ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 315 นั่นคืออะไร?!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 315 นั่นคืออะไร?!

ชายหนุ่มและงูยักษ์จ้องมองกันอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดโม่จวินเจ๋อจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน

“เจ้าคืนสหายข้ามาได้หรือไม่?”

ไม่มีเสียงตอบใด ๆ หลุดออกมาจากปากของอสรพิษร้าย มีเพียงแค่นัยน์ตาสีแดงก่ำที่ยังคงจ้องมองโม่จวินเจ๋ออย่างไม่วางตา

ร่างกายใหญ่โตเกือบจะกลายเป็นพญามังกรได้แล้ว คงมิอาจฟังภาษาคนไม่รู้ความกระมัง

โม่จวินเจ๋อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าร่างของมังกรดำที่นอนหลับใหลอยู่ในตันเถียนออกมา พวกมันน่าจะถือว่าเป็นสัตว์เผ่าพันธุ์เดียวกัน น่าจะพูดคุยกันได้?

ทันทีที่ได้กลิ่นของมังกรดำ ร่างกายของงูยักษ์ก็สั่นเทิ้ม ดวงตาอีกข้างที่ปิดสนิทพยายามอย่างหนักที่จะลืมตาขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล

โม่จวินเจ๋อได้ยินเสียงสายโซ่กระทบกันดังแว่วมาจากส่วนลึกของถ้ำ

หรือว่างูยักษ์ตนนี้ถูกกักขังเอาไว้?

ฝ่ายมังกรดำ เมื่อถูกปลดปล่อยออกมาดูเหมือนมันจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง มันจึงพุ่งตรงไปยังส่วนลึกของถ้ำในทันทีโดยไม่เอ่ยคำใด ราวกับถูกรั้งดึงด้วยพลังงานบางอย่าง เพียงพริบตาเดียว ร่องรอยของมันก็เลือนหายไป…

โม่จวินเจ๋อ “???”

เหตุใดทุกคนถึงชอบหายไปเช่นนี้?

ทว่าบัดนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือช่วยชีวิตผู่ตานที่ถูกกลืนกินเข้าไป

“ผู่ตาน!”

โม่จวินเจ๋อเอ่ยเรียกเสียงหนึ่ง อย่างที่คาดไว้ว่าจะมิ…

“แหวะ!”

ผู่ตานกลับส่งเสียงตอบรับอย่างเหนือความคาดหมาย

แรงดูดอันมหาศาลมิอาจดึงร่างผู่ตานเข้าสู่ท้องงูได้ เขาใช้ร่างกายขัดขืนอยู่ตรงซอกเขี้ยวของอสรพิษนั้นอย่างดื้อรั้น

สัตว์ร้ายที่กำลังกลืนกินเหยื่อหายใจหอบ ผู่ตานพยายามง้างปากงูใหญ่แล้วอาเจียนออกมา

ก็มิรู้ว่าเป็นงูยักษ์ประเภทใด เหตุใดจึงต้านทานพลังเวทได้!

เวลานี้ผู่ตานช่างชิงชังตัวเองนัก เหตุใดข้าจึงไม่ใช่ผู้ฝึกกายา หากเป็นเช่นนั้น การง้างปากอสรพิษคงไม่ยากเย็นถึงเพียงนี้!

โม่จวินเจ๋อมองหาต้นตอของเสียงจนพบ นางหยิบซากศพอสูรสดใหม่มาวางไว้ตรงหน้าอสรพิษ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ยอมอ้าปาก

ทันใดนั้น เสียงร้องแหลมก็ดังมาจากส่วนลึกของปากถ้ำ ดวงตาข้างที่ลืมอยู่ของอสรพิษค่อย ๆ ปิดลง จากนั้นร่างกายของมันเริ่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เสียงโซ่ตรวนดังกึกก้องขึ้นเรื่อย ๆ

ผู่ตานที่ติดอยู่ในปากอสรพิษ ไม่เพียงต้องทนกับกลิ่นเหม็นเน่าเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังต้องทนกับร่างกายที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

อสรพิษดิ้นรนอยู่นาน จนผู่ตานถูกมันอาเจียนออกมาพร้อมกับเศษเนื้อและกระดูกสด ๆ มากมาย

ทันใดนั้น โม่จวินเจ๋อก็ใช้พลังวิญญาณปิดกั้นประสาทสัมผัสด้านกลิ่นของตัวเองและถอยหลังไปไกล…

ผู่ตานแทบบ้า เขาจะตามมาที่หุบเขานี้ทำไมกัน!?

อยู่ล่าสัตว์อสูรไม่ดีกว่าหรือไร!

น่าเสียดายที่สายเกินกว่าจะเสียใจแล้ว ผู่ตานอาเจียนจนหมดแรง เขาคลานออกมาจากกองกระดูกสดใหม่ น้ำเหนียว ๆ เปรอะเปื้อนไปทั่วร่าง รู้สึกอยากจะตายแล้วเกิดใหม่เสียจริง! ร่างกายนี้มันช่างโสโครกนัก!

โม่จวินเจ๋อยังคงมีเมตตาจึงร่ายเวทชำระล้างให้ผู่ตานหลายสิบครั้งจนกระทั่งเขากลับสะอาดสะอ้านดังเดิม

“เจ้าเข้าไปก่อนเเละกัน เดี๋ยวข้าจะตามไป”

ผู่ตานดูสงบนิ่ง แต่ยิ่งเขาสงบนิ่งเท่าใด โม่จวินเจ๋อกลับยิ่งรู้สึกว่าเขาใกล้จะสติแตกเต็มที

“อย่าทำอะไรงูยักษ์ มันเป็นเพียงทางผ่าน”

ผู่ตานที่กำลังจะหั่นงูยักษ์เป็นชิ้น ๆ จึงสงบลง เขาไม่ใช่คนที่ไม่มองภาพรวม การทำลายทางผ่านอาจทำให้พวกเขาออกไปไม่ได้

เช่นนั้น… เขาระบายอารมณ์ใส่ตัวเองก็ได้!

ผู่ตานชักกริชออกมา ตั้งใจจะตัดผมของตัวเองทิ้ง

หืม?

ตัดไม่ออก?

แม้จรดคมมีดกรีดลงไปหลายครา เขาก็หวนนึกขึ้นได้ว่าเส้นผมของเขาผ่านพลังวิเศษแห่งหลิงเยว่รักษาจนมิใช่เส้นผมเส้นเดิมอีกแล้ว

เช่นนั้นก็เผามันเสีย!

เปลวเพลิงลุกโชนอยู่ปลายเส้นผม ทว่ากลับมิอาจแผดเผาได้แม้เพียงน้อย!

“เอาเถอะ ไม่ให้ตัด ไม่ให้เผา เช่นนั้น…” ผู่ตานใบหน้าบูดบึ้ง เริ่มปลดอาภรณ์ออกจากร่าง มิได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาที่หลับพริ้มของงูยักษ์นั้นได้ลืมขึ้นเพียงเล็กน้อย ราวกับแอบลอบมอง

ผู่ตานในชุดอาภรณ์สะอาดตา จ้องเขม็งไปยังพญางูยักษ์ที่แสร้งทำเป็นสิ้นชีพ ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามโม่จวินเจ๋อไป

เส้นทางทั้งสามมิได้เลือนหายไปแม้ทั้งสองจะย่างกรายเข้าไป ราวกับกำลังรอคอยผู้มีวาสนาคนต่อไปอย่างนั้น

ตุบ ตุบ ตุบ…

โม่จวินเจ๋อก้าวเดินบนตัวอสรพิษ เสียงหัวใจดังกึกก้อง ทุกย่างก้าวเสียงหัวใจจะดังขึ้นหนึ่งครั้ง

ไม่ถูกต้อง! เป็นสามครั้งต่างหาก!

ในนั้นสองเสียงแผ่วเบา หากไม่ตั้งใจฟังก็ไม่อาจได้ยิน!

หรือมังกรดำถูกเสียงหัวใจดึงดูดมาเช่นนี้?

โม่จวินเจ๋อย่างก้าวอย่างระมัดระวัง แต่โชคยังดีที่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“นี่… หัวใจของผู้ใดกัน?!”

ท่านผู่ตานที่ตามมาถึงกับตะลึงงันเมื่อเห็นหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ตรงหน้า นอกจากสัตว์เทพและอสูรแล้ว เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้ใดกันจะมีหัวใจอันใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้!

ด้านข้างของหัวใจดวงมหึมานั้น มีหัวใจดวงเล็ก ๆ แขวนอยู่สองดวง ดวงหนึ่งดูเหมือนหัวใจมนุษย์ ส่วนอีกดวงเล็กมาก ราวกับขนาดหัวใจของวิญญาณผู้พิทักษ์

แล้วยังเป็นสีทองอีก…

นี่คงมิใช่หัวใจของจินหนิงกระนั้นหรือ?

หัวใจทั้งสามดวงถูกล่ามไว้ด้วยโซ่สีดำสนิท ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เบื้องล่างคือกระดูกขาวโพลนของทั้งมนุษย์และสัตว์อสูร

ผู่ตานได้กลิ่นอายปีศาจที่แผ่ออกมาจากโซ่

นึกว่าดินแดนตะวันตกปลอดภัยที่สุด แท้ที่จริงกลับถูกกลิ่นอายปีศาจรุกรานไปนานแล้ว…

บางทีในตอนที่วิหารบูชาปีศาจเปิดออก เขาลูกนี้อาจจะล่มสลายไปแล้วก็เป็นได้!

“เฝิ่นอี !”

ผู่ตานเพียงแค่เอ่ยเรียกชื่อนี้ออกมา หัวใจทั้งสามดวงก็เต้นแรงขึ้น โซ่ที่ล่ามหัวใจเอาไว้ปล่อยกลิ่นอายปีศาจออกมามากขึ้นเช่นกัน

กระดูกขาวโพลนถูกบดบัง ราวกับมีบางสิ่งกำลังตื่นขึ้นในโพรงขนาดใหญ่?!

โม่จวินเจ๋อและผู่ตานต่างชักอาวุธออกมาพร้อมกัน มีบางสิ่งกำลังคืบคลานเข้าหาโม่จวินเจ๋อ เขาแทบไม่ต้องคิดพลันเหวี่ยงกระบี่ออกไปทันที!

“โอ๊ย! ท่านทำอะไร!”

หัวเล็ก ๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วกลิ้งตกไปอยู่แทบเท้าของโม่จวินเจ๋อ

เมื่อเห็นว่าเป็นศีรษะของเฝิ่นอี โม่จวินเจ๋อก็งงเป็นไก่ตาแตก

เขาโน้มตัวลงหยิบศีรษะของวิญญาณผู้พิทักษ์ที่ยังอ้าปากอยู่ และหยิบร่างของนางขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว

ผู่ตานชี้นิ้วไปที่เฝิ่นอีที่ถูกตัดศีรษะ ดวงตาเขาเบิกกว้าง มือสั่นเทา “นาง นาง…”

ศีรษะก็ไม่มีแล้ว ยังจะพยายามพูดอีกหรือ?!

โม่จวินเจ๋อติดศีรษะให้เฝิ่นอีอย่างชำนาญ บัดนี้ลำคอของนางมีรอยดาบสองรอยแล้ว…

เฝิ่นอีลูบคอตัวเองด้วยความหวาดกลัว โชคดียังดีที่ร่างกายของนางทำจากกิ่งไม้ ไม่อย่างนั้นนางคงตกนรกไปแล้ว!

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบรับข้า” โม่จวินเจ๋อถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ข้าตอบรับท่านแล้ว เป็นท่านต่างหากที่ไม่สนใจข้า!”

เห็นได้ชัดว่านางพยายามส่งข่าวสารให้ท่านตลอดเวลา ผู้ที่ไม่ตอบกลับคือเขาเองต่างหาก!

เฝิ่นอีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ผู่ตานรู้สึกสับสน วิญญาณผู้พิทักษ์สามารถฟื้นคืนชีพได้ไม่จำกัดหรือ?

หากมันผู้นั้นได้สวมใส่ร่างเช่นนี้ มิเท่ากับมีชีวิตเป็นอมตะหรือ?

หากมิใช่สถานที่และเวลาไม่เอื้ออำนวย ผู่ตานอยากจะจับวิญญาณผู้พิทักษ์มาศึกษาให้ถ่องแท้เสียเดี๋ยวนี้!

“เจ้าเห็นมังกรดำหรือไม่?”

วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยส่ายหน้า “มังกรดำเข้ามาหรือ?”

“โอ้! สงสัยมันคงได้ยินเสียงเรียกของหัวใจมังกรเป็นแน่!”

“หัวใจ… มังกรหรือ?”

ผู่ตานชี้ไปยังหัวใจดวงที่ใหญ่ที่สุด “เจ้าหมายถึงดวงนี้รึ?”

“ใช่แล้ว ข้าง ๆ กันเป็นหัวใจของมนุษย์ ส่วนดวงที่เล็กที่สุดคือ… หัวใจของพ่อข้า”

ดวงตากลมโตของเฝิ่นอีฉายแววกระวนกระวาย “หัวใจท่านพ่อไม่มีกลิ่นอายของท่านพี่ แต่ในถ้ำกลับมีกลิ่นอายท่านพี่ ท่านพี่ต้องถูกซ่อนไว้ที่ใดสักแห่งเป็นแน่!”

โม่จวินเจ๋อและผู่ตานต่างหันมองไปยังกองกระดูกใต้หัวใจพร้อมกัน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท