คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 774 ชะตาชีวิตสูงส่ง ผีทุกตนอยากได้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 774 ชะตาชีวิตสูงส่ง ผีทุกตนอยากได้

ฉินหลิวซีตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาทุกคนตกตะลึง กำลังด่าใครอยู่เช่นนั้นหรือ

เถิงเจาหยิบกระบี่ทองแดงออกมา เม้มริมฝีปากมองไปยังกลุ่มก้อนพลังงานชั่วร้ายอันมืดดำนั้น เขาไม่ได้มีดวงตาสวรรค์คู่หนึ่งเหมือนท่านอาจารย์ แต่ก็สามารถมองเห็นพลังหยินชั่วร้ายที่ผิดปกติได้

มีของสกปรกมาแล้ว

มู่ซินรีบกลับไปอยู่ข้างกายผู้เฒ่าอวี๋ทันที จริงๆ แล้วเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้หรืออำนาจลี้ลับ แต่เมื่อเห็นท่าทางของอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้ ก็รู้สึกขนลุกอย่างอธิบายไม่ถูก

เดิมทีวั่งชวนเกาะติดผู้เฒ่าอวี๋ แต่เมื่อพลังงานหยินเข้ามาในบ้านไม้ นางก็ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายทั้งตัว ตอนนี้ลุกขึ้นยืนแล้วขวางอยู่ด้านหน้าของผู้เฒ่าอวี๋ เอ่ย “ท่านปู่ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องท่านเอง”

นางถอดกำไลข้อมือออก มองไปในทิศทางที่สัมผัสได้

ผู้เฒ่าอวี๋ “…”

แม้ว่าจะรู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่ก็ประทับใจมาก

ส่วนคนที่อยู่ทางด้านเถาเหวินเฉิงมองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฉินหลิวซีลุกขึ้น จ้องมองไปยังผีป่าที่กำลังแยกเขี้ยวกางเล็บอยู่กลางอากาศ ตะโกนว่า “ไสหัวออกไป!”

ดวงตาทั้งสองข้างของผีตนนั้นสีแดงก่ำ เลียคาบเลือดที่มุมปาก จ้องมองไปทางผ้าม่านเคลื่อนไหวไปมา เมื่อได้ยินเสียงตะโกนก็ส่งเสียงร้องคำราม

มันอยากจะเข้าสิงเด็กเกิดใหม่ผู้นี้

หลังจากเสียงคำรามนี้ดังขึ้น ความหนาวเย็นในห้องพลันยิ่งเพิ่มขึ้น ทุกคนต่างพากันขนลุกซู่ สาวใช้สองคนที่เดิมทีขึงผ้าม่านอยู่พากันกรีดร้อง ล้มลงบนพื้น สีหน้าซีด

ผี มีผี

เมื่อล้มลง การคลอดบุตรก็เปิดเผยต่อหน้าผู้คน บรรดาบุรุษต่างพากันหันหลัง

อวิ๋นเหนียงสีหน้าซีดเซียว หมดแรงแล้ว พลังหยินแทรกซึมเข้าไปทั่วร่างกายของนาง ยิ่งตัวสั่นเครือด้วยความหนาวเย็น

“ฮูหยินน้อยรอง ท่านออกแรงอีกหน่อย เห็นศีรษะแล้ว ใกล้แล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ตัวสั่น นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้สึกว่าในห้องนั้นหนาวมาก

ผีป่าตนนั้น พุ่งเข้ามาอย่างอดไม่ได้

“รนหาที่ตาย” ฉินหลิวซีปลดกำไลหินเก้าตาที่สวมอยู่สะบัดออกไป

กรี๊ดดด

ผีป่าตนนั้นกรีดร้องอย่างน่าสังเวช หายไปท่ามกลางความว่างเปล่า

ทุกคนขาอ่อนแรง “…”

“อวิ๋นเหนียง…” เถาเหวินเฉิงเรียกด้วยความตกใจ

ฉินหลิวซีหันกลับมา เห็นว่าอวิ๋นเหนียงหมดแรงเป็นลมไป รีบหยิบเข็มเงินแทงลงไปทันที เมื่อเห็นนางฟื้นแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ห้ามเป็นเลม หากเจ้าเป็นลม บุตรของเจ้าจะขาดอากาศหายใจที่ด้านในปากมดลูก”

อวิ๋นเหนียงสั่นไปทั้งตัว

มีลมหนาวพัดเข้ามาอีกครั้ง

ฉินหลิวซีโมโหมาก “ไม่จบไม่สิ้นใช่หรือไม่”

นางดีดปลายนิ้ว เผาวิญญาณเร่ร่อนที่พากันกรูเข้ามา ไม่เหลือแม้แต่เสียงกรีดร้อง

“เจาเจา เอายันต์ไปติดไว้ที่หน้าประตู เจ้าคอยเฝ้าไว้ ใครมาก็ต้อนรับด้วยยันต์ห้าสายฟ้า”

เถิงเจารับคำ หยิบยันต์ไล่ผีสองแผ่นไปติดไว้ที่หน้าประตูบ้านไม้ แล้วยืนอยู่ที่หน้าประตู

ทุกคนตกตะลึง

ฉินหลิวซีนั่งยองๆ เอ่ยกับสาวใช้ว่า “หากจำเป็นก็ดึงเด็กออกมาเลย”

นางวางมือบนท้องอวิ๋นเหนียง ดันเด็กทารกออกมา ในขณะที่บ่าวรับใช้คอยช่วยดึงด้วยมือที่สั่นเทา

ในเวลานี้ มีวิญญาณอาฆาตหลายตนตามกลิ่นมา ถูกขวางไว้นอกบ้านไม้ มีบางตัวไม่กลัวตายพยายามบุกเข้ามา ถูกเถิงเจาใช้กระบี่ทองแดงฟันเข้าไป หนึ่งในนั้นกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว เขาจึงใช้ยันต์ห้าสายฟ้า

มู่เหนียนและคนอื่นๆ ตกตะลึง เด็กสมัยนี้เก่งขนาดนี้กันทุกคนเลยหรือ

ฉินหลิวซีโยนกำไลหินเก้าตาในมือไปทางหน้าต่าง มีเสียงผีป่ากรีดร้องแล้วหายตัวไป

“คลอดแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ดีใจมาก

อวิ๋นเหนียงเพียงแต่รู้สึกว่ามีบางอย่างออกจากร่างกาย ผ่อนคลายไปทั้งตัว อ่อนแรงอยู่บนเตียง ทั้งตัวราวกับเปียกโชกไปด้วยน้ำ

เถาเหวินเฉิงจับมือนาง น้ำตาไหลอาบหน้า

ฉินหลิวซีสัมผัสชีพจรของนาง หยิบโสมชิ้นเล็กออกมาใส่ปากนาง

สาวใช้อุ้มเด็กแรกเกิดซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อยอย่างทำตัวไม่ถูก มองไปยังฉินหลิวซีเพื่อขอความช่วยเหลือ

ฉินหลิวซีรับมา ตัดสายสะดือด้วยตัวเอง เอาเยื้อหุ้มทารกออก เผยให้เห็นทารกหญิงตัวเล็ก ผอมแห้งที่แดงไปทั้งตัว ดวงตาเรียว กลางหว่างคิ้วมีจุดสีแดง

รูม่านตานางหดตัว เงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง นับข้อนิ้วคำนวณเวลา

“ฝนหยุดแล้ว มีสายรุ้งด้วย” ไม่รู้ว่าเสียงใครกล่าวพึมพำ

ฉินหลิวซีถอนหายใจ ไม่แปลกใจเลยที่มีวิญญาณเร่ร่อนมากมายอยากจะสิงร่าง มีโชคชะตาที่สูงส่ง ซ้ำยังมีพรศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เป็นผู้ที่เจริญรุ่งเรืองอายุยืนยาว

นางคว่ำเด็กทารกลงแล้วตบเบาๆ จากนั้นเสียงร้องไห้ของเด็กทารกที่ราวกับเสียงแมวก็ดังขึ้น

ทุกคนต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

คลอดแล้วก็ดี

ฉินหลิวซีให้สาวใช้ไปเอาน้ำร้อนมา ทำความสะอาดทารกสักหน่อย ดูแลสะดืออย่างดี จากนั้นก็ห่อด้วยผ้าฝ้ายสะอาดแล้ววางไว้ข้างกายอวิ๋นเหนียง

เมื่ออวิ๋นเหนียงได้ยินเสียงเด็กร้องก็ลืมตาขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้ม

“นางเป็นสาวน้อยผู้มีบุญ” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

อวิ๋นเหนียงดวงตาเป็นประกาย สบตากับเถาเหวินเฉิง

หลังจากคลอดบุตรแล้ว ยังต้องจัดการทำความสะอาดคนเป็นมารดา หลังคลอดบุตรมักจะอ่อนแอ ต้องหาที่พักในเมืองให้เร็วที่สุด

อวิ๋นเหนียงมองดูบุตรสาวในอ้อมแขนที่ราวกับลูกแมว หัวใจหลอมเหลวเป็นน้ำ ทั้งมีความสุขและเศร้า สุขก็คือเด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัย แต่ที่เศร้าเพราะเด็กยังไม่ครบกำหนด การคลอดก็ไม่นับว่าราบรื่นสักเท่าใด ก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงได้ดีหรือไม่

แต่ไม่ว่าอย่างไร นับว่าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกได้พบกับคนมีฝีมือ มิเช่นนั้นด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ คลอดก่อนกำหนดอย่างกะทันหันโดยไม่มีที่ให้พักพิงใดๆ จุดจบไม่มีทางมีความสุขเช่นตอนนี้อย่างแน่นอน

หลังจากผ่านไปนาน เถาเหวินเฉิงก็ได้อุ้มบุตรสาวมาหาฉินหลิวซี คุกเข่าลง “ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือภรรยาและบุตรของข้า ไม่ทราบว่าผู้ท่านมีพระคุณมีนามว่าอย่างไร ข้า เถาเหวินเฉิงยินดีที่จะตั้งป้ายจารึกอวยพรให้ท่านผู้มีพระคุณอายุยืนยาว”

“ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนั้น ข้าเป็นนักพรตแห่งอารามชิงผิงในเมืองหลี มีนามเต๋าว่าปู้ฉิว ไว้กลับไปพวกเจ้ามาบริจาคค่าน้ำมันตะเกียงที่อารามในภายหลังก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีพยุงเขาลุกขึ้น

เดิมทีเถาเหวินเฉิงคิดว่านางกำลังปลอบใจตัวเองจึงได้บอกว่าเป็นนักพรตหญิง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และสิ่งที่นางเอ่ยในตอนนี้ นางเป็นนักพรตจริงๆ หรือ

เขาอุ้มทารกในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ปู้ฉิว บุตรของข้าโชคดีที่ได้พบกับท่านอาจารย์ นับว่าเป็นบุญของนาง ท่านอาจารย์ช่วยตั้งชื่อให้บุตรของข้าได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีมองไปยังผู้เฒ่าอวี๋ “เรื่องตั้งชื่อเช่นนี้ ท่านมีประสบการณ์มากมาย ไม่สู้ท่านมอบให้สักหนึ่งชื่อ นับว่าเป็นพรแก่เด็กคนนี้”

ผู้เฒ่าอวี๋เดินมา เถาเหวินเฉิงมองเขาอย่างตั้งใจ ตกตะลึง เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “ท่าน ท่านคือใต้เท้าอวี๋ อวี๋เหมี่ยวหรือขอรับ”

“เจ้ารู้จักข้าหรือ”

“ข้าน้อยคำนับใต้เท้าอวี๋ ข้าน้อยชื่อเถาเหวินเฉิงเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อคนใหม่ของปีนี้ เป็นคนซานตง เดิมทีข้าจะพาภรรยาไปที่มณฑลซานชิงอำเภอเป่ยเหอเพื่อเข้ารับตำแหน่ง คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับฝนตกหนักระหว่างทาง ภรรยาตกใจจึงคลอดก่อนกำหนด โชคดีที่ได้พบท่านผู้มีฝีมือ” เถาเหวินเฉิงเล่าถึงที่มาของตัวเองด้วยความตื่นเต้น

ผู้เฒ่าอวี๋ก้มลงมองทารกแรกเกิด รูปร่างเล็กซูบผอม ยิ้มพลางเอ่ย “พวกเจ้านับว่าโชคดีอยู่บ้าง บุตรสาวของเจ้าก็นับว่าเป็นคนมีโชคที่ยิ่งใหญ่ เรื่องตั้งชื่อข้าไม่ขอแย่งกับเจ้าอาวาสน้อยแล้ว เจ้าเป็นปรมาจารย์เซียนเต๋า เจ้ามอบชื่อให้ เท่ากับให้พร นับว่าเป็นพรแก่เด็กคนนี้”

ขณะที่เขาเอ่ยก็ได้ถอดจี้หยกจากเอวหนึ่งอัน วางไว้ในผ้าอ้อม กล่าวว่า “เป็นโชคชะตาที่เราได้พบกัน ข้าขอมอบของขวัญพบกันเล็กๆ น้อยๆ อวยพรให้แม่หนูผู้นี้สุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จ”

เถาเหวินเฉิงโค้งคารวะขอบคุณ มองฉินหลิวซีตาปริบๆ ช่วยตั้งชื่อให้ด้วยเถิด!

แม้จะเทียบกับใต้เท้าอวี๋ที่มีชื่อเสียงกว้างไกล แต่เขาก็อยากให้ฉินหลิวซีตั้งชื่อให้กับบุตรสาวของตัวเองมากกว่า นั่นย่อมเป็นเกียรติและพรอันยิ่งใหญ่สำหรับเด็ก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท