพี่น้องให้ไปมาหาสู่ จึงได้แต่หมกตัวเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ในบ้าน

เอ้อร์เลิ่งก็รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกัน เขาเริ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ผู้ชรา จึงขอกระดาษและปากกาจากหลินเยี่ยนแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายบนโต๊ะ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท