ตอนที่ 1567 ควบคุมสถานการณ์
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชายใหญ่ องค์ชายสอง แม่ทัพเซี่ย!” ฝูรั่วซียกหมัดคารวะคนทั้งสาม “อ๋องต่างเมืองของต้าเยี่ยนจะสังหารผู้สำเร็จราชการต้าเยี่ยนและจักรพรรดินีต้าโจวของพวกเรา ฝูกั๋วอ๋องทรงมีรับสั่งให้พวกข้าคุมตัวพวกท่านไว้ก่อน คนของจวนตัวประกันห้ามออกไปข้างนอกหรือส่งข่าวใดๆ ออกไปจากจวนทั้งสิ้นจนกว่าจักรพรรดินีต้าโจวจะเสด็จกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นจะถูกสังหารทันที”
องค์ชายใหญ่ได้ยินเช่นนี้จึงเข่าอ่อนทันที ต้าเยี่ยนเกิดความวุ่นวายภายในอย่างนั้นหรือ! เขารีบถามออกไป “จักรพรรดิต้าเยี่ยนเล่า ไทเฮาเล่า”
มู่หรงผิงตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร! เหตุใดอ๋องเหล่านั้นถึงคิดสังหารท่านอาเก้า”
ท่านอาเก้าคือเสาหลักของแคว้นต้าเยี่ยน อ๋องเหล่านั้นเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร
เซี่ยสวินควบคุมสติได้มากที่สุด เขาโค้งกายคำนับฝูรั่วซี “แม่ทัพฝูได้ข่าวเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน เหตุใดอ๋องเหล่านั้นจึงทำเช่นนี้ ผู้สำเร็จราชการและจักรพรรดินีต้าโจวทรงปลอดภัยดีหรือไม่”
ฝูรั่วซีโค้งกายทำความเคารพเซี่ยสวินกลับ ฝูรั่วซีนับถือแม่ทัพเซี่ยสวินของต้าเยี่ยนผู้นี้มาก เขากล่าวขึ้น “ข้าแค่ทำตามหน้าที่ ไม่รู้เรื่องอื่นใดนอกจากนี้”
“เช่นนั้นรบกวนแม่ทัพฝูทูลฝู่กั๋วอ๋อง ฮู่กั๋วอ๋องหรือเจิ้นกั๋วอ๋องทีว่าเซี่ยสวินต้องการพบพวกเขาสักครั้ง ต่อให้ตายข้าก็อยากเข้าใจเรื่องทั้งหมดก่อน” เซี่ยสวินกล่าวขึ้น
“ได้ ข้าจะทูลให้” ฝูรั่วซีพยักหน้า “เชิญทุกท่าน”
องค์ชายใหญ่ถูกทหารรักษาพระองค์แบกออกมาจากจวน มู่หรงผิงและเซี่ยสวินยังควบคุมสติของตัวเองได้ดี พวกเขาถูกมัดอย่างแน่นหนา จากนั้นถูกส่งตัวไปยังคุกที่แน่นหนาที่สุด
หลู่ไท่เว่ย ต่งซือถู เว่ยปู้จิ้ง หลู่จิ้น จางตวนหนิงรวมตัวกันอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วอ๋อง เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงฉีต่างก็ตกใจมาก
แม้พวกเขาจะตกใจที่อ๋องต่างเมืองของต้าเยี่ยนกล้าลงมือกับจักรพรรดินีต้าโจว ทว่า ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ตอนที่จักรพรรดินีต้าโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์นางกำจัดอำนาจของอ๋องเก่าจนหมดสิ้น อ๋องของต้าเยี่ยนเห็นว่าต้าโจวแข็งแกร่ง พวกเขากลัวว่าหากต้าโจวชนะการเดิมพันพวกเขาจะถูกกำจัด ส่วนผู้สำเร็จราชการต้าเยี่ยนกุมอำนาจในราชสำนักไว้คนเดียว อีกทั้งไม่สนใจความสัมพันธ์ทางสายเลือดดังนั้นพวกเขาจึงคิดสังหารผู้สำเร็จราชการทิ้ง จากนั้นคิดสังหารจักรพรรดินีต้าโจวให้ต้าโจวเกิดความวุ่นวายกันเองภายใน เช่นนี้พวกเขาจะได้มีเวลาเอาตัวรอด
ไป๋ชิงฉีลูบนิ้วของตัวเองเบาๆ เขาเงยหน้ามองเหล่าขุนนางที่กำลังวิเคราะห์กันว่าเหตุใดเชื้อพระวงศ์ของต้าเยี่ยนจึงกล้าลงมือกับจักรพรรดินีต้าโจวแล้วกระแอมออกมาเล็กน้อย “ในเมื่อทุกท่านทราบเรื่องนี้แล้ว เช่นนั้นก็ทำตามแผนที่เจิ้นกั๋วอ๋องวางไว้ ตอนนี้เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับต้าโจวในตอนนี้คือเรื่องนี้ ทุกท่านช่วยกันรวบรวมเสบียงให้ได้มากที่สุด เมื่อฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ทำลายล้างแคว้นต้าเยี่ยนเมื่อใด พวกเราต้าโจวจะทุ่มสุดกำลังเพื่อรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งให้ได้”
“ใต้เท้าเว่ย…” ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองเว่ยปู้จิ้ง “แม้การรวบรวมเสบียงครั้งนี้จะยากลำบากสักเพียงใดใต้เท้าเว่ยก็จงหาวิธีทำให้ได้ ห้ามเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”
“ฝู่กั๋วอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยปู้จิ้งเป็นคนรู้ขอบเขต เขารู้ว่าเมื่อใดควรโอดครวญว่าไม่มีเงิน ทว่า เวลานี้ต่อให้เขาต้องนำเงินทั้งหมดของตัวเองออกมาเขาก็ต้องหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้
หยางต้งซึ่งเดินถือไม้เท้ากะเผกปรากฏตัวที่หน้าห้องตำรา เขาพยักหน้าให้ไป๋ชิงอวี๋
“เช่นนั้นฝากพี่ชายสามดูแลเรื่องทางเมืองหลวงด้วยนะขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวขึ้นช้าๆ
ไป๋ชิงฉีฟังออกว่าไป๋ชิงอวี๋ต้องการเดินทางไปต้าเยี่ยนเช่นเดียวกับเขา เขารีบหันไปมองไป๋ชิงอวี๋ “เจ้าควรอยู่ควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง!”
“พี่ชายสามอยู่ก็พอแล้วขอรับ!” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นลุกขึ้นยืน “ข้าให้คนเตรียมสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ไป๋ชิงอวี๋กล่าวจบจึงลุกขึ้นยืน พวกหลู่ไท่เว่ยรีบลุกตามทันที
“บังเอิญจริง…” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวขึ้น “ก่อนมาที่จวนเจิ้นกั๋วอ๋องข้าให้คนเตรียมเก็บสัมภาระไว้รอแล้ว ตอนนี้คนของข้าคงรออยู่หน้าจวนแล้ว ข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เรือนชิงจู๋ก็สามารถออกเดินทางได้ทันที อาอวี๋พวกเราไปพร้อมกันเถิด”
ต่งซือถูรู้ดีว่าอาอวี๋และอาเป่ารักและผูกพันกันเพียงใด ไม่ว่าใครคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย อีกคนพร้อมเสี่ยงอันตรายไปช่วยเหลือเสมอ
ต่งซือถูกลืนถ้อยคำห้ามปรามไว้ลงไปในลำคอ เขาคิดว่าต่อให้ต้องทำสงครามขึ้นมาจริงๆ อาอวี๋ก็มีประสบการณ์ในสงครามมากเพียงพอ ที่สำคัญทหารในกองทัพทุกคนพร้อมปกป้องอาอวี๋อยู่แล้ว
ไป๋ชิงอวี๋โค้งกายคำนับพี่ชายสามและพวกหลู่ไท่เว่ย “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ฝากทุกท่านดูแลราชสำนักด้วย”
ไป๋จิ่นซิ่วโค้งกายคำนับเช่นเดียวกัน “รบกวนทุกท่านด้วย”
ไป๋ชิงฉีขมวดคิ้วยุ่งมองไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นซิ่วที่ทิ้งต้าโจวไว้ให้เขา เมื่อทั้งสองคนจากไปพวกหลู่ไท่เว่ยจึงหันมามองเขาเป็นตาเดียว
ไป๋ชิงฉี “…”
เขารู้ว่าไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นซิ่วเป็นห่วงพี่หญิงใหญ่ถึงได้รีบร้อนจากไปเช่นนี้
เชื้อพระวงศ์ต้าเยี่ยนคิดผิดไปเรื่องหนึ่ง พวกเขาดูถูกความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขาเกินไป หากพี่หญิงใหญ่เกิดเรื่องขึ้นมา พวกเขาพี่น้องไม่มีทางอยู่แย่งชิงบัลลังก์กันในเมืองหลวงแห่งนี้!
ทุกคนจะรวบรวมกำลังทหารบุกไปทำลายล้างต้าเยี่ยน!
“หลู่ไท่เว่ย ต่งซือถู…” ไป๋ชิงฉีหันไปทางหลู่ไท่เว่ยกับต่งซือถู จากนั้นยกมือคารวะคนทั้งสอง
หลู่ไท่เว่ยเข้าใจทันทีว่าไป๋ชิงฉีต้องการทำสิ่งใด เขารีบจับมือไป๋ชิงฉีไว้ “ฮู่กั๋วอ๋อง! ตอนนี้เจิ้นกั๋วอ๋องกับฝู่กั๋วอ๋องเสด็จไปยังต้าเยี่ยนทั้งสองพระองค์แล้ว ท่านจะเสด็จไปอีกคนไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นผู้ใดจะคอยควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่พี่หญิงใหญ่ไม่อยู่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ หลู่ไท่เว่ย ต่งซือถูและขุนนางใหญ่คนอื่นๆ ช่วยกันดูแลราชสำนักแทนพี่หญิงใหญ่ไม่ใช่หรือ ที่สำคัญตอนนี้ซิ่งกั๋วอ๋องอาอวิ๋นก็อยู่ที่เมืองหลวง บัดนี้พี่หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายที่ต้าเยี่ยน ความจริงอาอวี๋ควรอยู่ควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง หากให้ข้าอยู่ที่นี่ข้าคงกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ ข้าจะให้อาอวิ๋นมาช่วยควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักและเชิญท่านป้าสะใภ้ใหญ่มาช่วยทุกคนอีกแรง ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
สิ้นเสียงของไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นเจาก็วิ่งมาถึงห้องตำราอย่างเหนื่อยหอบ ทว่า นางถูกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องตำราขวางไว้ นางจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกไป๋ชิงฉีเสียงดัง “พี่ชายสาม!”
องครักษ์ของไป๋ชิงฉีแหวกม่านออก ทุกคนมองเห็นร่างของไป๋จิ่นเจาที่ถือหอกยาวและสะพายสัมภาระไว้ที่บ่าอย่างเตรียมพร้อม ไป๋ชิงฉีพยักหน้าให้องครักษ์ปล่อยไป๋จิ่นเจาเข้ามา
ไป๋จิ่นเจาวางหอกยาวไว้ที่พื้น จากนั้นวิ่งเข้ามาในห้องตำราอย่างรวดเร็ว สาวน้อยเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีเวลาทำความเคารพผู้ใด “พี่หญิงรองกับพี่ชายห้าเดินทางไปยังต้าเยี่ยนแล้ว พี่หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจะไปต้าเยี่ยนเช่นกันเจ้าค่ะ!”
เมื่อครู่ไป๋จิ่นเจาเห็นหวังต้งสั่งให้คนเตรียมม้าให้ไป๋ชิงอวี๋ นางจึงสอบถามจนรู้ว่าพี่หญิงใหญ่อาจกำลังตกอยู่ในอันตรายที่ต้าเยี่ยน ไป๋ชิงอวี๋จึงจะเดินทางไปต้าเยี่ยน ไป๋จิ่นเจาได้ยินเช่นนี้จะให้นางวางใจได้อย่างไรกัน
ไป๋ชิงฉีมองดูน้องสาวที่แววตามีแต่ความเด็ดเดี่ยว เขายังไม่ทันกล่าวสิ่งใดก็ได้ยินเสียงมารดาของตัวเองดังขึ้นก่อน
“อาฉี เจ้ากับจิ่นเจาไปเถิด…”
ไป๋ชิงฉีเงยหน้าขึ้นก็เห็นม่านถูกเปิดออกอีกครั้ง ฮูหยินห้าฉีซื่อผู้เป็นมารดาของเขาประคองร่างของต่งซื่อเดินเข้ามาด้านใน ไป๋ชิงอวิ๋นซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นถูกคนเข็นรถเข็นมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องตำราเช่นกัน
“คารวะไทเฮา”
หลู่ไท่เว่ยและทุกคนรีบทำความเคารพต่งซื่อ