บทที่ 1054 หลี่จิ่วเต้า ‘จ้าวแห่งแสง? บรรพจารย์ฝูอีกผู้หนึ่งหรือ?’
จั่วเหยียนนวดให้สัตว์อสูรทั้งเก้า เริ่มแรกสัตว์อสูรทั้งเก้ายังรู้สึกหวาดหวั่นขวัญผวา ถึงอย่างไร จั่วเหยียนก็น่าพรั่นพรึงเกินไป พลังที่จั่วเหยียนระเบิดออกมาเมื่อครู่สามารถสังหารพวกมันได้อย่างสิ้นเชิงง่ายดาย!
ทว่าหลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มนิ่งเฉย
จั่วเหยียนถูกคุณชายกำราบเป็นข้ารับใช้แล้ว บัดนี้พวกมันก็เป็นเจ้านายของจั่วเหยียนเหมือนกัน มีอันใดต้องกลัว?!
“บ่าวจั่ว เจ้าทำหน้าที่ภาษาอะไร!”
อสูรตนหนึ่งตวาด “ด้วยทักษะของเจ้า แยกร่างถือเป็นเรื่องง่าย เจ้ากลับไม่ยอมแยกร่าง นวดด้วยร่างต้นเท่านั้น เจ้าคิดอะไรอยู่ ต้องการอู้หรือไร!?”
“ใช่แล้ว พวกเรามีกันตั้งเก้าตน หากนวดทีละตนอย่างที่เจ้าทำอยู่ต้องนวดถึงเมื่อใด เสียเวลาอีกเพียงไหน?!”
อสูรอีกตนต่อว่าด้วย
บัดซบ!
อสูรทั้งเก้าเพิ่งอยู่ขอบเขตนิรันดร์เท่านั้น ต้อยต่ำเหลือแสนเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ไม่คู่ควรจะเป็นมดปลวกด้วยซ้ำ
บัดนี้ เขานวดให้อสูรทั้งเก้าแล้วพวกมันยังต่อว่าเขาเพียงนี้ หาเรื่องด่าเขา เขาพิโรธจนอกจะระเบิด!
‘ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า!’
เขาคำรามในใจ
“เป็นความผิดของข้า ความผิดของข้า! ข้าจะแยกร่างไปนวดพร้อมกันเดี๋ยวนี้!”
ปั้นยิ้มเต็มหน้า แสดงความปากว่าตาขยิบให้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง แม้ในใจเอ่ยว่าพร้อมสู้ตาย แต่ภายนอกกลับอ่อนโยนว่าง่ายเหลือแสน
เขาแยกร่างนวดให้อสูรทั้งเก้าพร้อมกัน
อีกด้านหลี่จิ่วเต้าเห็นทุกอย่าง
‘ยังคงเจ้าอารมณ์อยู่’
เขาเอ่ยในใจ มองออกว่าจั่วเหยียนว่าง่ายแค่ภายนอก แท้จริงแล้วในใจยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร
นิสัยเช่นนี้อย่างไรก็ต้องขัดเกลาให้ดี หาไม่แล้วต้องมีผู้คนอีกมากมายถูกจั่วเหยียนทำร้าย
เมี้ยว!
เสียงแมวร้องดังขึ้น แมวน้อยสองตัวสีขาวและสีเงินแข่งกันกระโดดเข้ามาในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า
นี่คือลั่วสุ่ยและเซี่ยเหยียน ทั้งคู่แก่งแย่งชิงดีกันมาตั้งแต่ร่างมนุษย์จวบจนร่างแมวอย่างไม่มีใครยอมใคร!
หลี่จิ่วเต้าจนใจ ได้แต่อุ้มขึ้นมาทั้งคู่
เมี้ยว!
เสียงแมวร้องดังขึ้นอีกเสียง หลิงอินเข้าร่วมด้วย นางกลายเป็นแมวน้อยขนสั้นสีชมพู กระโดดเข้ามาในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้าเช่นกัน
“หลิงอิน เจ้าก็เอากับเขาด้วยหรือ!”
ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยใจยิ่งนัก
หลิงอินเองก็ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว นางมีพรสวรรค์ด้านนี้ ช่วงที่เดินทางข้ามอวกาศกันนางได้ฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้ว
เมื่อคราวทั้งสามอยู่ในร่างมนุษย์ก็ชิงดีชิงเด่นกันไม่หยุด บัดนี้ ศึกชิงของร่างแมวก็เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน
อ้อมกอดเขามีพื้นที่เพียงเท่านี้ มากันหมดสามคนทำเอาเขาเกือบกอดไว้ไม่อยู่
‘ชีวิตนี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน!’
เขาคิดในใจอย่างอดไม่ได้
“จำแลงกายกลับได้ด้วยหรือ!”
อีกด้าน จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงกระพริบดวงตากลมโตพลางเอ่ย “หากรู้แต่แรกว่าจำแลงกายกลับได้ข้าคงจำแลงกลับนานแล้ว! ข้าก็โหยหาคืนวันที่ได้คุณชายกอดไว้เช่นกัน!”
“อย่าทำเป็นเล่น!”
พี่สาวจิ้งจอกขาวผู้องอาจสวมเสื้อสีดำและกระโปรงสั้น ขาเรียวยาวนุ่งถุงน่องตาข่ายดำ เท้าสวมรองเท้าส้นเข้ม ลากตัวจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงออกไป
‘สนามรบ’ แห่งนั้น จิ้งจอกน้อยไม่ควรเข้าร่วม!
การเดินทางในอวกาศยังคงดำเนินต่อไป
สัตว์อสูรทั้งเก้าลากรถมุ่งหน้าอย่างรวดเร็ว โฉบผ่านจักรวาลกว้างใหญ่
จั่วเหยียนกลายเป็นข้ารับใช้อย่างแท้จริง ปรนนิบัติสารพัด แยกร่างออกมาร่างแล้วร่างเล่า มีทั้งร่างที่ซ้อมมวยเป็นเพื่อนอ้ายฉาน มีทั้งร่างที่สวดมนต์เป็นเพื่อนต้าเต๋อ สาละวนแทบแย่!
บัดซบ ผู้ที่เขาเกินทนที่สุดคือก้อนหิน!
เจ้าก้อนนี่บังอาจใช้ให้เขานวดหลัง!
เป็นเพียงก้อนหินเส็งเคร็งจะนวดหลังไปเพื่ออะไร นวดแล้วรู้สึกด้วยหรือ
แน่นอนว่าเขาทำตามที่บอก
ขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาทรมานที่สุดคือช่วงเวลากินข้าว หรือช่วงเวลาดื่มชายามบ่าย!
เขานั้นตะลึงอย่างแท้จริง หลี่จิ่วเต้ามีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ จะน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
วัตถุดิบแสนธรรมดาหลังผ่านมือหลี่จิ่วเต้าไม่เพียงแต่เลิศรสขึ้นมาก ทว่ายังกลายเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงแสนพิเศษ!
อย่างเช่นอาหารเจจานธรรมดา ผักกาดขาวผัดน้ำส้มสายชู พลังที่แฝงอยู่ในนั้นเหนือกว่าที่เขาจะจินตนาการออก!
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกว่าต่อให้เขาผู้อยู่ในระดับสูงสุดของตนแล้ว ผักกาดขาวผัดน้ำส้มสายชูเช่นนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล ช่วยให้วิวัฒนาจนยกระดับได้!
ไหนจะน้ำชาและน้ำผลไม้เหล่านั้นก็วิเศษวิโสอย่างยิ่งยวด เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของเขา!
หากได้ดื่มสักอึกเขาต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน!
เขาตกตะลึงเหลือคณา ทึ่งกับหลี่จิ่วเต้า คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ไยจึงสยดสยองปานนี้ เกินกว่าที่เขาจะเข้าใจไหว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลี่จิ่วเต้าก้าวสู้ขอบเขตที่สูงกว่าพวกเขาแล้ว!
เรื่องนั้นเป็นไปได้อย่างไร?!
พวกเขาฝึกฝนมาอย่างยาวนาน นับย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ที่สุด ซ้ำยังเคยติดตามผู้นั้น ได้รับประโยชน์จากผู้นั้น!
พวกเขามาถึงขนาดนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวตนระดับเพดานในทุก ๆ ที่!
แน่นอนว่าเป็นข้อยกเว้นในฝ่ายด่างพร้อย
ฝ่ายด่างพร้อยได้กลายเป็นพลังสยดสยองไปเรียบร้อยแล้ว เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของพวกเขา พวกมันให้กำเนิด ‘จิตสำนึก’ ออกมา กลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษบางอย่าง!
นี่คืออันตรายสูงสุดที่ดินแดนใหม่เผชิญในยามนี้!
ในอดีต เขาตายด้วยน้ำมือสิ่งมีชีวิตพิเศษเช่นนี้แหละ!
‘เวลานั้น พวกมันก็สามารถปลิดชีพปรมาจารย์แล้ว บัดนี้ผ่านมาแล้วเนิ่นนาน พวกมันย่อมต้องน่าพรั่นพรึงกว่าเดิม ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวขึ้นอีกเท่าใด!’
เขาลอบถอนหายใจ เริ่มสำนึกเสียใจ พวกเขาในอดีตตัดสินใจผิดพลาด จนเป็นผลให้ก้าวแรกที่ผิดนำพาสู่ทุกย่างก้าวที่เพี้ยน ต่อมาอยู่ในขั้นที่ไม่อาจแก้ไขอีกแล้ว!
ไม่นานนัก เขาก็สลัดความคิดออกไป เพราะได้เวลากินข้าวอีกแล้ว!
อาหารโอชะถูกยกมาตั้งบนโต๊ะจานแล้วจานเล่า เขาได้แต่มองจากในมุมพร้อมน้ำลายไหล ไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว
เขาอยู่ในฐานะข้ารับใช้ ไม่มีสิทธิ์กินข้าวบนโต๊ะ
จริง ๆ ก็เคยคิดแอบกินด้วย อีกทั้งลงมือแล้ว เขาฉวยโอกาสล้างจานคิดอยากกินกับข้าวที่เหลืออยู่
หารู้ไม่ ต้าเต๋อเพ่งเล็งเขาอยู่ตลอด ไม่ทันได้กินกับข้าวที่เหลือแม้สักคำก็ถูกต้าเต๋อจับได้ ตวาดห้ามปราม!
เขาผู้น่าสงสารลำพังจะเลียน้ำแกงที่เหลือบนจานยังไม่ได้รับสิทธิ์นั้น!
แค่คิดยังรู้สึกขายหน้า!
ในฐานะปรมาจารย์ดินแดนใหม่ ปูชนียบุคคลที่สิ่งมีชีวิตนับล้านให้ความเคารพ เขากลับมีความคิดเลียจาน ซ้ำยังไม่สำเร็จอีกด้วย!
ขายหน้าสิ้นดี!
การต้องทนดูพวกหลี่จิ่วเต้ากินข้าวอย่าให้เอ่ยเลยว่าทรมานสำหรับเขาเพียงใด นอกจากนี้ เขายังคาดเดาตัวตนของหลี่จิ่วเต้าไม่หยุดไม่หย่อน
‘ผู้นั้นทิ้งบางอย่างไว้ในดินแดนเก่าด้วยหรือ’
เขาคิดในใจ รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าอาจได้รับสิ่งที่ผู้นั้นทิ้งไว้ถึงได้น่าครั่นคร้ามถึงเพียงนี้ มีพลังอันน่าพรั่นพรึง
‘เขารู้เรื่องของผู้นั้นแล้วหรือ’
หัวใจของเขาสะท้าน ระส่ำระสาย กลัวเหลือเกินว่าหลี่จิ่วเต้าจะรู้เรื่องผู้นั้น
หากหลี่จิ่วเต้ารู้เรื่องพวกนั้นเขาคงไม่มีชีวิตรอด คงถูกอีกฝ่ายสังหารไปแล้ว!
‘แปลกจริง เขาไม่รู้ว่าข้าเป็นใครหรือ ไม่ใคร่รู้ในตัวตนของข้าบ้างหรือ ผ่านไปตั้งนานแล้ว เขาไม่เคยถามอะไรจากข้า!’
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าหลี่จิ่วเต้ามีจุดประสงค์อันใด
เดิมทีเขาคิดว่าที่อีกฝ่ายเก็บเขาไว้ก็เพื่อสืบตื้นลึกหนาบางของเขา ล้วงข้อมูลของดินแดนใหม่
ทว่าหลี่จิ่วเต้าหาได้เคยถามไถ่สิ่งใดจากเขา และไม่เคยสืบค้นสิ่งใดจากเขา
นี่นับว่าแปลกยิ่ง!
การเดินทางในอวกาศดำเนิน สัตว์อสูรทั้งเก้าค่อย ๆ ลากรถเขาไปในอาณาจักรแห่งหนึ่ง
อาณาจักรใหม่ ทิวทัศน์ใหม่ ๆ พวกหลี่จิ่วเต้าลงจากรถลาก ท่องเที่ยวไปทั่วอาณาจักร
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันสำคัญของอาณาจักรแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตภายในอาณาจักรต่างตื่นเต้นกันมาก ซ้ำยังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน
“วันนี้คือวันที่จ้าวแห่งแสงสำแดงอำนาจ พวกเจ้าไม่รู้หรือ”
หลี่จิ่วเต้าถามจากสิ่งมีชีวิตตนหนึ่ง สิ่งมีชีวิตตนนั้นเอ่ยด้วยท่าทางมึนงง
มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักจ้าวแห่งแสงด้วยหรือ
สิ่งมีชีวิตผู้นี้มีท่าฉงนอย่างยิ่ง!
“พวกเรามาจากต่างอาณาจักร ไม่รู้จริง ๆ ว่าจ้าวแห่งแสงเป็นใคร” หลี่จิ่วเต้าตอบ
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นคลี่ยิ้ม ความฉงนในใจหายไป ที่แท้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักร มิน่าถึงไม่รู้ว่าจ้าวแห่งแสงคือผู้ใด
“จ้าวแห่งแสงคือผู้วิเศษอย่างแท้จริง วันนี้ตั้งใจเปิดปรัมพิธีถ่ายทอดวิชา สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรเราล้วนเป็นสาวกของจ้าวแห่งแสง พวกเจ้าโชคดีจริง ๆ มาในวันที่จ้าวแห่งแสงเปิดปรัมพิธีถ่ายทอดวิชาพอดี!”
เขาอธิบาย จ้าวแห่งแสงนั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง ลำพังได้ยินเสียงของจ้าวแห่งแสงก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลแล้ว!
ตัวเขาเองเคยได้รับผลประโยชน์เช่นนี้มาแล้ว!
จากที่เคยได้ยินเสียงของจ้าวแห่งแสงจากที่ไกล ๆ ขอบเขตตัวเขาก็บรรลุขึ้นไป ซ้ำยังเป็นการบรรลุติดต่อกัน!
“เก่งกาจปานนั้นเชียว?”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “เช่นนั้นพวกเราก็ไปเชยชมความยิ่งใหญ่ของจ้าวแห่งแสงกันเถิด!”
เขาสนอกสนใจในจ้าวแห่งแสงผู้นี้ นึกถึงบรรพจารย์ฝูในอดีต จ้าวแห่งแสงผู้นี้จะเป็นเช่นบรรพจารย์ฝูหรือไม่
ในอดีตบรรพจารย์ฝูเคยเปิดปรัมพิธีถ่ายทอดวิชาเช่นกัน เขาได้รู้จักบรรพจารย์ฝูจากเหตุการณ์คราวนั้น และแลกเปลี่ยนสิ่งของกับบรรพจารย์ฝู
บัดนี้ มีผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้เปิดปรัมพิธีถ่ายทอดวิชาอีกแล้ว เขาจะได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงมาด้วยหรือไม่
เขาเริ่มตั้งตารอในเรื่องนี้
“ได้ พวกเราไปด้วยกันเถิด!”
สิ่งมีชีวิตผู้นั้นเอ่ย นำทางอยู่ด้านหน้า มุ่งหน้าไปยังสถานที่เปิดปรัมพิธีของจ้าวแห่งแสงพร้อมพวกหลี่จิ่วเต้า
ระหว่างทาง พวกเขาได้เห็นรูปปั้นจ้าวแห่งแสงไม่น้อย ท่าทางเกรียงไกร เสมือนผู้วิเศษสำเร็จวิชา!
‘บัดซบ นี่คือจ้าวกู่!’
พวกหลี่จิ่วเต้าเห็นรูปปั้นเหล่านี้แล้วไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใด ทว่าหลังจั่วเหยียนเห็นรูปปั้นเหล่านี้ความรู้สึกพลันประเดประดังเข้ามาในใจ!
เขาชอกช้ำมาก รู้สึกแย่อย่างยิ่งยวด
เพราะจ้าวแห่งแสงผู้นี้เขารู้จัก มีแสงสว่างที่ไหน นี่คือคนที่จิตใจมืดมัวเหลือแสน!
จ้าวแห่งแสงก็คือมารกู่ที่เขากล่าวถึง เป็นคนที่เลี้ยงกู่ และเป็นปรมาจารย์ตนหนึ่งจากดินแดนใหม่ เคยถูกสิ่งมีชีวิตพิเศษเหล่านั้นสังหาร ต่อมาถูกส่งมายังดินแดนเก่าเหมือนเขา
บัดนี้ดูแล้ว มารกู่ก็คืนชีพแล้วเช่นกัน!
‘บัดซบ เป็นปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งคู่ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งคู่ เหตุใดถึงห่างชั้นกันเพียงนี้?!’
เขาก่นด่าในใจ รู้สึกทุกข์ใจเหลือคณา
ดูมารกู่สิ ได้รับความเคารพนับถือจากสิ่งมีชีวิตอย่างท่วมท้น แล้วหันมามองเขา เฮ้อ อาภัพสิ้นดี กลายมาเป็นข้ารับใช้ปรนนิบัติผู้อื่น!
บอกตามตรง เขาไม่อยากเดินทางไปเลย!
หากเป็นเมื่อก่อน หลังมารกู่เห็นสภาพข้ารับใช้ของเขาจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ได้ถูกอีกฝ่ายหัวเราะเยาะตายแน่!
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
เมื่อเข้าสู่หน้านิยายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด