เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 480 โลกนี้กลมนัก

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 480 โลกนี้กลมนัก

ลูกธนูสองดอกยิงถูกเป้าหมาย นายทหารผู้นี้ดึงลูกธนูดอกที่สามมาคาดไว้บนเชือกอีกครั้ง สองแขนง้างคันธนูจนเป็นวงกลม

สวบ

ลูกธนูดอกที่สามรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เล็งไปยังจิ้งจอกขาวตัวหนึ่งในกลุ่มจิ้งจอกทางซ้ายอย่างกับตามดาราไล่จันทราก็ไม่ปาน

“อย่านะ!”

จิ้งจอกขาวร้องด้วยความตกใจพลางปลุกปั่นปราณปีศาจ ร่างกายเปลี่ยนเป็นลวงตา หลบเลี่ยงลูกธนูดอกนั้นได้อย่างหวุดหวิด ทำให้ลูกธนูพุ่งเข้าไปในโคลนเลน มีเพียงหางลูกธนูช่วงเล็กๆ โผล่บนพื้นดิน

ตอนนี้ฝูงจิ้งจอกแตกตื่นจนถึงขีดสุดแล้ว รู้เพียงต้องหนี รู้เพียงต้องห่างจากทหารม้าและนายทหารข้างหลังให้ไกล

นายทหารผู้นำกลุ่มยิงธนูติดต่อกันสามครั้ง ลูกธนูสองดอกถูกจิ้งจอกสองตัว ส่วนลูกธนูดอกที่สามพลาดเป้า ทว่าความหวาดกลัวของฝูงจิ้งจอกกลับยิ่งเข้มข้น เพราะลูกธนูของนายทหารเล็งไปทางซ้าย ฝูงจิ้งจอกจึงหนีไปทางขวาตามสัญชาตญาณ

เสียงกีบม้าดังกับๆ สะเทือนพื้นดิน หลังจากทหารม้าไปแล้ว หลังจากฝูงจิ้งจอกหนีไปแล้ว ท่ามกลางทหารข้างหลังมีทหารม้าสองคนที่ร่างกายแข็งแรงยื่นมือไปทางพื้นดิน ขณะที่ม้าวิ่งผ่านก็คว้าจิ้งจอกสองตัวที่ถูกยิงมาไว้ในอ้อมแขน

“ท่านแม่ทัพยิงแม่นนัก! สองตัวนี้ล้วนตายทันที ไม่มีโอกาสให้ปีศาจสำแดงวิชาโดยสิ้นเชิง”

“หึๆ พวกมันเหนื่อยตั้งนานแล้ว ต่อให้มีวิชาปีศาจต่อกรกับกองทหารของพวกเราได้ อย่างไรวันนี้ก็ต้องถูกจับหมดอยู่ดี! ย่า…”

จิ้งจอกฝูงหนึ่งข้างหน้าถูกทหารม้าไล่ตาม จำนวนของพวกมันมีมากถึงสามหรือสี่สิบตัว ในนั้นมีจิ้งจอกแดงและจิ้งจอกเทาเป็นหลัก อีกทั้งมีจิ้งจอกขาวหายากตัวหนึ่งด้วย

ทหารม้าข้างหลังฝีเท้าว่องไว มีคนยิงธนูอยู่เรื่อยๆ เป้าหมายไม่ใช่เพื่อฆ่าจิ้งจอก แต่เพื่อไล่พวกมันไปยังทิศทางที่เหมาะสม และนายทหารคนนั้นไม่ได้ยิงธนูอีกหลังจากการยิงธนูครั้งที่สามพลาดเป้า

“ฮู่ ฮู่ ฮู่…”

“พี่หญิง พวกเราจะทำอย่างไรดี”

“ฮู่…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…”

“เอาเป็นว่ารีบหนีดีกว่า หนีไปถึงเขาทางลาด หนีขึ้นไปบนเขา ม้าตามพวกเราขึ้นไปบนนั้นไม่ได้ พวกเราเข้าไปในหุบเขาหรือถ้ำได้!”

“อ๊าก!”

มีจิ้งจอกถูกยิงด้วยลูกธนูของนายทหารอีกครั้ง แม้ร้องอย่างน่าเวทนายังคงอยากวิ่งต่อไป ทว่าเพราะเจ็บขา ความเร็วของมันจึงลดลงมาก ทำได้เพียงมองจิ้งจอกตัวอื่นผ่านข้างกายตนเองไปไกลตาปริบๆ

“ไม่! ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย พวกเจ้าช่วยข้าด้วย! อย่าทิ้งข้าไว้!”

ในสถานการณ์แบบนี้ ฝูงจิ้งจอกปกป้องตนเองก็ยากแล้ว จะมีตัวใดเล่าหยุดฝีเท้า และต่อให้หยุดฝีเท้าแล้วจะมีใครช่วยมันได้

ฝูงจิ้งจอกกัดฟันไม่มองสหายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อถูกไล่ตามทันจะมีจุดจบอย่างไรใครๆ ล้วนรู้ ไม่นานนักฝูงจิ้งจอกก็หลบหนีขึ้นไปบนเนินเขาแห่งหนึ่ง ทหารม้าอีกกลุ่มหนึ่งอ้อมมาถึงตรงนี้นานแล้วบุกออกมาในพริบตาเดียว

“ฆ่า!”

“ฆ่าปีศาจกลุ่มนี้!”

“ฮ่า!”

“อ้าก!”

“ทางนี้ก็มีเหมือนกัน!”

ทหารม้าสี่ห้าสิบคนพุ่งมา ฝูงจิ้งจอกไม่ทันระวังตัว จิ้งจอกจำนวนมากล้วนถูกคมดาบฟันใส่ ยิ่งมีบางตัวถูกหอกยาวเสียบตายคาพื้น

ทางขึ้นเขาอยู่ตรงหน้า จิ้งจอกที่รอดไปได้ต่างก็พยายามหนีไปทางนั้นอย่างสุดความสามารถ ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่การไล่ตามจากข้างหลังและทางปีกขวา ตอนพุ่งไปข้างหน้านั้นเอง การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น

“กริ๊ง…กริ๊ง…”

เสียงกระดิ่งพรวนหนึ่งดังขึ้น ตาข่ายแข็งแรงลอยขึ้นจากพื้นดินข้างหน้า หรือไม่ก็ครอบคลุมลงมาจากสี่ทิศทาง จิ้งจอกแทบทุกคนล้วนถูกกักอยู่ข้างในตาข่าย

เสียงกีบม้าดังสนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ ข้างหูจี้หยวน เขากับขอทานชราคุมวาโยอยู่บนท้องฟ้า เข้าใกล้สถานที่ซึ่งทหารม้าวิ่งกันฝุ่นตลบอย่างรวดเร็ว ย่อมมองเห็นปราณชั่วร้ายเข้มข้นของเหล่าทหาร ส่วนเบื้องหน้าที่เหล่าทหารม้ากำลังไล่ตามมีปราณปีศาจลอยขึ้นเช่นกัน

“พวกเขาไล่ตามปีศาจหรือ”

ขอทานชรามองเห็นปราณปีศาจข้างหน้าเช่นเดียวกัน อีกทั้งมองออกว่าจำนวนของปีศาจไม่ใช่เพียงหนึ่งหรือสองตน ทว่าเป็นฝูงหนึ่ง จึงลูบเคราสั้นไม่เป็นทรงใต้คางอย่างอดไม่ได้

“ราชวงศ์ใหญ่อย่างราชวงศ์ต้าซิ่ว มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่รับว่าแปลกอะไร ท่านจี้ นายทหารเหล่านี้ล้วนมีปราณชั่วร้ายเข้มข้น เป็นนายทหารฝีมือดีที่อยู่ในสนามรบมานานอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนเลือดลมเต็มเปี่ยมไม่ธรรมดา มิน่าเล่าถึงไล่ตามล้อมสังหารปีศาจได้แบบนี้”

จี้หยวนมุ่นคิ้วไม่พูดจา เพียงคุมวาโยลดระดับความสูง ทหารม้าข้างล่างค่อยๆ ผ่อนคลายจากการปะทะ นายทหารสองร้อยกว่าคนลดความเร็วลงแล้วรวมตัวกันเพื่อจับฝูงจิ้งจอก

ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจหนักๆ ของม้า เหล่านายทหารต่างก็ลงจากม้า ทุกคนฮึกเหิมมากทั้งสิ้น

“ฮ่าๆๆๆ…ตามพวกเจ้ามานานแล้ว จับได้เสียที กล้าใช้วิชาปีศาจก่อเรื่องที่เปี้ยนหรง ยิ่งก่อเหตุสังหาร แม้พวกเจ้าเป็นปีศาจก็หนีไม่พ้นหรอก!”

นายหทารผู้นำกลุ่มสะพายคันธนูและถือหอกยาว ก้าวไปยังตรงหน้าจิ้งจอกที่ถูกตาข่ายจับไว้ทีละก้าว กระดิ่งทองแดงอันเล็กห้อยลงมาจากปมของตาข่ายอันแข็งแกร่ง มันขยับไหวตามตาข่าย สงเสียงเบาๆ อยู่เป็นระลอก

นายทหารกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีจิ้งจอกตัวใดไม่ถูกจับอยู่ในตาข่ายแล้ว ตอนนี้ทุกตัวถูกจับหรือไม่ก็ถูกฆ่า อาจพูดได้ว่าต่อให้มีจิ้งจอกหนีไปได้ ก็ไม่มีทางเป็นจิ้งจอกกลุ่มที่พวกเขาไล่ตาม หรือหนีรอดไปได้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว

เขากวักมือครั้งหนึ่ง มีนายทหารนำม้วนเอกสารเข้ามาฉบับหนึ่ง ฝ่ายแรกถือเอกสารอยู่ตรงหน้าฝูงจิ้งจอกที่ตื่นตระหนกไม่กล้าส่งเสียง จากนั้นคลี่เอกสารออกช้าๆ

“มีปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่งใช้วิชาปีศาจทำร้ายคนที่จังหวัดเปี้ยนหรง ทำให้เจ้าหน้าที่สามคน ชาวบ้านหกคนเสียชีวิต ถูกจับโดยปรมาจารย์เซียน หลังจากตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ชื่อของมันคือลั่วเสี่ยวชิว เป็นปีศาจจิ้งจอกจากสุสานเหี่ยวเฉา ปีศาจทำร้ายผู้คนถือเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย ตามคำสั่งของเจ้าเมืองจังหวัดเปี้ยนหรงและปรมาจารย์เซียน จำต้องกำจัดปีศาจจิ้งจอกและรื้อถอนสุสานเหี่ยวเฉา”

นายทหารเก็บเอกสารอย่างเบามือแล้วมองปีศาจจิ้งจอกกลุ่มหนึ่งที่ถูกจับไว้อีกครั้ง กวาดสายตามองไปทางจิ้งจอกขาวในนั้นด้วย

“หึๆ หนังกลับไม่เลวเลย จัดการพวกเจ้าแล้วจะถลกหนังไปถวายฝ่าบาท ต้องได้รับรางวัลสักหน่อยแน่”

ถึงแม้จิ้งจอกกลุ่มนี้จะหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง และรู้แล้วว่าตอนนี้เป็นจุดจบของตนเองแล้ว จึงพากันส่งเสียงร้องขอชีวิต

“ไม่ยุติธรรม! ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพพวกข้าถูกใส่ร้าย!”

“ท่านแม่ทัพ พวกข้าไม่รู้จักลั่วเสี่ยวชิวอะไรนั่นโดยสิ้นเชิง และพวกข้าไม่ได้อยู่ที่สุสานเหี่ยวเฉานั่น!”

“ท่านแม่ทัพ ท่านปล่อยพวกข้าไปเถอะ พวกข้าไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น!”

“พวกข้าไม่กล้าทำร้ายคน ขอท่านแม่ทัพใคร่ครวญอีกครั้ง!”

“อย่าฆ่าพวกข้า อย่าฆ่าพวกข้า!”

ฝูงจิ้งจอกร้องขอชีวิตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ยิ่งมีจิ้งจอกใช้กรงเล็บแหลมข่วนเชือกตาข่าย ใช้ฟันคมลองกัดดู ทว่าทำอะไรเชือกไม่ได้เลย กระดิ่งบนนั้นส่ายไหวเล็กน้อย ทำให้ฟันและเล็บของพวกมันล้วนเจ็บปวด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าหยุด

นายทหารโดยรอบต่างก็ถือดาบรอคอยอย่างเข้มงวด

“เลือกที่ลงมือดีๆ อย่าให้หนังมีตำหนิ”

“ขอรับ!”

“รับบัญชา!”

นายหทารออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชา จากนั้นหัวเราะเยาะใส่จิ้งจอกกลุ่มนี้อีกครั้ง

“อย่าโวยวายเลย ปีศาจที่ไหนบ้างมีความดี ประชาชนต้าซิ่วกระทำความผิดร้ายแรงก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน ยิ่งไม่ได้ต้องพูดถึงฝูงปีศาจอย่างพวกเจ้ากระมัง หากจะกล่าวโทษใครก็กล่าวโทษลั่วเสี่ยวชิวแล้วกัน!”

ขอทานชราและจี้หยวนร่อนลงบริเวณใกล้ๆ ในเวลานี้ มองเห็นจิ้งจอกที่ถูกฆ่าระหว่างการไล่ตามก่อนหน้านี้แล้ว ไปจนถึงจิ้งจอกที่ถูกจับอยู่ในตาข่ายยี่สิบกว่าตัวด้วย

เดิมทีสองคนเก็บกลิ่นอายเร้นรูปร่าง กอปรกับจี้หยวนถือยันต์หยกว่างเปล่าสำแดงวิชา ทำให้จิ้งจอกและนายทหารทั้งหมดไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

“ท่านจี้คิดเห็นอย่างไร”

เดิมทีไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านดีกว่า แม้ขอทานชราไม่ได้รู้สึกดีต่อพวกปีศาจสักเท่าไหร่ แต่หากจิ้งจอกพวกนี้ไร้มลทินจริงก็จำต้องสนใจสักหน่อยแล้ว กระนั้นหากบอกว่าจิ้งจอกพวกนี้บริสุทธ์จริงๆ อาจไม่จำเป็น

อย่างน้อยจิ้งจอกพวกนี้ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เรื่องที่พวกมันบอกว่าตนเองไม่เคยทำร้ายมนุษย์ นั่นเป็นเรื่องลวงอย่างชัดเจน อย่างไรเสียปราณปีศาจไม่อาจลวงผู้คนได้ อย่างน้อยลวงขอทานชรากับจี้หยวนไม่ได้ ทว่าไม่ได้ร้ายแรงมากเช่นกัน อย่างมากล่อลวงมนุษย์ผู้ชายเพื่อขโมยปราณดั้งเดิมเล็กน้อย

จี้หยวนหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง พลันเบนสายตาออกแล้วกล่าวว่า

“ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปยุ่ง”

ขอทานชราได้ยินคำพูดนี้แล้วเห็นด้วย ก่อนจะหันไปมองทางป่าของเขาลาดชัน ตอนนี้มีสตรีชุดขาวคนหนึ่งเดินอย่างเชื่องช้า ในอ้อมแขนนางกอดจิ้งจอกสีเทาไว้ตัวหนึ่ง นางก้มหน้าลูบขนจิ้งจอกอย่างเบามือไปพลาง เข้าใกล้ปากทางขึ้นเขาอย่างมั่นคงไปพลาง

“โลกนี้กลมนัก”

จี้หยวนกล่าวเสียงเรียบ ก้มมองแขนเสื้อข้างขวาของตนเอง เห็นทียันต์หยกว่างเปล่ายังคงมหัศจรรย์ ผู้มาเยือนมองไม่ออก

ขอทานข้างๆ มองผู้มาเยือน เผยสีหน้าสนอกสนใจอยู่บ้าง แม้จะสงสัยทว่าไม่เอ่ยถาม รอคอยเรื่องราวพัฒนาต่อไปเงียบๆ

พื้นที่รกร้างริมเขาปรากฏสตรีชุดขาวอุ้มจิ้งจอกคนหนึ่ง มองอย่างไรก็ไม่ค่อยปกตินัก นายทหารทั้งกลุ่มยอดไม่ใช่คนโง่

“หยุด! ผู้มาเยือนเป็นใคร!”

นายทหารตะโกนถาม ฝ่ายสตรีหยุดยืนอยู่ที่เดิมจริงๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย

รอยยิ้มงามล่มเมืองเป็นความรู้สึกเช่นนี้เอง แม้แต่แม่ทัพก็รู้สึกเช่นเดียวกัน นายทหารทุกคนล้วนอึ้งงันไปในชั่วขณะนี้

‘นี่คือใบหน้าเดิมของถูซือเยียนหรือ เรียกได้ว่าเปลี่ยนมากกระมัง’

ตอนจี้หยวนกำลังคิดเช่นนี้ สตรีนางนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจระยะทางและเดินไปที่ขอบตาข่ายขนาดใหญ่ที่ดักสุนัขจิ้งจอกไว้ทันที เมื่อยื่นมือออกไปลูบครั้งหนึ่ง ตาข่ายทั้งหมดฉีกขาดทันที จิ้งจอกกลุ่มนั้นพลันหนีออกจากการควบคุม

“ขอบคุณท่านเซียน ขอบคุณท่านเซียน!”

“ขอบคุณท่านเซียนหญิง!”

“ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชีวิต!”

จิ้งจอกทั้งหมดกราบไหว้สตรีอยู่ข้างๆ ทำเอานางอารมณ์ดีทีเดียว

“ฮ่าๆ…เรียกข้าว่าเซียนหญิงหรือ เซียนหญิงไม่มีทางทำเช่นนี้หรอก…”

สตรีนางนั้นพูดแล้วเอื้อมมือไปข้างหน้า คว้าเส้นไหมเรืองแสงได้จำนวนหนึ่ง และเส้นไหมแต่ละเส้นนั้นเชื่อมกับร่างของนายทหารเหล่า

“เฮือก!”

“เฮือก!”

“เฮือก!”

ควันสีดำพุ่งออกจากร่างนายทหารทุกคน ยันต์คุ้มกันกายถูกเผาไหม้แล้ว

“กล้าไล่ฆ่าเผ่าจิ้งจอกของข้า ต้องตายทั้งหมด!”

สตรีเพิ่งดึงเส้นไหมกลับได้ยินเสียงเสียงกึกๆๆ จากนั้นนางปล่อยมือ เส้นไหมทุกเส้นขาดหมดสิ้น ขอทานชราเริ่มลงมือแล้ว

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท