ตอนที่ 773 ช่วยกันคนละไมคนละมือ
มีคนพุ่งเข้ามาท่ามกลางความหนาวเย็นของสายฝน เมื่อเห็นฉินหลิวซีและพรรคพวกก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง แล้วมุ่งตรงไปที่กองไฟ
จิตใต้สำนึกของมู่ซินต้องการจะหยุดเขา แต่เมื่อเห็นสตรีท้องโตที่เขาอุ้มอยู่ ก็ลังเลไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะไปขวางอยู่หน้าผู้เฒ่าอวี๋
และหลังจากที่คนผู้นั้นบุกเข้ามา ก็มีสาวใช้และบ่าวรับใช้สามสี่คนทยอยวิ่งตามกันเข้ามา ซ้ำยังมีองครักษ์และบ่าวรับใช้น้อยอีกสองสามคน ทุกคนล้วนอุ้มสัมภาระไว้ในอ้อมแขน เปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำ
“มู่ซิน ช่วยพวกเขาก่อไฟ” ผู้เฒ่าอวี๋เหลือบมองแล้วกำชับมู่ซิน
ฉินหลิวซีมองสตรีที่สีหน้าซีดและเปียกปอนท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่น จากนั้นก็กวาดสายตาไปที่ท้องของนาง เอ่ยกับเถิงเจาว่า “เจาเจา พวกเจ้าก็ไปช่วยด้วย”
หลังจากที่บุรุษซึ่งกำลังอุ้มสตรีผู้นั้นได้ยินเข้า ก็รีบกล่าวขอบคุณ ก้มหน้าลงเรียกคนในอ้อมแขน “อวิ๋นเหนียง รีบตื่นขึ้นมาเร็ว”
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย เขย่าสตรีนามว่าอวิ๋นเหนียงผู้นั้นเบาๆ
ทางด้านฉินหลิวซีได้ช่วยจัดการดูแลขาทั้งสองข้างของผู้เฒ่าอวี๋เรียบร้อยแล้ว ให้เขานั่งลง กล่าวกับบุรุษผู้นั้นว่า “นางใกล้จะคลอดแล้ว”
เถาเหวินเฉิงตกตะลึง จากนั้นก็สีหน้าซีด มองไปรอบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
บ้านไม้ที่ถูกทิ้งร้างหลังนี้ซอมซ่อเช่นนี้ อวิ๋นเหนียงก็ยังตั้งครรภ์ได้ไม่ครบกำหนด หากคลอดที่นี่ แค่คิดก็รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
ราวกับตอบสนองคำพูดของฉินหลิวซี อวิ๋นเหนียงร้องครวญคราง ลืมตาขึ้นมา อ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวด “ท่านพี่ ข้าปวดท้องเหลือเกิน”
เถาเหวินเฉิงกอดนางแน่น ใบหน้างดงามไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“นายท่านรอง ให้พวกบ่าวจัดการเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ดูมีอายุก้าวเข้ามา สีหน้ามีความกังวล
เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ลำดับขั้นตอน จึงเอ่ยขึ้นว่า “ไปเอาอ่างหรือหม้ออะไรเหล่านั้นไปตักน้ำสะอาดข้างนอกมาต้ม เตรียมผ้าฝ้ายสะอาด และสิ่งที่ต้องใช้ในการทำคลอด มู่ซิน ถอดแผงประตูบานนั้นออก พวกเจ้าไปดึงผ้าม่านมา…”
นางชี้แนะลำดับขั้นตอน ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังรูม่านตาสีเข้มของนาง ทำตามคำแนะนำของนางโดยไม่รู้ตัว
มีความชื่นชมอยู่ในแววตาของผู้เฒ่าอวี๋ เอ่ยกับมู่เหนียนว่า “เจ้าก็ไปช่วยด้วย” จากนั้นก็ดึงวั่งชวนที่อายุน้อยที่สุดและฉินหมิงฉุนมา “พวกเจ้ามานั่งเป็นเพื่อนปู่เถิด”
เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าทุกคนเคลื่อนไหว ตัวนางเองก็เดินไปนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเถาเหวินเฉิงกับภรรยา กล่าวว่า “ข้าเป็นหมอ”
เถาเหวินเฉิงดวงตาเป็นประกาย
อวิ๋นเหนียงลืมตาครึ่งหนึ่ง ร่างกายทั้งหนาวทั้งเจ็บปวด ตัวสั่นไม่หยุด ปากก็สั่นด้วยเช่นกัน ครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ฉินหลิวซีเอ่ยปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว”
มือของนางกุมมือของอวิ๋นเหนียง ความร้อนจากนางแผ่กระจายออกไป เถาเหวินเฉิงเห็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองมีควันลอยออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก กำลังจะหลบ แต่ภาพที่ทำให้เขาประหลาดใจก็ปรากฏขึ้น
เสื้อผ้าที่เปียกโชกของอวิ๋นเหนียงเริ่มแห้งอย่างรวดเร็ว
นี่ นี่มัน?
“อุ้มไปที่บานประตูนั้น” ฉินหลิวซีเห็นสองสามคนได้ทำเตียงอย่างเรียบง่ายขึ้นมาแล้ว จึงให้เถาเหวินเฉิงย้ายคนไปที่นั่น
เถาเหวินเฉิงรีบอุ้มภรรยาไป วางไว้บน ‘เตียงคลอด’ ที่ปูด้วยผ้าห่มเปียกชื้นหนึ่งชั้น นัยน์ตาแดงก่ำ
“หลบหน่อย” ฉินหลิวซีจับมือของอวิ๋นเหนียง สัมผัสชีพจร เมื่อเห็นนางเอาแต่ครวญครางด้วยความเจ็บปวด จึงกล่าวว่า “อดทนได้ก็อดทนหน่อย เก็บแรงไว้เบ่งคลอด”
มือของนางเอื้อมไปที่ท้องของอวิ๋นเหนียง เถาเหวินเฉิงคว้ามือนางไว้
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ข้าเป็นนักพรตหญิง”
เถาเหวินเฉิงตกตะลึงอีกครั้ง ปล่อยมือออก
ฉินหลิวซีแตะท้องของนาง ขมวดคิ้วทันที ครรภ์พึ่งอายุครบเจ็ดเดือน ตำแหน่งทารกไม่ถูกต้อง เป็นปัญหาจริงๆ
“เจ้า ข้า?” อวิ๋นเหนียงยกศีรษะขึ้น มองไปยังฉินหลิวซี คว้ามือของนาง “ข้าจะสามารถ…”
“ตำแหน่งทารกไม่ถูกต้อง ข้าจะช่วยเจ้าเอง จะเจ็บอยู่บ้าง ทนได้หรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ย
อวิ๋นเหนียงสีหน้าซีดกว่าเดิม น้ำตาไหลออกมา
ฉินหลิวซียังไม่ลงมือ เอ่ยกับเถิงเจาว่า “เอายันต์ปราบปีศาจไล่วิญญาณร้ายมา”
เมื่อคนในห้องได้ยินเช่นนี้ ก็อดตกตะลึงไม่ได้ เหตุใดต้องใช้ยันต์ในการทำคลอดบุตร
เถิงเจาหยิบถุงผ้าออกมาจากตะกร้าสะพายหลัง เปิดกล่องออก เอายันต์ออกมายื่นให้ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีรับมา แปะไว้บนเตียง
จากนั้นก็หยิบเครื่องรางแคล้วคลาดให้นางกำไว้ในมือ
ลมฝนกระโชกแรงอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นการกระทำนี้ของฉินหลิวซี ทุกคนก็มองหน้ากัน ขนลุกเล็กน้อย
การกระทำของคนผู้นี้ เหตุใดจึงแปลกไปเสียทุกอย่าง
ฉินหลิวซีจะพูดอะไรได้ บอกว่าสตรีตั้งครรภ์ผู้นี้บนตัวเต็มไปด้วยพลังอาฆาตชั่วร้าย เกรงว่าจะมีปัญหาในการคลอดบุตรอย่างนั้นหรือ
นางไม่ได้เอ่ยอะไรมาก เพียงแต่ให้สาวใช้สองคนขึงม่านสีเขียวขนาดใหญ่เพื่อบังสายตาของบุรุษที่อยู่ข้างนอก ช่วยไม่ได้ ห้องก็ใหญ่แค่นี้ ไม่รู้จะไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว
เมื่อเห็นม่านสีเขียวถูกขึงแล้ว นางก็เอ่ยกับอวิ๋นเหนียงว่า “ข้าจะช่วยเจ้าปรับตำแหน่งของทารกในครรภ์ มันเจ็บมาก”
อวิ๋นเหนียงมีเหงื่อเย็นไหลออกมา ก่อนจะพยักหน้า
ฉินหลิวซีจึงได้วางสองมือลงบนท้องของนาง เมื่อสัมผัสที่ส่วนสะโพกของทารก เริ่มปรับให้ถูกต้อง
เจ็บ นางไม่ได้โกหกเลยแม้แต่นิด
อวิ๋นเหนียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“ให้นางกัดผ้าเช็ดหน้า อย่าให้กัดลิ้น”
สาวใช้ที่ดูมีอายุรีบเอาผ้าเช็ดหน้ายัดใส่ปากให้นางกัดไว้ เหลือบมองฉินหลิวซีด้วยความเป็นกังวล คนผู้นี้อายุน้อยเช่นนี้จะไหวหรือ
ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจความสงสัยของนาง เพียงแต่มุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวของมือตัวเอง นอกจากจะใช้ฝีมือในการจัดทารกแล้ว ยังส่งผ่านพลังวิญญาณไปด้วย นำทางให้ตำแหน่งของเด็กทารกถูกต้อง
และด้วยเหตุนี้ สีหน้าของนางจึงซีดลงเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยตำแหน่งของทารกในครรภ์ก็ถูกต้องแล้ว
“เตรียมคลอดบุตรเถิด” ฉินหลิวซีตรวจชีพจรของนางอีกครั้ง หยิบขวดจากกระเป๋าใบใหญ่ เทยาออกมาหนึ่งเม็ด ป้อนใส่ปากนาง
กลิ่นหอมของยาเข้าไปในลำคอ อวิ๋นเหนียงยังไม่ทันได้ขอบคุณ ก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการบีบตัวของมดลูกอย่างรุนแรง
“เก็บแรงไว้หน่อย”
อวิ๋นเหนียงทำได้เพียงกัดฟัน จับมือของเถาเหวินเฉิงที่ไม่หนีไปไหนเอาไว้แน่น ทนต่อการบีบตัวของมดลูก ในไม่ช้าเหงื่อเย็นก็เปียกโชกบนหน้าผากของนาง
เวลาดูเหมือนจะผ่านไปช้ามาก
เสียงบอกว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว ทำให้ฉินหลิวซีหันไปมอง
สาวใช้ผู้นั้นมองไปยังฉินหลิวซีอย่างร้อนใจเล็กน้อย เอ่ยว่า “ช่องคลอดเปิดช้าเล็กน้อย”
น้ำคร่ำแตกแล้ว แต่ช่องคลอดไม่เปิด หากผ่านไปนานจะแย่เอาได้
หากเป็นห้องที่อบอุ่นหน่อย ก็จะดีกว่า ยังสามารถรอได้ แต่สภาพแวดล้อมในตอนนี้ หากไม่คลอดเสียที ก็จะเป็นปัญหาทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ฉินหลิวซีหยิบเข็มเงินออกมา แทงไปที่จุดฝังเข็มบริเวณท้องสองสามเข็ม ช่วยทำให้ช่องคลอดเปิดได้ ซึ่งเป็นการกระตุ้นการคลอดอย่างหนึ่ง
เป็นอย่างที่คิด หลังจากฝังเข็มแล้ว สาวใช้ตรวจสอบดู สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข เอ่ย “เปิดแล้วเจ้าค่ะ”
น้ำร้อนถูกยกเข้ามา
ฉินหลิวซีรออย่างใจเย็น ข้างหูได้ยินเสียงร้องที่อดทนต่อความเจ็บปวดของอวิ๋นเหนียง
“คุณนายน้อยรอง อีกสักครู่หากบ่าวให้ท่านออกแรงท่านก็ออกแรงนะเจ้าคะ” สาวใช้คุกเข่าลงหน้าช่องคลอด มองอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ย “ออกแรงได้แล้วเจ้าค่ะ”
ข้างนอก มู่ซินยืนอยู่ที่หน้าประตู บุรุษคนอื่นๆ ที่เหลือเห็นดังนั้นก็ไปยืนอยู่ด้วย สีหน้าดูทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย มีความอึดอัดอยู่บ้าง
มีลมพัดเข้ามา หนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พวกเขาที่ไปยืนบังอยู่ที่หน้าประตูโดยไม่รู้ตัวพากันสั่นเทา รู้สึกหนาวอย่างมาก
ฉินหลิวซีลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืน มองไปยังความว่างเปล่า “บังอาจ กล้าดีอย่างไร!”
ทุกคนหันไปมอง “?”
เกิดอะไรขึ้น