รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1057 อาสนะพิฆาต ของเช่นนี้สุ่มสี่สุ่มห้านั่งไม่ได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1057 อาสนะพิฆาต ของเช่นนี้สุ่มสี่สุ่มห้านั่งไม่ได้!

สิ่งมีชีวิตในที่นี้คุกเข่ากันหมด มีเพียงพวกหลี่จิ่วเต้าที่ยืนอยู่ ดูแล้วก็ให้ความรู้สึก ‘นกกระเรียนกลางฝูงไก่’ อย่างแท้จริง

“นี่แหละคือจ้าวแห่งแสง เมตตาและโอบอ้อมอารี! ต่อให้พวกเขาไม่คำนับจ้าวแห่งแสง จ้าวแห่งแสงก็ไม่ได้ถือสาหาความ ซ้ำยังเชื้อเชิญพวกเขาขึ้นไปสนทนาด้วยรอยยิ้ม จ้าวแห่งแสงใจกว้างยิ่งนัก!”

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนพากันยกยอจ้าวแห่งแสง

ขณะเดียวกัน พวกเขาต่างส่งสายตาอิจฉาให้พวกหลี่จิ่วเต้า

จ้าวแห่งแสงออกปากเชิญให้เข้าไปสนทนาด้วยตนเอง ต้องเป็นเกียรติและมีวาสนาเพียงใด พวกเขาไม่เคยได้รับมาก่อนเลย!

ชั่วขณะนั้น หัวใจพวกเขาร้อนรุ่ม นึกอยากลุกขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากจ้าวแห่งแสง ให้จ้าวแห่งแสงออกปากเชิญพวกเขาบ้าง

ทว่าพวกเขาเพียงแต่คิดเท่านั้น ไม่กล้าทำจริง เพราะพวกเขานับถือจ้าวแห่งแสงจากใจ

‘พวกเราไม่เคยคุกเข่าคำนับ แต่จ้าวแห่งแสงหาได้ตำหนิติเตียน ซ้ำยังเอ่ยเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วจ้าวแห่งแสงผู้นี้ไม่เลวทีเดียว…’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ รู้สึกดีกับจ้าวแห่งแสงเพิ่มขึ้นอีกหน่อย

‘เช่นนั้นก็ไปสนทนากับจ้าวแห่งแสงหน่อยเถิด’

เขาก้าวอาด ๆ ไปหาจ้าวแห่งแสง ต้นหลิว ต้าเต๋อและคนอื่น ๆ ตามหลังไปติด ๆ สิ่งมีชีวิตที่ขวางอยู่ข้างหน้าต่างหลีกทางให้ทันที

‘หมอนี่ยังไม่รู้ว่าเป็นข้า เพราะมัวแต่สนใจหลี่จิ่วเต้า!’

จั่วเหยียนคิดในใจ โล่งอกขึ้นนิดหน่อย

เมื่อครู่มารกู่เพียงแต่พาดสายตาผ่านพวกเขาเท่านั้น และความสนใจตกอยู่ที่หลี่จิ่วเต้าเสียส่วนใหญ่

‘ขอเพียงเขาไม่สืบหาความ ก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นข้า!’

เขานึกในใจว่าขอให้ความสนใจของมารกู่อยู่ที่หลี่จิ่วเต้าไปตลอด อย่าได้สืบหาความกับเขา เพราะเขาไม่ไหวจะขายหน้าจริง ๆ!

ไม่นานนัก พวกหลี่จิ่วเต้าก็มาอยู่เบื้องหน้าจ้าวแห่งแสง สายตาของจ้าวแห่งแสงอยู่แต่กับหลี่จิ่วเต้า จนหลี่จิ่วเต้าชักกระดากใจ

หรือว่าเขาจะมีวาสนากับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ตั้งแต่เกิด?

หาไม่แล้วเหตุใดจ้าวแห่งแสงผู้นี้ถึงเอาแต่เพ่งมองเขา!

“เชิญนั่ง!”

จ้าวแห่งแสงโบกมือ พริบตาเดียวก็มีอาสนะปรากฏเบื้องหน้าพวกหลี่จิ่วเต้าเป็นจำนวนมาก

‘เวรเอ๊ย ของเช่นนี้ไม่ควรนั่งอย่างยิ่ง!’

หลังจั่วเหยียนเห็นอาสนะเหล่านี้ก็พึมพำในใจ

อาสนะเหล่านี้ล้วนไม่ใช่อาสนะทั่วไป ด้านในเต็มไปด้วยหนอนกู่ที่ยากจะรู้สึกถึง ขืนนั่งลงไปคงมีจุดจบไม่ดีแน่ หนอนกู่ในอาสนะจักถลาเข้าร่างแน่นอน

‘ข้ายังรับรู้ถึงหนอนกู่เหล่านี้ ไม่มีทางที่หลี่จิ่วเต้าจะไม่รู้!’

เขาคิดในใจ รู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าต้องปฏิเสธไม่ยอมนั่งบนอาสนะนี้แน่นอน

ถึงอย่างไรหนอนกู่เหล่านั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ มารกู่ให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้ามาก หนอนกู่เหล่านั้นล้วนเป็นหนอนกู่ชนิดสยดสยอง ขนาดเขายังไม่แน่ใจว่าจะต่อกรกับหนอนกู่เช่นนี้ไหว

นอกจากนี้ วิถีกู่ที่มารกู่บำเพ็ญนั้นพิศวงเป็นที่สุด ยากจะป้องกันได้ หาไม่แล้วปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้นั้นก็คงไม่เสียท่า

มาถึงระดับพวกเขาต่อให้ไม่ได้ระวังตัว แต่หากมีอันตรายปรากฏก็ต้องสังหรณ์ใจขึ้นมาบ้าง ไม่มีทางเสียท่าง่าย ๆ

ทว่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้นั้นก็ยังเสียท่า กู่ของมารกู่น่ากลัวจริง ๆ!

ทว่าเรื่องที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปฏิเสธ!

“ได้”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด ตรงเข้าไปนั่งบนอาสนะทันที

อาสนะหอบเขาลอยขึ้นไปอยู่ในความสูงระดับเดียวกับจ้าวแห่งแสง

‘อะไรกัน!’

จั่วเหยียนกระวนกระวายขึ้นมาทันที หลี่จิ่วเต้าไม่ทำตามบทที่ควรเป็นเลย!

เดิมเขาคิดว่าหลี่จิ่วเต้าจะปฏิเสธ หารู้ไม่ หลี่จิ่วเต้าทรุดตัวนั่งบนอาสนะโดยไม่ต้องคิด!

นี่ไม่ให้เขาแตกตื่นอย่างไรไหว!

เขายังรู้สึกถึงหนอนกู่ หลี่จิ่วเต้าย่อมรู้สึกได้เช่นกัน แต่หลี่จิ่วเต้ากลับไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่และยอมนั่งแม้จะรู้ตัวแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจ ไม่รู้สึกหวั่นเกรงต่อหนอนกู่เหล่านี้

หลี่จิ่วเต้าไม่เกรงกลัวหนอนกู่เหล่านี้ แต่เขา…กลัว!

เขาไม่กล้านั่งบนอาสนะเช่นนี้!

ทว่าปัญหาคือหลี่จิ่วเต้านั่งลงไปแล้ว เขาจะไม่นั่งได้ด้วยหรือ?

เป็นไปได้ที่ไหน!

‘ควรเปิดโปงลูกไม้ของมารกู่หรือไม่’

เขาคิดในใจ ไม่อยากนั่งบนอาสนะนี้จากใจจริง และนึกอยากแฉให้หมดทุกอย่าง

ทว่าต่อมาเขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป

อย่าล้อเล่นหน่อยเลย หลี่จิ่วเต้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ ไม่เคยเปิดโปงลูกไม้ของมารกู่ แต่เขากลับเป็นผู้เปิดโปงอย่างนั้นหรือ

นอกเสียจากว่าเขาสติไม่ดี ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปถึงกล้าทำเช่นนั้น!

เวลานั้น ต้นหลิว ก้อนหิน และพวกต้าเต๋อพากันนั่งบนอาสนะกันหมด

อาสนะหอบพวกเขาขึ้นไปอยู่ในระดับความสูงเดียวกับจ้าวแห่งแสงด้วย

พวกเขาดูเหมือนไม่รู้ตัวกัน สีหน้าไม่ได้ผิดแผกไปสักนิด

ทว่าความจริงแล้วใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ อย่างน้อยต้นหลิวก็รู้!

มันเห็นหนอนกู่ในตัวสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น และเห็นหนอนกู่ในอาสนะ ทว่ามันไม่ได้แสดงท่าทีอันใด ทรุดตัวนั่งทันที

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความเชื่อใจในตัวคุณชายของมัน!

มีคุณชายพิทักษ์อยู่นี่ มันไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้น!

“คลุมฟ้าแล้วหรือ”

ขณะเดียวกัน มารกู่ก็สังเกตเห็นต้นหลิว รู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ

ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่กวาดสายตาผ่านพวกต้นหลิวลวก ๆ เท่านั้น ไม่ได้สืบหาความให้ลึกลงไป บัดนี้หลังได้เข้าใกล้พวกต้นหลิว เขาสัมผัสถึงคลื่นพลังระดับคลุมฟ้าจากตัวต้นหลิวได้ชัดเจน!

ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตที่บรรลุขอบเขตคลุมฟ้าด้วยหรือ!

เหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง!

เพราะรู้ดีว่าดินแดนเก่านั้นมีความหมายอย่างไร บรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ให้ความสำคัญต่อดินแดนเก่าแค่ไหน สิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้าถือเป็นภัยต่อดินแดนใหม่แล้ว!

เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ไม่มีทางไม่แยแสสิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้าเหล่านี้!

เขารู้ว่าก่อนหน้านี้มีสิ่งมีชีวิตสองตนในดินแดนเก่าบรรลุขอบเขตคลุมฟ้า ต่อมาถูกเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่เพ่งเล็งและถูกกำจัด

บัดนี้สิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้าอย่างต้นหลิวกลับปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างสมบูรณ์พูนสุข ไม่ให้เขาตะลึงได้อย่างไร

เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ไม่ได้ลงมือกับต้นหลิวหรือ

หรือว่าเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่จัดการต้นหลิวแล้ว แต่กำจัดมันไม่ได้?

หากเป็นอย่างหลัง ต้นหลิวผู้นี้ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!

‘เป็นไปไม่ได้!’

ทว่าเขาปัดตกความคิดอย่างหลังในไม่ช้า

เขารู้ดีว่าเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่สยดสยองเพียงใด ไม่มีทางกำจัดต้นหลิวไม่ได้ มิฉะนั้นต้นหลิวคงไม่มาอยู่ที่นี่ แต่ไปอยู่ที่ดินแดนใหม่!

‘ดูท่า เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่คงติดพันกับบางเรื่อง จึงไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตระดับคลุมฟ้าอย่างต้นหลิว…’

เขาคิดในใจ รู้สึกว่านี่ต่างหากคือความจริง

เพราะเขารู้ว่าเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่เผชิญอยู่กับสิ่งใด ล่าช้าไปบ้าง ติดพันไปบ้างนับว่าปกติ

‘ก็ได้ เป็นลาภของข้าแล้ว!’

เขาหัวเราะในใจ

นับแต่เขาคืนชีพขึ้นมาก็เลี้ยงหนอนกู่เป็นจำนวนมาก เป็นผลให้ฟื้นฟูได้ว่องไว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาคืนชีพ เขาคืนชีพในอาณาจักรอื่น

ก่อนมาอาณาจักรนี้ เขาไปมาแล้วหลายอาณาจักร

และอาณาจักรเหล่านี้ถูกหนอนกู่ของเขายึดครองทั้งหมด สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรต่างกลายเป็นอาหารของหนอนกู่

เขาในยามนี้แม้จะยังไม่คืนสู่จุดสูงสุด แต่ก็ฟื้นตัวได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว

แน่นอนว่าที่เขาฟื้นตัวได้เร็วปานนี้เกี่ยวข้องกับที่เขาเลี้ยงหนอนกู่เป็นจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับร่างกายใหม่ของเขา!

เขาผู้ถือกำเนิดขึ้นใหม่มีร่างกายแสนมหัศจรรย์จนเหนือความคาดหมายไปไกล!

เดิมเขาคิดว่าเขาเพียงแต่คืนชีพเท่านั้น หารู้ไม่ว่าไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เขาไม่ใช่แค่คืนชีพ หากแต่ถือกำเนิดใหม่!

นี่คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสิ้นเชิง!

และชีวิตอันใหม่เอี่ยมนี้ก็ยังมีจุดเริ่มต้นสูงส่ง!

ยามเขาคืนชีพและรับรู้ได้ว่าร่างกายใหม่นี้มหัศจรรย์เพียงใดยังเคยสะท้อนใจว่าหากรู้ว่าจะได้ร่างกายใหม่เช่นนี้ เขาคงฆ่าตัวตายแล้วให้เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ส่งพวกเขามายังดินแดนเก่านานแล้ว

การกำเนิดใหม่คราวนี้เป็นการกลายเพศแสนวิเศษอย่างจินตนาการไม่ออก ในอนาคตหากไม่มีเรื่องไม่คาดคิด เขาจักก้าวสู่เส้นทางสูงสุด อยู่เหนือปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งปวง!

‘เขาอยู่ในระดับคลุมฟ้าแล้ว คนผู้นี้ย่อมอยู่ในระดับคลุมฟ้าเช่นกัน!’

ท้ายที่สุด เขาก็เบนสายตากลับมาที่หลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง

ต้นหลิวเคารพหลี่จิ่วเต้าอย่างยิ่งยวด ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!

‘น่าสนใจ นี่เขากำลังท้าทายข้าหรือ’

เขาหัวเราะในใจ

น่ากลัวว่าพวกหลี่จิ่วเต้าคงเป็นกำลังรบสูงสุดในดินแดนเก่าแล้วกระมัง

คิดแล้วคงเพราะเหตุนี้ พวกหลี่จิ่วเต้าถึงกล้าท้าทายเขาเพียงนี้!

ใช่แล้ว นี่คือการท้าทาย!

ต้นหลิวและหลี่จิ่วเต้าผู้ก้าวสู่ขอบเขตคลุมฟ้าแล้วไม่มีทางมองไม่เห็นหนอนกู่ในร่างสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ถึงอย่างไรหนอนกู่ในร่างสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็เป็นหนอนกู่ระดับต่ำ ตบตาขอบเขตคลุมฟ้าไม่ได้

ทว่าพวกหลี่จิ่วเต้ากลับทำทีว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ท้าทายเขาแล้วจะเป็นเหตุผลใดได้อีก

‘เป็นตัวตนไร้เทียมทานไร้คู่ต่อสู้ในดินแดนเก่าถึงได้ใจกล้าเช่นนี้ รู้ทั้งรู้ว่าอาสนะมีปัญหายังกล้านั่ง…’

เขาแค่นยิ้มในใจ ‘น่าเสียดาย พวกเจ้ามาเจอข้า! ไร้เทียมทานในดินแดนเก่าที่ว่าเป็นเพียงตัวตลกในสายตาข้าเท่านั้น!’

เขาผู้ฟื้นพลังมาแล้วเจ็ดแปดส่วนมั่นใจเหลือแสน มองว่าที่พวกหลี่จิ่วเต้ากล้าท้าทายเขาปานนี้เป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

เวลานั้น ต้าเต๋อเห็นว่าจั่วเหยียนยังอยู่ข้างล่าง ไม่ได้นั่งบนอาสนะก็รีบตะโกนใส่จั่วเหยียน “บ่าวจั่ว เจ้าทำอะไรอยู่ ไยจึงยังไม่รีบนั่งลงอีก!”

บัดซบ!

กลัวสิ่งใดเจอสิ่งนั้น!

จั่วเหยียนด่ากราดในใจ เดิมเขาตั้งใจอยู่ข้างหลังเช่นนี้อย่างเงียบเชียบ ไม่ทรุดตัวนั่งบนอาสนะ หารู้ไม่ว่าต้าเต๋อดันตะโกนเรียกเขา!

คราวนี้สิดี!

มารกู่ผู้ทีแรกสนใจแต่หลี่จิ่วเต้าและต้นหลิวหลังได้ยินเสียงต่อว่าของต้าเต๋อ พลันเบนสายตามาที่จั่วเหยียน!

จั่วเหยียนทรมานใจเป็นหนักหนา!

เขาไม่ต้องการเป็นที่สนใจของมารกู่ แต่กลับได้รับความสนใจจากมารกู่!

บอกตามตรง หากไม่ใช่ว่าเขาสู้ต้าเต๋อไม่ได้ เขาก็นึกอยากแทงต้าเต๋อสักหลาย ๆ ทีจริง ๆ!

ต้าเต๋อผู้นี้ทำให้เขาต้องเสียหายโดยแท้!

เขาไม่เพียงแต่ถูกมารกู่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง ซ้ำยังต้องนั่งบนอาสนะพิฆาตเช่นนี้อีก!

ต้าเต๋อช่างเลวจริง ๆ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท