รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1055 ต้าเต๋อ ‘นี่เจ้าท้าทายข้าหรือ?’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1055 ต้าเต๋อ ‘นี่เจ้าท้าทายข้าหรือ?’

“ขอชื่นชมจ้าวแห่งแสง จ้าวแห่งแสงคือตัวตนยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า!”

ระหว่างทาง สิ่งมีชีวิตผู้นี้กล่าวชมจ้าวแห่งแสงไม่หยุดหย่อน ในใจของเขา จ้าวแห่งแสงประเสริฐเป็นที่หนึ่ง ไม่มีผู้อื่นทัดเทียม!

จ้าวแห่งแสงช่วยให้เขาได้รับประโยชน์มหาศาล ขอบเขตพวยพุ่งอย่างรวดเร็ว เขานึกขอบคุณจ้าวแห่งแสงจากใจจริง!

“จ้าวแห่งแสงคือตัวตนยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้จริง ๆ!”

“นี่หรือคือที่มาของสมญานามจ้าวแห่งแสง จ้าวแห่งแสงคือแสงที่ส่องเส้นทางฝึกตนของพวกเราให้สว่าง!”

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างพากันมุ่งหน้าไปหาจ้าวแห่งแสง มีสิ่งมีชีวิตไม่น้อยหลังได้ยินคำเชยชมจ้าวแห่งแสงจากสิ่งมีชีวิตผู้นี้ก็สำทับด้วย

พวกเขาต่างได้รับประโยชน์จากจ้าวแห่งแสงโดยไม่มีข้อยกเว้น!

วันที่จ้าวแห่งแสงปรากฏตัว เสียงดังกึกก้องไปทั่วอาณาจักร ม่านแสงจรัสอาบไล้ สิ่งมีชีวิตทั้งอาณาจักรได้รับผลประโยชน์มหาศาล!

ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว รวมถึงปุถุชนที่ไม่เคยบำเพ็ญเพียรมาก่อนก็เช่นกัน ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาก หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง อาณาจักรนี้ล้วนเป็นสาวกของจ้าวแห่งแสง จึงเต็มไปด้วยเสียงยกยอจ้าวแห่งแสง

‘แสงกับผีน่ะสิ! หากเขาคือแสงสว่าง ใต้หล้านี้คงไม่มีความมืดมิดอีกแล้ว!’

จั่วเหยียนแค่นหัวเราะในใจ

บรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในแนวรบเดียวกัน ทว่านี่ก็เพราะพวกเขาจำเป็นต้องผนึกกำลังถึงได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน

ที่จริงพวกเขาไม่ได้สมัครสมานกัน ความสัมพันธ์เองก็ไม่ได้แนบแน่น

และในบรรดาคนทั้งหมด ผู้ที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของปรมาจารย์ตนอื่น หรือเรียกได้ว่าเป็นที่รังเกียจก็คือจ้าวแห่งแสงที่ว่า…มารกู่!

มารกู่ เชี่ยวชาญการเลี้ยงกู่ เป็นคนใจคดโหดเหี้ยม เมื่อคราวผู้นั้นยังอยู่ในดินแดนใหม่ มารกู่มีท่าทีว่านอนสอนง่าย ไม่ได้ทำอันใดเกินงาม

ทว่าหลังผู้นั้นตายไป มารกู่ก็เผยให้เห็นนิสัยที่แท้จริงออกมา!

เขาเลี้ยงกู่ในอาณาจักรดินแดนใหม่ถึงนับพันนับหมื่นแห่ง จนสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่นับล้านกลายมาเป็น ‘อาหาร’ ของหนอนกู่ของเขา!

กระทั่งปรมาจารย์ดินแดนใหม่ยังไม่ถูกละเว้น เขายื่นกรงเล็บมารของตนไปถึงปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้อื่น!

เขาลอบฝังกู่กับปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้หนึ่ง ทั้งยังสำเร็จอีกด้วย และก่อนหน้านี้ไม่มีพวกเขาคนใดทราบ!

เวลานั้นพวกเขาเดือดดาลกันหมด แล้วยังหวาดระแวงในตัวมารกู่เหลือแสนอีกด้วย

มารกู่ฝังกู่ในตัวปรมาจารย์ได้โดยไม่รู้ตัว ผู้ใดเล่าจะไม่กลัว ผู้ใดเล่าจะไม่นึกระแวง?!

เวลานั้น พวกเขาผนึกกำลังปราบปรามมารกู่!

ยามนั้นพวกเขาต่างรู้สึกว่ามารกู่เป็นอันตรายเกินไป หลังปราบมารกู่ลงแล้วก็ตัดสินใจกำจัดมารกู่

ทว่าถึงคราวพวกเขากำลังจะกำจัดมารกู่ พลังด่างพร้อยปะทุ พวกเขาต้องรับศึกใหญ่ หลังได้เห็นความน่าประหวั่นพรั่นพรึงของพลังด่างพร้อย พวกเขาจึงส่งมารกู่ออกไปต่อสู้

มารกู่ตายอยู่ที่นั่น

ต่อมา พวกเขายังหารือกันว่าจะส่งมารกู่เข้าไปในดินแดนเก่าเพื่อชุบชีวิตดีหรือไม่

ถึงอย่างไรมารกู่ก็มีความอันตรายไม่น้อย

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ส่งมารกู่เข้ามา

ฝ่ายพวกเขามีพลังไม่พอ ไม่สามารถลดทอนกำลังไปมากกว่านี้ แม้ว่ามารกู่จะอันตราย แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ อย่างมากก็แค่รอให้ทุกอย่างจบลงแล้วค่อยว่ากัน

‘มารกู่เริ่มเลี้ยงกู่อีกแล้ว…’

จั่วเหยียนลอบเบ้ปากขณะนึกในใจ เขารู้จักฝีมือของมารกู่ดี

มารกู่น่ะหรือเปี่ยมเมตตาช่วยสร้างประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้?

อย่าล้อเล่นหน่อยเลย!

มารกู่หาใช่คนเช่นนั้นไม่ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ เขารู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่ามารกู่กำลังเลี้ยงกู่ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ถูกมารกู่ฝังกู่แล้วถ้วนหน้า!

‘อย่างที่คิด!’

ดวงตาของเขาลุกวาวยามกวาดมองสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ และพบหนอนกู่ในตัวทุกตน!

หนอนกู่นี้เรียวเล็กประดุจเส้นผม ชอนไชไปทั่วกายสิ่งมีชีวิตอาณาจักรนี้ ทว่าพวกเขากลับไม่รู้เรื่องเลย!

‘ได้ประโยชน์? ได้ประโยชน์ที่ไหนกัน! นี่คือหนอนกู่ต้องการเปิดทางสว่างสู่ศักยภาพในตัวพวกเจ้า! รอจนศักยภาพในตัวพวกเจ้าถูกกระตุ้นออกมาหมด มันจักกลืนกินพวกเจ้าเข้าไป!’

จั่วเหยียนแค่นยิ้มในใจ

สิ่งมีชีวิตอาณาจักรนี้แข็งแกร่งขึ้นในทุก ๆ ด้านจึงคิดว่าเป็นพรประทานจากมารกู่ หารู้ไม่ นี่คือฤทธิ์เดชจากหนอนกู่ที่อยู่ในกายพวกเขา สร้างคุณประโยชน์จนสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้มี ‘ประสิทธิภาพสูงสุด’ แล้วค่อยกลืนกินลงไป!

ถึงอย่างไร หลังกระตุ้นศักยภาพออกมาจนหมด สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย พลังที่หนอนกู่ได้รับก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

และสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย

‘จะรู้ได้อย่างไรเล่า แม้แต่ปรมาจารย์ท่านหนึ่งยังต้องประสบภัยนี้!’

เขาลอบส่ายหัว นี่ก็เพราะหนอนกู่ที่มารกู่ฝังในร่างสิ่งมีชีวิตอาณาจักรนี้มีระดับต่ำต้อย เขาถึงค้นพบ

หากมารกู่ฝังหนอนกู่ระดับที่ใช้กับปรมาจารย์ แม้แต่เขาก็คงจับไม่ได้!

‘เขามาที่นี่ด้วยเหตุบังเอิญจริงหรือ’

จั่วเหยียนจ้องมองหลี่จิ่วเต้าแล้วคิดในใจ

‘เมื่ออยู่ในระดับอย่างเรา จะมีเรื่องบังเอิญที่ไหน!’

ไม่นานนักเขาก็ปัดความคิดนี้ตก

ระดับพวกเขานั้นทรงพลัง โดยเฉพาะหลี่จิ่วเต้าที่กล้าแกร่งยิ่งกว่า ล่วงรู้ทุกเรื่องราวได้ในการตั้งจิต ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบังเอิญ

เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าจงใจมาที่นี่เพื่อลงมือกับมารกู่!

‘ควรเตือนมารกู่ไว้ก่อนหรือไม่ หรือขอความช่วยเหลือจากมารกู่ดี’

เขาครุ่นคิดในใจ

ทว่าไม่นานก็ล้มเลิกความคิด

อย่าล้อเล่นหน่อยเลย หลี่จิ่วเต้าน่าครั่นคร้ามถึงเพียงนั้น เขาไปเตือนมารกู่ล่วงหน้าไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ

ส่วนจะให้มารกู่ช่วยเขาก็เป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน!

แม้ว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้มารกู่คงอยู่ในสภาพการณ์ที่ดีกว่าเขาหน่อย ฟื้นพลังได้ไวกว่า แต่แล้วอย่างไร?

หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้มารกู่ฟื้นพลังจนอยู่ในระดับสูงสุดของตนก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของหลี่จิ่วเต้า!

เขาตกเป็นข้ารับใช้ ทั้งอัปยศทั้งช้ำใจ แต่ก็ยังดีกว่าถูกสังหาร!

คิดได้ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะอดทน!

“นี่ บ่าวจั่ว เจ้าทำอะไรอยู่ มัวแต่ชักช้าอยู่ด้านหลัง คงไม่ใช่ว่าคิดหนีกระมัง!”

ต้าเต๋อตะโกนใส่จั่วเหยียน สายตาแฝงไว้ด้วยความไม่เป็นมิตร

ตลอดทั้งทางจั่วเหยียนเดินอย่างแช่มช้า ราวกับจงใจรั้งรอจนเกือบหลุดขบวนอยู่แล้ว!

“เปล่า!”

จั่วเหยียนรีบตอบ

หลี่จิ่วเต้าน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น เขาไฉนเลยจะกล้าหนี ริอ่านหนีเท่ากับรนหาที่ตาย ไม่มีทางหนีพ้นแน่!

เขาเพียงแต่ไม่ค่อยอยากพบมารกู่เท่านั้น

ในอดีต เขาคือหนึ่งในผู้ปราบปรามมารกู่ หากมารกู่เห็นว่าเขากลายมาเป็นข้ารับใช้ไม่แน่ว่าจะเยาะเย้ยเขาอย่างไร!

แม้ว่าจุดจบมารกู่ใช่ว่าจะดีไปกว่าเขา แต่เขาก็ไม่ต้องการได้ยินวาจาเย้ยหยันของมารกู่!

รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้ามาที่นี่ก็เพื่อจัดการมารกู่ มารกู่น่าจะถูกกำราบมาเป็นข้ารับใช้เฉกเช่นเขา หรืออาจถูกสังหารทันที!

“เช่นนั้นแล้วเจ้ายังไม่รีบตามขึ้นมาอีก!”

ต้าเต๋อตวาด “อย่าได้ตุกติก ข้าจับตาเจ้าอยู่!”

จับตากับผีน่ะสิ!

จั่วเหยียนด่ากราดในใจ หากว่าหลี่จิ่วเต้าไม่อยู่ ต่อให้ดวงตาของต้าเต๋อมางอกอยู่บนตัวเขาก็ไม่มีทางจับตาเขาได้!

เขาสู้หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ ทว่านอกจากหลี่จิ่วเต้าแล้ว เขาไม่กลัวใครทั้งสิ้น!

“หือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่ค่อยยอมรับเท่าใด!”

ต้าเต๋อก้าวเข้ามาพลางเอ่ย “ดูจากใบหน้าของเจ้า ข้าว่าเจ้ากำลังก่นด่าข้าอยู่ในใจ บ่าวจั่ว เจ้าว่าใช่หรือไม่”

“เปล่า เปล่าเลย!”

จั่วเหยียนรีบตอบ

ทว่าในใจเขากลับด่าออกไป ข้าด่าเจ้านั่นแหละ! เจ้าจะทำอันใดได้ เจ้าคนดีแต่อวดอ้างบารมีผู้อื่น! หากไม่มีหลี่จิ่วเต้าอยู่ ข้าเป่าลมหายใจครั้งเดียวก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว!

ต้าเต๋อเพ่งพินิจจั่วเหยียน เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อวาจาของจั่วเหยียนเท่าใด

เขาเอ่ยขึ้น “ข้าว่าข้าจำเป็นต้องบริกรรมบทสวดให้เจ้าฟัง เพื่อชะล้างจิตใจของเจ้า”

นี่กำลังขู่เขาอยู่หรือ

จั่วเหยียนดูแคลนอยู่เต็มหัวใจ แค่สวดมนต์เท่านั้น สวดไปสิ มีอะไรเล่า!

ใช่ว่าเขาไม่เคยได้ยินต้าเต๋อสวดมนต์มาก่อน!

ก่อนหน้านี้ต้าเต๋อสวดมนต์อยู่เป็นนิตย์ให้มารกระดูกผู้เหลือเพียงกะโหลกศีรษะฟัง จริงอยู่ว่าบทสวดที่ต้าเต๋อบริกรรมนั้นแฝงไว้ซึ่งพลานุภาพ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำอันตรายเขาได้!

ต่อให้ต้าเต๋อสวดจนฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่มีทางกระทบเขาได้สักเศษเสี้ยว

“นายน้อยต้าเต๋อ หากท่านอยากสวดเชิญสวดเถิด!”

จั่วเหยียนปริปาก “ข้าจักล้างหูฟังเอง!”

นี่กำลังท้าทายเขาหรือ?

ต้าเต๋อหัวเราะออกมาทันที “ดี เช่นนั้นเจ้าจงเงี่ยหูฟังให้ดีเล่า”

เขาโยนกะโหลกศีรษะมารกระดูกในมือทิ้งไปอีกด้าน แล้วนำมู่อวี๋กับไม้เคาะมู่อวี๋ออกมา

ไอ้บัดซบ โยนมันเหมือนขยะชิ้นหนึ่งอีกแล้ว!

มารกระดูกสบถในใจ อยากบอกต้าเต๋อเหลือเกินว่ารู้จักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้าง เลิกโยนมันทิ้งขว้างเสียที! ขืนไปทับดอกไม้ต้นหญ้าเข้าจะทำอย่างไร?!

ดอกไม้ต้นหญ้าก็มีชีวิตรู้หรือไม่!

อีกด้าน จั่วเหยียนตั้งสมาธิ ต่อให้เห็นมู่อวี๋และไม้เคาะมู่อวี๋ที่ต้าเต๋อนำออกมาแล้วก็ไม่นึกเกรงกลัว

เขาดูออกว่ามู่อวี๋และไม้เคาะมู่อวี๋ที่ต้าเต๋อนำออกมาล้วนไม่ใช่ของดาษดื่น อัศจรรย์อย่างยิ่ง ทว่าขอบเขตของต้าเต๋อต่ำเกินไป ต่อให้มียอดศาสตราในมือก็ยากจะสำแดงอิทธิ์ฤทธิ์ของมันได้ทั้งหมด!

‘อย่างไรข้าก็เป็นถึงปรมาจารย์ดินแดนไม่ ใช่ว่าลูกหมาลูกแมวที่ไหนก็กำราบข้าได้ น่าขันสิ้นดี!’

เขาหัวเราะอย่างดูแคลนในใจ

ขอบเขตของต้าเต๋อต่ำยิ่ง ไม่มีทางทำอันตรายเขาได้เลย

ทว่าเขายังตัดสินใจว่ายามต้าเต๋อเคาะมู่อวี๋บริกรรมบทสวด เขาจักทำทีเหมือนได้รับผลกระทบใหญ่หลวง ถือเป็นการยอมจำนนต่อต้าเต๋อ ไม่ปะทะซึ่งหน้ากับต้าเต๋อ

ช่วยไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้เบื้องหลังของต้าเต๋อคือหลี่จิ่วเต้าเล่า แม้เขาจะดูถูกต้าเต๋อมาก แต่ก็ไม่กล้าปะทะซึ่งหน้าจนทำให้ต้าเต๋อโมโห

เช่นนั้นเขาต้องมีจุดจบอนาถาแน่นอน

“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”

อ้ายฉานด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

บัดนี้นางมีอายุสิบกว่าขวบปี โตมาเป็นเด็กสาวสะโอดสะโองอย่างไม่ต้องสงสัย รูปร่างเจริญเติบโตเป็นอย่างดี

นางรู้ดีว่าจั่วเหยียนต้องโดนดีแน่

เห็นจั่วเหยียนแข็งแกร่งน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ ทว่ายามได้เผชิญกับมู่อวี๋และไม้เคาะมู่อวี๋ของต้าเต๋อก็ต้องโดนดีอยู่ดี!

ต้าเต๋อเป็นที่ชื่นชอบของคุณชาย ยามคุณชายว่าง ๆ มักสนทนาธรรมกับต้าเต๋อ ความตื่นรู้ในด้านธรรมะของต้าเต๋ออยู่ในขั้นเกินจินตนาการมานานแล้ว!

มู่อวี๋และไม้เคาะมู่อวี๋ในมือต้าเต๋อสามารถสำแดงฤทธิ์เดชอันน่าทึ่งได้แน่นอน!

“บ่าวจั่ว เจ้ากล้าฟังต้าเต๋อสวดมนต์เชียวหรือ แหม ๆ ข้าต้องยอมเรียกเจ้าว่าผู้กล้าจริง ๆ!”

“เจ้ากล้าหาญเช่นนี้เสมอมาเลยหรือ”

พวกจู้จื่อก็รุมล้อมเข้ามาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ถากถางเขาหรือ?

ได้!

จั่วเหยียนด่ากราดในใจ เขาตัดสินใจแล้ว เขาจะยอมรับวาจาถากถาง อีกเดี๋ยวไม่ขอแสร้งทำเป็นได้รับผลกระทบใหญ่หลวงอีก

จุดจบอนาถก็อนาถเถิด อย่างไรเขาก็อดกลั้นไม่ไหวแล้ว!

ลูกหมาลูกแมวที่ไหนก็คิดว่าจะกำราบเขาได้จริงหรือนี่?

คิดอะไรอยู่!

ไม่มีทางเป็นไปได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท