ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 316 การกินเนื้อคน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 316 การกินเนื้อคน

เหนือกองกระดูกขาวโพลนเต็มหลุมนั้น ยังคงมีเศษเนื้อหนังติดอยู่ไม่น้อย หากกวาดตามองอย่างพินิจจะเห็นเศษกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกนับไม่ถ้วน บางทีเผ่าวิญญาณผู้พิทักษ์คงถูกหัวใจทั้งสามดวงสูบกลืนจนสิ้นแล้วกระมัง

เฝิ่นอีมองตามสายตาของคนทั้งสองไปเบื้องหน้า นางจ้องมองกองกระดูกสีขาวกองเล็กกองหนึ่งอย่างไม่วางตา ก่อนจะเอ่ยโต้แย้งด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “เป็นไปไม่ได้!”

“เจ้าบอกเองมิใช่หรือ ว่าบนหัวใจดวงน้อยมิได้ปรากฏร่องรอยพลังของพี่ชายเจ้า แต่รอบ ๆ กลับมีกลิ่นอายของเขาคลุ้งอยู่ มิได้หมายความว่าเขาสิ้นชีพไปแล้วหรอกหรือ?” ผู่ตานปรายตามองด้วยหางตา มิได้สนใจกองกระดูกอีกต่อไป เพราะภาพเหล่านั้นล้วนปลุกความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตให้หวนคืน

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก!”

เฝิ่นอีกับวิญญาณผู้พิทักษ์เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มิได้สนใจสถานการณ์รอบข้างแม้แต่น้อย

ทว่าในเวลานี้ โม่จวินเจ๋อกลับขมวดคิ้วแน่น ดวงตาคมกริบจับจ้องหัวใจที่กำลังถูกกลืนกินด้วยพลังปีศาจอย่างช้า ๆ

เหตุใดเผ่าปีศาจจึงต้องใช้พลังหล่อเลี้ยงหัวใจทั้งสามดวงเช่นนี้ หรือพวกมันต้องการทำให้หัวใจมังกรที่เฝิ่นอีบอกกลายเป็นหัวใจปีศาจ?

แล้วหัวใจมนุษย์ที่ยังคงเต้นอยู่ตรงนั้นเป็นของผู้ใดกัน?

โม่จวินเจ๋อครุ่นคิดเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาคำตอบ กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจยังดังกึกก้องจนทำให้ใจขุ่นมัว ราวกับอยากจะทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้แหลกสลาย!

ท่ามกลางความคิดอันบ้าคลั่ง แสงสว่างสีเขียวมรกตพลันเปล่งประกายออกมาจากลูกแก้ว บริเวณหัวใจของโม่จวินเจ๋อ ความรู้สึกด้านลบทั้งมวลถูกกลืนกินจนหมดสิ้น

แท้จริงแล้ว โม่จวินเจ๋อถูกพลังปีศาจรุกรานโดยไม่รู้ตัว

โม่จวินเจ๋อลูบหว่างคิ้วพลางกำด้ามดาบแน่น “ข้าถูกเล่นงานตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“พวกเจ้าระวังด้วย พลังปีศาจที่นี่ช่างแปลกประหลาดนัก”

ทันทีที่สิ้นคำเตือน แส้เพลิงก็พุ่งเข้ามารัดข้อมือของโม่จวินเจ๋อ เขาปรือตามองลูกธนูเพลิงนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ราวกับสายฝน

โม่จวินเจ๋อใช้กระบี่เหมันต์เร้นลับปัดป้องการโจมตีของผู่ตาน แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นม่านพลังที่เฝิ่นอีร่ายออกมา

ครู่นี้ยังต่อปากต่อคำกันอยู่ บัดนี้ดวงตาทั้งสองข้างของวิญญาณผู้พิทักษ์และผู่ตานกลับกลายเป็นสีแดงก่ำ

ผู่ตานแสยะยิ้มเย็น แส้เพลิงที่รัดข้อมือโม่จวินเจ๋อกลายร่างเป็นงูไฟพ่นพิษร้ายออกมา ม่านพลังที่เฝิ่นอีควบคุมบัดนี้กลายเป็นค่ายกล พร้อมกับงูไฟนับไม่ถ้วนรุกไล่เข้าหาโม่จวินเจ๋อ

“ฮึ่ม! เพียงแค่ฆ่าเจ้า พี่ชายก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้า!”

“ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า!”

โม่จวินเจ๋อเหลือบมองผู่ตานด้วยความประหลาดใจ ผู้นั้นหมายตาตัวเขามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?

อสรพิษเพลิงรุมล้อมโม่จวินเจ๋อไว้หมดสิ้น แต่ท่านยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง พลางเอ่ยออกมาช้า ๆ เพียงสองคำ “แช่แข็ง”

ทันใดนั้นเอง กลุ่มอสรพิษเพลิงก็กลับกลายเป็นน้ำแข็งไปทั้งหมด รวมไปถึงผู้ควบคุมมันด้วย ค่ายกลสลายไปในพริบตา โม่จวินเจ๋อ เดินออกมาจากม่านพลังอย่างใจเย็น ก่อนจะเก็บวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่กลายเป็นน้ำแข็งเข้าไปในแหวนมิติ

ส่วนผู่ตานนั้น ไม่อาจเก็บคนเป็น ๆ เข้าไปในแหวนมิติได้ เขาจึงทำได้เพียงแบกอีกฝ่ายขึ้นบ่าแล้วถอยหลัง

“เจ้าจะทิ้งข้ารึ?”

ท่ามกลางพลังปีศาจอันหนาแน่น ปรากฏร่างของสตรีผู้หนึ่ง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ ผมยาวสลวยถูกมัดรวบไว้ด้วยปิ่นหยกอันเรียบง่าย ใบหน้าขาวผ่อง ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววับฉายแววเศร้าสร้อย

โม่จวินเจ๋อที่กำลังถอยหลังกลับชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นสตรีนางนั้น แม้ท่านจะรู้ดีว่านางไม่ใช่หลิงเยว่ตัวจริง แต่ก็ไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้มองนางได้

“ไปกับข้า”

โม่จวินเจ๋อเผลอยื่นมือออกไป ทันใดที่ทั้งสองจะสัมผัสกัน เขาก็รีบชักมือกลับ หันหลังแบกกระบี่วิ่งออกไปทันที

สตรีตรงหน้าจะเป็นหลิงเยว่ได้อย่างไร!

นางไม่ใช่หลิงเยว่!

โม่จวินเจ๋อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกหลิงเยว่ขวางทางไว้

หลิงเยว่เอียงศีรษะเอ่ยอย่างสงสัย “ข้าจำแลงกายตามคนที่อยู่ในใจเจ้า เหตุใดยังไร้ปฏิกิริยาเช่นนี้?”

โม่จวินเจ๋อมองหลิงเยว่ที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใดจำแลงกายมาอย่างเย็นชา แล้วฟาดพลังน้ำแข็งใส่ไม่ยั้งมือ พลังที่เพิ่งฟื้นคืนของน้ำแข็งกลับถูก… ผู่ตานไม่รู้ว่าได้พลังมาจากไหน กระโดดออกมาจากก้อนน้ำแข็ง ยื่นมือเปล่ารับพลังน้ำแข็งไว้ได้

“เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์น้องห้าของข้ารึ!”

ผู่ตานกำกระบี่เหมันต์เร้นลับแน่น เลือดไหลทะลักออกมาราวกับน้ำพุ แต่ดูราวกับนางมิได้รู้สึกเจ็บปวด มืออีกข้างร่ายร่ายมนตร์อย่างรวดเร็ว เพลิงแดงฉานโหมกระหน่ำ เปลวเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นอสูรร้ายอ้าปากกว้างพุ่งเข้าขย้ำโม่จวินเจ๋อ

โม่จวินเจ๋อตกอยู่ในอันตราย จำต้องละทิ้งการทำลายม่านมายาหลิงเยว่ แล้วหันมารับมือกับอสูรเพลิงแทน

ผู่ตานที่เข้าสู่วิถีมาร พลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก โม่จวินเจ๋อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเยว่ยิ่งชัดเจนขึ้น…

ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดจนไม่อาจแยกออกจากกัน บริเวณใต้กองกระดูกพลันสั่นไหว จากนั้นพื้นที่ตรงกลางก็ยุบตัวลง

“บ้าเอ๊ย! นั่นอะไรน่ะ?!”

หลิงเยว่ไม่อาจหลบได้ทัน ถูกกระดูกฟาดเข้าที่ศีรษะ นางจึงหยิบมันขึ้นมาดูและพบว่ามันคือมือที่ไร้ซึ่งเลือดเนื้อ!

หัวกระโหลกกลิ้งมาหยุดอยู่แทบเท้าของหลิงเยว่ ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองนางอย่างน่าขนลุก

หลิงเยว่ไม่อาจทนต่อภาพเบื้องหน้าได้ นางผวาจนทรุดตัวลงกับพื้น จนเสียงดังกร๊อบดังขึ้น สิ่งของบางอย่างแตกละเอียดอยู่ใต้บั้นท้ายของนาง เมื่อมองดูก็พบว่าเป็นกะโหลกที่แตกละเอียดเพราะนางนั่งทับ!

“!!!”

ท่านแม่ข้าอยากกลับบ้านแล้ว!

กองกระดูกมากมายไร้ซึ่งผู้ใดเหลียวแลกลิ้งลงสู่เบื้องล่าง หลิงเยว่บรรจงขุดไว้ ไม่นานนักร่างของนางก็ถูกฝังกลบไปด้วยซากโครงกระดูกนานาชนิด

“ระ… ระบบ นี่หรือคือหอคอยกระดูกที่เจ้ากล่าวไว้?” หลิงเยว่ซุกกายตัวสั่นเทาอยู่ในมุมมืด

ใช่แล้ว หัวใจอยู่ที่อยู่ตรงนั้น…

หลิงเยว่ “…”

แค่เพียงเข้ามาเยือนเขตแดนปีศาจทำไมถึงได้ยากเย็นเช่นนี้ นางคิดว่ามีฮวนฮวนแล้วทุกสิ่งจะง่ายดายเสียอีก สุดท้ายกลับต้องมาเอาหัวใจอะไรก็ไม่รู้!

ในใจของหลิงเยว่ด่าทอบรรพบุรุษของระบบไปร้อยรอบ นางเริ่มปีนป่ายกองกระดูกขึ้นไปด้านบนอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็ออกมาได้ แต่ตอนนั้นหางขนาดมหึมาก็ฟาดเข้าใส่นางอย่างรวดเร็ว

โชคยังดีที่หลิงเยว่หลบได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงแหลกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว

เมื่อโจมตีพลาด หางนั้นก็ไม่ลดละ ครั้งนี้มันหวังใช้ร่างกายอันใหญ่โตพุ่งเข้าชน หลิงเยว่เห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่าลง หลบเข้าไปในโพรง

ระบบไม่ได้บอกว่าหอคอยกระดูกมีสัตว์ร้ายเฝ้าเสียหน่อย!

ระบบมันเป็นพวกหลอกลวง!

เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของอสูร ทำให้ภูเขาโครงกระดูกสะเทือนจนกระจัดกระจาย

ทำไมเสียงคำรามนี้ช่างคุ้นหูเสียจริง!

หลิงเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็นึกออกว่าเป็นใคร เสียงของมังกรดำ!

เมื่อเป็นมังกรที่รู้จัก หลิงเยว่จึงไม่หลบซ่อนอีกต่อไป นางโผล่หัวออกจากโพรงที่ถูกฝังไว้อย่างร่าเริง “มังกรดำ ข้าเอง ข้าเอง!”

มังกรดำพ่นน้ำใส่หลิงเยว่ทันที

ในน้ำมีกระแสไฟฟ้าช็อตหลิงเยว่จนชาไปทั้งตัว แม้แต่ผมของนางยังชี้ฟู!

มังกรดำหมายความว่าอย่างไร?!

หลิงเยว่ปาดน้ำบนใบหน้าอย่างโมโห ชี้นิ้วไปที่มังกรดำ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ณ เวลานี้ นัยน์ตาสีดำบริสุทธิ์ของมังกรดำนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดแล้ว ความเยือกเย็นในตาของมันเผยให้เห็นแววสับสนเล็กน้อย มนุษย์ผู้อยู่ตรงหน้านี้ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดเจ็บ?

หลิงเยว่เมื่อเผชิญกับดวงตาสีแดงที่ใหญ่กว่านาง นางก็รู้สึกหวาดหวั่นทันที มังกรดำตัวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่มังกรที่นางรู้จัก มันเป็นมังกรปีศาจชัด ๆ!

ดูเหมือนว่าหากต้องการจะได้หัวใจ ต้องฆ่ามังกรปีศาจผู้พิทักษ์ตัวนี้เท่านั้น!

หลิงเยว่ ก็ไม่คิดจะพูดพล่ามกับมังกรแปลกหน้านี้แล้ว เปลวไฟสีม่วงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกรวารีสีม่วงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของไฟพุ่งชนมังกรปีศาจ!

เกล็ดที่ถูกไฟไหม้ของมังกรดำโกรธเกรี้ยว มันกำลังจะต่อสู้กับมังกรปลอมอย่างเอาเป็นเอาตาย ทันใดนั้นก็มีเถาวัลย์ไฟสีม่วงจำนวนมากผุดขึ้นจากพื้นดิน พันธนาการมังกรดำไว้อย่างแน่นหนา

ควันสีม่วงและพลังปีศาจผสมกันจนกลายเป็นสีดำม่วง เกล็ดของมังกรดำก็เริ่มลุกโชนไปด้วยไฟ!

เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องทั่วอุโมงค์ โม่จวินเจ๋อกระอักเลือดออกมาพลางหันไปทางมังกรดำ

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท