คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 770 เจ้าลัทธิเต๋าปิดตัว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 770 เจ้าลัทธิเต๋าปิดตัว

ตอนมาที่หมู่บ้านตระกูลจงมีจงจิ้นซื่อพามา ตอนกลับเขาต้องอยู่จัดการเรื่องในหมู่บ้าน จึงทำได้เพียงจัดบ่าวรับใช้ในตระกูลส่งฉินหลิวซีและคนอื่นๆ กลับไป

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจ ตราบใดที่สิ่งตอบแทนอยู่ในมือแล้ว ดูสิ นางลูบกิมเซียมซูสามขาที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของรถม้า ยิ้มอย่างชอบใจ ขาดแต่น้ำลายไหลแล้ว

เถิงเจาอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า อดกลั้นไม่ไหวแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านเอาสิ่งนี้กลับไป เตรียมจะละลายมันกลายเป็นทองคำก้อนหรือว่าจะหลอมละลายแล้วเคลือบลงบนร่างเจ้าลัทธิเต๋า”

เจ้าลัทธิเต๋าสะดุ้ง ‘เจ้าเด็กคนนี้เข้าใจข้า น่าเอ็นดูยิ่งกว่าอาจารย์ของเขามาก’

ฉินหลิวซีเอ่ย “จะละลายทำไม พวกเราไม่ได้สร้างตำหนักใหม่แล้วหรือ จะได้ตั้งแท่นบูชาไว้ที่นั่นพอดี ข้าจะอัญเชิญกิมเซียมซูใหม่สักหน่อยแล้วค่อยเอาไปตั้ง ได้รับธูปจากผู้ศรัทธา ให้ทุกคนได้ร่ำรวยเงินทอง”

เจ้าลัทธิเต๋า ‘ข้าปิดตัวแล้ว’

เถิงเจา “ท่านแน่ใจว่าไม่ใช่เพราะอยากให้อารามของพวกเราร่ำรวย?”

“พวกเราไม่เรียกว่าร่ำรวย เรียกว่าควันธูปรุ่งเรือง” ฉินหลิวซีแก้ไขคำพูดของเขา

เหอะ

วั่งชวนลูบกิมเซียมซู ทันใดนั้นก็เข้าไปใกล้ กัดไปหนึ่งที เมื่อเห็นรอยฟันเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา จึงเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอาจารย์ เป็นทองคำแท้เจ้าค่ะ”

เถิงเจาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดปากนางด้วยความรังเกียจ ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เจ้าโง่หรืออย่างไร ไปกัดเช่นนั้น ไม่กลัวสกปรกบ้างเลย”

ฉินหลิวซีก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เอ่ย “สิ่งนี้ถูกคางคกบ้านั่นฉี่ใส่ ปากเจ้าชาหรือไม่”

นางยังมองดูชิ้นส่วนที่ถูกหลอมละลาย เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ตบกล่องหยกที่บรรจุคางคกฟุ่มเฟือย จอมล้างผลาญ

คางคก ‘ตราบใดที่ข้าแกล้งตาย เจ้าก็จะติดต่อข้าไม่ได้ ข้าช่างฉลาดเสียจริง’

วั่งชวนบีบปาก เอ่ย “ท่านอาจารย์ นี่เป็นทองคำแท้ วางไว้ในอาราม จะไม่เป็นการดึงดูดขโมยหรือเจ้าคะ”

เถิงเจาถอนหายใจ อย่าพูดเลย กิมเซียมซูสามขาตัวใหญ่ขนาดนี้ โจรบนหลังคายามกลางคืนเห็นเข้ามีใครบ้างจะไม่อยากได้ แม้ว่าจะถูกเจ้าลัทธิเต๋าลงโทษ ก็จะลองดูสักตั้ง หากขโมยไปได้ล่ะ

เจ้าลัทธิเต๋ามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ‘ใช่แล้ว ละลายทองคำราดบนตัวข้า ใครขโมยคนนั้นโชคร้าย!’

ฉินหลิวซีเอ่ย “วางสิ่งนี้ไว้ที่วิหารใหม่ เรียกความมั่งคั่งและความเป็นมงคล ซ้ำยังเรียกความพึงใจของผู้ศรัทธา หากมันมีพยายามก็จะศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ควันธูปในอารามชิงผิงของพวกเราก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น”

ครื้น

มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจากด้านนอก

ฉินหลิวซีมองออกไป ท้องฟ้าที่เดิมทีสดใสเริ่มมืดลง ฝนใกล้จะตกแล้ว ตกไม่เบาอย่างแน่นอน นางจึงเอ่ยกับบ่าวรับใช้ที่ขับรถม้าว่า “ดูว่าข้างหน้ามีที่หลบฝนหรือไม่ ไปหลบสักหน่อย ฝนจะตกแล้ว”

“ขอรับ”

รถม้าวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นก็ชะลอความเร็วลง เสียงบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านหน้า เอ่ย “ท่านอาจารย์ มีรถติดหล่ม จะหยุดก่อนหรือไม่ขอรับ”

ฉินหลิวซีเปิดม่านขึ้นอีกครั้ง เห็นว่ามีรถเอนอยู่ข้างถนนจริงๆ มีล้อข้างหนึ่งติดหล่ม มีคนกำลังดันรถขึ้น

“หยุดก่อน ออกไปช่วยสักหน่อย”

รถม้าหยุดลง ฉินหลิวซีให้เถิงเจาและคนอื่นๆ นั่งอยู่ในรถ นางกระโดดลงไป เห็นชายชราอายุหกสิบกว่าปีนั่งอยู่ข้างๆ หลังค่อม มือท้าวเอว สีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย

ทางด้านรถม้า ก็ไม่รู้ว่ามีคนบาปที่ไหนมาขุดหลุมขนาดใหญ่ข้างถนน ล้อรถจมลงไปทั้งหมด คนขับรถร่างใหญ่กับบ่าวรับใช้น้อยอายุสิบกว่าปีกำลังเคลื่อนรถ พยายามจะย้ายรถออกมา

ฉินหลิวซีให้บ่าวรับใช้เข้าไปช่วย ส่วนนางเดินไปหาชายชราผู้นั้น เหลือบมองเขา กล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าปวดเอวหรือ”

ชายชราสังเกตเห็นนางนานแล้ว เมื่อเห็นนางเดินมาก็ยังเผยให้เห็นรอยยิ้มใจดี เมื่อเห็นนางถามเช่นนี้ ก็ยกมุมปาก ชี้ไปที่รถ “ร่างกายแก่ชราใช้งานไม่ได้แล้ว รถตกหลุม ก็เลยไปกระแทกกับผนังรถเข้า”

“ข้ารู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ท่านต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”

รถม้าคันนั้นมีบ่าวรับใช้เข้าไปช่วยแล้ว คนหนึ่งบังคับม้า อีกสองคนออกแรงดึง รถออกมาได้แล้ว เพียงแต่ล้อหลุดออกมาจากรถม้ากลิ้งออกไปด้านข้าง

รถพังแล้ว

คนขับรถกับบ่าวรับใช้สีหน้ามืดครึ้ม เมื่อเห็นฉินหลิวซียืนอยู่ตรงหน้านายท่านผู้เฒ่าของตัวเอง ก็ไม่สนใจรถแล้ว รีบวิ่งเข้ามาหา มองฉินหลิวซีอย่างระมัดระวังเล็กน้อย

ในขณะนั้นเอง ซ่า ซ่า

เม็ดฝนตกลงมาแล้ว

ฉินหลิวซีเหลือบมองดูท้องฟ้า เอ่ย “ฝนตกแล้ว คงไม่หยุดง่ายๆ ตกลงมาเร็วด้วย ข้าว่ารถของพวกท่านก็ไปไม่ไหวแล้ว นั่งรถของพวกเราไปหาที่หลบฝนข้างหน้าดีหรือไม่”

คนขับรถกำลังจะปฏิเสธ ราวกับเม็ดฝนต้องการจะหยุดเขา เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

ชายชราจึงกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว” เขากล่าวกับคนขับรถที่เป็นองครักษ์ว่า” เก็บของในรถม้าสักหน่อย ปลดตะขอรถออก แล้วเจ้าก็ขี่ม้าตามไป”

คนขับรถพยักหน้า เหลือบมองฉินหลิวซีอีกครั้ง แล้วรีบไปเก็บของ

ส่วนบ่าวรับใช้น้อยก็พยุงชายชราลุกขึ้น ทันทีที่ขยับ ชายชราผู้นั้นก็สีหน้าซีด

เมื่อฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็เดินเข้าไป มือข้างหนึ่งพยุงข้อมือเขา อีกข้างหนึ่งกดลงบนจุดเซิ่นอวี๋ที่บริเวณกระดูกสันหลังช่วงเอวอย่างชำนาญ

ชายชราตัวแข็งทื่อเล็กน้อย มองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ

เมื่อมาถึงรถของพวกเขาแล้วเปิดประตูรถออก ชายชรากับบ่าวรับใช้ตกตะลึง กิมเซียมซูทองตั้งอยู่ข้างใน สว่างจ้าเกือบทำให้ตาบอด ซ้ำยังมีเด็กน้อยอีกสองสามคน

เมื่อเห็นเด็กน้อย หัวใจของบ่าวรับใช้น้อยก็ผ่อนคลายลง

ฉินหลิวซีขึ้นไปก่อน จากนั้นก็ดึงชายชราขึ้นมานั่ง บ่าวรับใช้น้อยนั่งอยู่ที่หน้าประตูรถ มองไปยังกิมเซียมซูอีกครั้ง นี่คือทองคำแท้หรือทองคำเปลว เด็กเหล่านี้เป็นใครกัน

รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เร็วขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

ชายชรายิ้มพลางเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณแม่นางมากที่เข้ามาช่วย ข้าแซ่อวี๋ ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีนามว่าอะไร”

บ่าวรับใช้น้อยตกใจ นี่เป็นแม่นางหรือ

ฉินหลิวซียิ้มพลางตอบ “พวกเราคือนักพรตจากอารามชิงผิงในเมืองหลี ข้ามีนามเต๋าว่าปู้ฉิว เป็นเจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิง นี่คือศิษย์คนโตของข้าเสวียนอี ศิษย์คนเล็กเสวียนซิน แล้วยังมีน้องชายในตระกูลของข้าฉินหมิงฉุน”

เถิงเจาและคนอื่นๆ คุกเข่าคำนับชายชรา

บ่าวรับใช้น้อยเบิกตาโตกว่าเดิม ซ้ำยังเป็นนักบวช อีกอย่างนักพรตหญิงผู้นี้ก็อายุไม่มาก แต่รับลูกศิษย์แล้วด้วยหรือ

ผู้เฒ่าอวี๋ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แม้ว่าจะเห็นว่าพวกเขาแต่งกายค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นนักพรตในอาราม กล่าวว่า “เจ้าอายุยังน้อยก็รับลูกศิษย์แล้วหรือ”

อีกอย่าง รูปร่างหน้าตาก็ค่อนข้างดูดีเป็นอย่างมาก

“ต้องรับลูกศิษย์แต่เนิ่นๆ” ฉินหลิวซียิ้มแย้ม ยิ่งรับเร็วก็ยิ่งเกษียณได้เร็ว

ผู้เฒ่าอวี๋ถอนหายใจเบาๆ “เด็กรุ่นหลังช่างน่าหวั่นเกรง แล้วกิมเซียมซูนี้…”

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “เป็นค่าน้ำมันตะเกียงที่พึ่งหามาได้”

ผู้เฒ่าอวี๋กระตุก ใครที่ไหนให้ค่าน้ำมันตะเกียงเป็นกิมเซียมซูกัน

บ่าวรับใช้น้อยก็รู้สึกว่านี่เป็นของปลอมที่ชุบทองเท่านั้น จึงไม่ได้อยากรู้อีกต่อไป เมื่อเห็นสีหน้านายท่านผู้เฒ่าของตัวเองดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข “นายท่านผู้เฒ่า ท่านไม่ปวดเอวแล้วหรือขอรับ”

ผู้เฒ่าอวี๋ตกตะลึงเล็กน้อย ยืดเอวขึ้น มองไปยังฉินหลิวซี “เจ้ารู้วิชาแพทย์จริงๆ หรือนี่ เมื่อครู่ดูเหมือนเจ้าจะกดที่เอวด้านหลังของข้า ไม่ได้รู้สึกเจ็บจนยืดเอวขึ้นไม่ได้เหมือนเมื่อครู่แล้ว”

“นั่นคือจุดเซิ่นอวี๋ สามารถบรรเทาอาการปวดเอวได้ แต่อาการปวดเอวของท่านมีสาเหตุมาจากเลือดคลั่งอุดตันเส้นลมปราณ หากท่านเชื่อใจข้า เมื่อไปถึงที่หลบฝนแล้ว ข้าสามารถช่วยฝังเข็มระบายเลือดรักษาให้ท่านได้”

ผู้เฒ่าอวี๋ถามด้วยความตื่นเต้นว่า “เจ้าทำนายออกมาหรือ”

ฉินหลิวซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี เอ่ย “เมื่อครู่ที่ข้าพยุงท่านก็ได้จับชีพจรดู”

ผู้เฒ่าอวี๋ “…”

ดังนั้นนักพรตหญิงผู้นี้อาศัยโอกาสที่เขาไม่ได้สนใจจับร่างกายของเขาจนทะลุปุโปร่งหมดแล้วงั้นหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท