บทที่ 1056 ทุกคนคุกเข่าต้อนรับกันหมด มีเพียงพวกหลี่จิ่วเต้าที่ไม่ยอมคุกเข่า!
จั่วเหยียนมั่นใจอย่างยิ่ง ไม่ให้มั่นใจได้อย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็เป็นปรมาจารย์ดินแดนใหม่ มีอันดับสูงส่ง เด็กเมื่อวานซืนอย่างต้าเต๋อน่ะหรือจะกำราบเขาอยู่
เล่นตลกอะไร!
“ข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ท่าน…เริ่มได้เลย!”
เขาเอ่ยต่อต้าเต๋อยิ้ม ๆ
“ได้!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้มกว้างขึ้น เขาชอบ ‘คนแข็งกระด้าง’ เช่นนี้ที่สุด เพราะยาม ‘คนแข็งกระด้าง’ เช่นนี้ยอมแพ้นั้นน่าดูที่สุด
จากนั้น เขาเริ่มเคาะมู่อวี๋พร้อมบริกรรมบทสวด แน่นอนว่าเขามีเป้าหมาย ให้ส่งผลต่อจั่วเหยียนผู้เดียว ต่อให้ผู้อื่นได้ยินเสียงมู่อวี๋และเสียงสวดก็ไม่ได้เป็นอันใด
เขาไม่กล้าปล่อยให้พลังแผ่ขยาย ขืนแผ่ขยายจนเสียงมู่อวี๋และเสียงสวดมนต์ได้ยินกันจนทั่ว พวกอ้ายฉานต้องทุบเขาตายแน่!
รอยยิ้มจั่วเหยียนสดใส แม้ไม่เชื่อว่าเสียงมู่อวี๋และเสียงสวดมนต์ของต้าเต๋อจะเป็นอันตรายต่อเขา กระนั้นก็ไม่ได้ประมาท รีดเร้นพลังในกายห่อหุ้มวิญญาณของตนไว้หลายชั้น!
ทว่าทุกสิ่งที่เขาทำกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด!
ยามเสียงมู่อวี๋ดังขึ้น สิ่งที่เขาเตรียมการในวิญญาณไว้หลายชั้นราวกับเป็นเพียงของตั้งวางไร้ประโยชน์สิ้นดี เสียงมู่อวี๋ทะลุเข้ามาถึงวิญญาณของเขาในพริบตา!
จากนั้นเป็นเสียงสวดมนต์ของต้าเต๋อ!
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันควัน!
ฝึกฝนมาถึงระดับนี้แล้ว หทัยเต๋าของเขาย่อมแน่วแน่เหลือคณา ทว่าเมื่อเผชิญกับเสียงสวดมนต์ของต้าเต๋อ หทัยเต๋าของเขาช่างเปราะบาง!
เสียงสวดของต้าเต๋อคล้ายกับมี ‘เวทมนตร์’ บางอย่าง ทลายหทัยเต๋าเขาได้ในพริบตา จนเขาแทบเสียสติ!
“อย่า…อย่าสวดอีกเลย!”
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ร้องขอความเมตตาทันที!
นี่เขาก็พยายามอดกลั้นที่สุดแล้ว!
หากไม่ใช่ว่าเขาอดกลั้นที่สุดแล้ว น่ากลัวว่าเขาคงเสียสติแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป!
“หทัยเต๋าของเจ้าไม่มั่นคงเลย!”
ต้าเต๋อปรายตามองจั่วเหยียน ไม่ได้สวดต่อ ถึงอย่างไรยังต้องเดินทางกันอีก รอจนมีเวลาแล้วเขาค่อยสวดมนต์ให้จั่วเหยียนฟังอย่างตั้งใจ
“บ่าวจั่ว วันหน้าอย่าได้กล้าหาญชาญชัยเช่นนี้อีก!”
จู้จื่อตบบ่าวจั่วเหยียนอย่างเห็นใจพลางกล่าว
เขาถูกต้าเต๋อรังแกอยู่บ่อย ๆ ถูกต้าเต๋อบังคับให้ฟังเสียงสวดมนต์ ความรู้สึกนั้นทุกข์ทนอย่างยิ่งยวด!
“อะไรกันนี่!”
จั่วเหยียนร่ำร้องในใจ อยากร้องไห้จริง ๆ!
บัดซบ เขาเป็นถึงปรมาจารย์ดินแดนใหม่ แต่กลับจัดการเด็กเมื่อวานซืนอย่างต้าเต๋อยังไม่ได้หรือ
สวรรค์ยังมีตาอยู่หรือไม่!
“ไปละ คอยติดตามให้ดี อย่าให้หลุดขบวน!”
ต้าเต๋อเร่งเร้าจั่วเหยียนให้เดินทางต่อไป คุณชายไปไกลแล้ว นี่พวกเขาก็หลุดขบวนแล้ว!
จากนั้น พวกเขาตามไปอย่างรวดเร็ว คุณชายยังคงสนทนาเกี่ยวกับจ้าวแห่งแสงกับสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ คล้ายว่าสนอกสนใจในจ้าวแห่งแสงผู้นี้ยิ่ง
พวกเขาเดินทางไม่หยุดหย่อน เข้าใกล้ที่พำนักของจ้าวแห่งแสงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน พวกเขายังได้พบสิ่งมีชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ!
‘จ้าวแห่งแสงผู้นี้เป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง สอนสั่งโดยไม่แบ่งแยก…’
หลี่จิ่วเต้าจ้องมองผู้ฝึกตนที่มากันนับไม่ถ้วนแล้วสะท้อนใจ
มีคนจำนวนมากมีอคติต่อสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ วิชาที่ถ่ายทอดก็ถ่ายทอดแก่เพียงมนุษย์ ไม่ให้ต่างเผ่าเข้าร่วม ทว่าจ้าวแห่งแสงผู้นี้ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ได้มีอคติต่อต่างเผ่าพันธุ์ สอนสั่งโดยไม่แบ่งแยก เห็นทุกผู้ที่มาเท่าเทียม สามารถรับฟังการถ่ายทอดวิชาของเขาได้ทั้งหมด
‘หนอนกู่ทั้งนั้น!’
จั่วเหยียนกวาดสายตามองไปก็เห็นทุกอย่างที่เกิดในกายสิ่งมีชีวิตตนนี้
เป็นอย่างที่เขาว่า ในกายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีหนอนกู่ชอนไชทั้งสิ้น อนิจจา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่รู้เรื่องเลย ซ้ำยังตื่นเต้นดีใจกันถ้วนหน้า คิดจริง ๆ ว่าตนได้พบปรมาจารย์จริง ๆ ได้มาซึ่งประโยชน์ยิ่งใหญ่!
ผ่านไประยะหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่พำนักของจ้าวแห่งแสง
สิ่งแวดล้อมที่นี่มหัศจรรย์ ทรัพยากรฝึกตนระดับสูงเข้มข้นชุกชุมไปทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกฝน ผู้ฝึกตนที่มายังที่นี่ต่างดูเพลิดเพลินเหลือแสน!
พวกเขาสูดหายใจอึดเดียวก็รู้สึกได้ว่าความสามารถแต่ละด้านของตนพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง ไม่ให้พวกเขาเพลิดเพลินได้อย่างไร!
‘หนอนกู่ทั้งหมด!’
จั่วเหยียนแค่นยิ้มในใจ มองปราดเดียวก็เห็นถึงแก่นแท้
สสารฝึกตนระดับสูงที่อบอวลในที่นี้ล้วนเป็นของปลอม จำแลงมาจากหนอนกู่!
ในสายตาของเขา ผู้ฝึกตนเหล่านี้น่าสงสารยิ่งนัก สูดหนอนกู่เข้าร่างแล้วยังไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายยังดื่มด่ำเหลือคณา ช่างน่าสงสารจริง ๆ!
‘ดื่มด่ำเพียงใดในเวลานี้ ภายหน้าจักทรมานเท่านั้น!’
จั่วเหยียนคิดในใจ รู้ดีว่ายามหนอนกู่ไชออกจากร่างเจ็บปวดขนาดไหน!
ครานั้น สภาพร่างกายที่มีหนอนกู่ชอนไชทะลุออกมาของปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้ถูกมารกู่ลอบทำร้ายยังติดตา เจ็บปวดเหลือเกิน แม้แต่ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้นั้นยังทนไม่ไหว อยากตีตัวเองให้ตาย!
น่าเสียดาย เขาถูกหนอนกู่ควบคุมไว้ ตบตัวเองให้ตายยังทำไม่ได้ ได้แต่ทนมองหนอนกู่เหล่านี้กลืนกินเขาไปทีละนิด!
สถานที่นี้เต็มไปด้วยฝูงชน สิ่งมีชีวิตเพ่นพ่านไปทั่ว พวกหลี่จิ่วเต้าถือว่ามาช้า ไม่รู้ว่าห่างจากจ้าวแห่งแสงตั้งเท่าไหร่!
เป็นผลให้จั่วเหยียนลอบโล่งใจ
เขานึกในใจว่าตราบใดที่ไม่เข้าไปใกล้ มารกู่คงไม่รู้ว่าเป็นเขา เพราะเขาสงวนพลังปราณในตัวไว้หมดแล้ว
เวลานี้จ้าวแห่งแสงยังไม่ปรากฏตัว จากที่สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้กล่าว ถึงเวลาจ้าวแห่งแสงจะปรากฏกายบนยอดเขาสูงแห่งนั้น
หลี่จิ่วเต้าหันมองยอดเขาตามที่สิ่งมีชีวิตตนนั้นว่า ถึงรู้ตัวว่าพวกเขาห่างจากจ้าวแห่งแสงตั้งเท่าไหร่!
ให้ตายสิ ยอดเขาลูกนั้นสูงขึ้นไปถึงชั้นเมฆา จากจุดที่เขาอยู่แทบมองไม่เห็น ตรองดูเถิดว่าไกลเพียงใด!
‘จ้าวแห่งแสงเป็นที่นิยมเกินไป…’
เขาถอนหายใจ ห่างกันไกลปานนี้ซ้ำยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากมายมหาศาล เขาแทบไม่มีโอกาสได้เสวนากับจ้าวแห่งแสงเลย!
‘เอาเถิด หากมีวาสนาห่างกันพันลี้ยังได้พบหน้า หากไร้ซึ่งวาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่อาจพบเจอ หากข้ามีวาสนาต่อจ้าวแห่งแสง ย่อมได้เสวนากับเขา เฉกเช่นเมื่อคราวข้าได้พบบรรพจารย์ฝู หากไร้ซึ่งวาสนา ต่อให้ข้าอยู่แถวแรก ห่างจากจ้าวแห่งแสงเพียงคืบก็ไม่มีโอกาสได้เสวนากับเขา’
เขาคิดในใจ สงบอารมณ์ดังเดิมไม่ไปคิดมากอีก
สิ่งมีชีวิตในที่นี้ถกกันไม่หยุด ต่างพากันสรรเสริญจ้าวแห่งแสง พวกเขาศรัทธาต่อจ้าวแห่งแสงกันทั้งนั้น
‘ด้านหนึ่งเพราะตัวเอง ด้านหนึ่งเพราะหนอนกู่ในร่าง’
จั่วเหยียนคิดในใจ รู้ได้อย่างเฉียบขาด
เหง่งหง่าง!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงระฆังดังอยู่ในปฐพี สถานที่นี้พลันเงียบสงัด ไม่เหลือเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีก!
สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ต่างรู้ดีว่าจ้าวแห่งแสงจะปรากฏตัวแล้ว!
พวกเขาตื้นตันจนพูดไม่ออก ไม่กล้าใช้วาจาซี้ซั้ว ต่อมาภาพการณ์อันตระการตาก็ปรากฏ สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างคุกเข่ากับพื้นดัง ‘ตุบ’ คำนับโขกศีรษะไปทางทิศยอดเขา
‘บัดซบ!’
หลังได้เห็นภาพนี้ จั่วเหยียนก็สบถในใจ
สิ่งมีชีวิตในที่นี้คุกเข่ากันหมด มีเพียงกลุ่มพวกเขาที่ไม่ยอมคุกเข่า เด่นจนไม่อาจเด่นไปกว่านี้แล้ว!
เดิมทีเขายังคิดจะฉวยโอกาสนี้ตบตาให้ผ่าน ๆ ไป ไม่ถูกมารกู่จับได้ บัดนี้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาไฉนเลยจะตบตาได้อีก!
รอจนมารกู่มาเมื่อไหร่ต้องมองมาทางพวกเขาทันทีแน่นอน!
นอกจากนี้ มารกู่ต้องตรวจสอบพวกเขาทันทีอีกด้วย!
แม้ว่าเขาจะสงวนพลังปราณแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะไม่ถูกมารกู่จับได้ ถึงอย่างไร ดูจากสภาพการณ์ของมารกู่ก็ดูจะมีความเป็นอยู่ไม่เลว ฟื้นพลังได้ว่องไว อาจมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขามาก
ส่วนจะให้คุกเข่าต้อนรับมารกู่เฉกเช่นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เขาไม่แม้แต่จะคิด!
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย ต่อให้ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีทางคุกเข่าคำนับมารกู่!
‘เหตุใดถึง…คุกเข่ากันหมด’
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วขณะคิดในใจ
เขาไม่ต้องการคุกเข่าต้อนรับจ้าวแห่งแสง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นจ้าวแห่งแสงอยู่ในสายตา เพียงแต่นิสัยเขาเป็นเช่นนี้
มีขอบเขตของตัวเอง ไม่มีทางยอมคุกเข่าง่าย ๆ ต่อให้เป็นผืนฟ้านี้เขาก็ไม่มีทางยอม ผู้ที่เขาคุกเข่าให้มีเพียงบุพการีของตนเท่านั้น
‘ช่างเถิด คงไร้วาสนาต่อกัน ไปกันเถิด!’
เขาลอบถอนหายใจ ตัดสินใจไปจากที่นี่
สิ่งมีชีวิตทุกตนในที่นี้คุกเข่ากันหมด มีเพียงพวกเขาที่ไม่ยอมคุกเข่า เช่นนี้ออกจะ ‘แปลกแยก’ ไปหน่อย รอจนจ้าวแห่งแสงมาถึงอาจมองว่าพวกเขาตั้งใจมาหาเรื่องก็ได้
เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
เพราะอย่างนั้นเขาจึงตัดสินใจไปจากที่นี่ อย่างไรก็ไม่ควรทำให้ผู้อื่น ‘หมดอารมณ์’ ไม่ใช่หรือไร
ทว่าเวลานั้นเอง ม่านแสงเจิดจ้าแยงตาเป็นหนักหนาสาดส่องบนยอดเขาแห่งนั้น แม้แต่ดวงอาทิตย์บนนภายังถูกบดบัง!
หลังจากนั้น เงาร่างองอาจเหลือแสนปรากฏ นั่งขัดสมาธิบนยอดเขา!
จ้าวแห่งแสง…มาแล้ว!
ดวงหน้าของเขาเปี่ยมเมตตา แฝงไว้ซึ่งบารมีแต่ยังเป็นมิตร ดูก็รู้ว่าสูงส่งเหลือแสน!
เวลานี้ เขาจ้องมองสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่คุกเข่ากับพื้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พึงพอใจในการแสดงออกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาก
ทว่ายามสายตาของเขากวาดผ่านพวกหลี่จิ่วเต้า แม้สีหน้าไม่เปลี่ยนไป ทว่าในใจก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์!
สิ่งมีชีวิตทุกตนคุกเข่าคำนับพวกเขา พวกหลี่จิ่วเต้ากลับไม่ยอมคุกเข่า ซ้ำยังยืนอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?!
พวกหลี่จิ่วเต้าดึงดูดความสนใจของเขาได้ในทันที!
หลังสายตาของเขาพาดผ่านไป พวกหลี่จิ่วเต้าก็กลายเป็นที่สนใจของเขาในพริบตา!
เหตุผลนั้นไม่ใช่อื่นใด เพราะเขาสัมผัสสิ่งใดจากตัวหลี่จิ่วเต้าไม่ได้เลย หลี่จิ่วเต้าเป็นเหมือนปุถุชนผู้หนึ่ง ไร้ซึ่งพลังในตัว!
ทว่าจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?
แมวน้อยสามตัวในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้าล้วนไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ขอบเขตบำเพ็ญสูงส่งถึงระดับล้ำขีด หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะเป็นเพียงปุถุชน
ปุถุชนน่ะหรือจะได้กอดแมวน้อยล้ำขีดสามตัวไว้ในอ้อมอก
ล้อเล่นอะไร!
เขาตระหนักได้ทันทีว่าหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง อาจมีของวิเศษบางอย่างซ่อนไว้!
‘ใช้ได้! ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งดี! ยิ่งแข็งแกร่งข้าก็ยิ่งได้พลังมาก!’
เขาหัวเราะในใจ
พลังที่หนอนกู่ดูดกลืนท้ายที่สุดก็จะหลั่งไหลเข้าร่างเขา กลายเป็นพลังในตัวเขา เขาตัดสินใจฝังกู่ในตัวหลี่จิ่วเต้า!
และทันทีที่ฝังกู่ให้หลี่จิ่วเต้าสำเร็จ อีกฝ่ายก็จะเป็นไปตามการบงการของเขา!
ถึงเวลานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลี่จิ่วเต้าครอบครองก็จะเป็นของเขาทั้งหมด!
‘พวกเจ้า…มาสนทนากันตรงนี้!’
เขาทอดมองพวกหลี่จิ่วเต้าพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เชื้อเชิญพวกหลี่จิ่วเต้าให้ไปสนทนาที่ด้านหน้า!
แน่นอนว่าจุดประสงค์นั้นไม่ใช่การสนทนา หากแต่เป็นการฝังกู่ให้พวกหลี่จิ่วเต้า!