บทที่ 553 นำทางไป
“บอกตำแหน่งที่ตั้งสำนักของวังเมฆาสีชาดมา” อู๋ฝานเหยียบจนคอของชายชราเริ่มโค้งผิดรูปเล็กน้อย “สำนักของแกอยากจะฆ่าฉันให้ตายไม่ใช่รึไง? ตอนนี้ฉันเดินไปหาด้วยตัวเองแล้วไม่ชอบใจงั้นเหรอ?”
ชายชราจ้องมองอู๋ฝานด้วยสายตาโกรธแค้น เขาไม่ยินดียอมจำนนต่ออีกฝ่าย แต่ในใจเวลานี้ก็เชื่อว่าคำพูดของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ผิด
จานเฮ่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋ฝาน เขาเองก็ไม่อาจเอาชนะชายหนุ่มได้ แต่ที่สำนักหลักนั้นยังมียอดฝีมือวังเมฆาสีชาดอีกมากมาย มันไม่จำเป็นถึงขนาดต้องให้เจ้าวังลงมือ เพียงแค่คนอื่นร่วมแรงกันก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ หากจะไปเยือนถึงประตูด้วยตนเอง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!
อู๋ฝานที่อายุน้อยทว่าแข็งแกร่ง ในอนาคตมีแต่จะยิ่งนำพาปัญหามากมายมาให้ ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายชราจึงตอบกลับ “ก็ได้ ฉันจะพาไป!”
เพราะอู๋ฝานยังคงใช้เท้ากดคอเอาไว้ เสียงของชายชราจึงค่อนข้างแหบพร่า
“ถ้ายอมบอกแต่แรกก็คงไม่ต้องโดนเล่นงานแบบนี้หรอก เลือกได้โง่จริง ๆ” อู๋ฝานคลายแรงที่เท้า ก่อนจะคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายพลางดึงตัวขึ้นมา
ชายชราที่เป็นศิษย์สำนักในของวังเมฆาสีชาดถูกอู๋ฝานกระทำเช่นนี้ ดวงตาของเขาแทบปรากฏเพลิงพวยพุ่งออกมา แต่ตนบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งถดถอยลงไปมหาศาล ดังนั้นจึงไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ ที่ทำได้ตอนนี้คืออดกลั้นและรอโอกาสล้างความอับอายในคราวเดียว
‘อู๋ฝาน ไปถึงที่ตั้งสำนักเมื่อไหร่ ฉันคนนี้จะฉีกแกให้เละเป็นชิ้นเนื้อเลย!’ ชายชราสาบานกับตนเองอยู่ในใจ
“พวกคุณไปร้านโลกในแหวนและรอผมที่นั่นนะครับ” อู๋ฝานหันไปบอกกับเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย
“นายน้อย พวกเราขอไปกับท่านค่ะ” เหมยอวี่ตอบกลับ
“ใช่แล้วค่ะนายน้อย ท่านไปวังเมฆาสีชาดคนเดียวอันตรายเกินไป ขอให้พวกเราติดตามไปด้วยเถอะค่ะ” เหมยเสวี่ยร่วมยืนยันด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “พวกคุณอยู่ที่นี่คอยเฝ้าคุ้มกันร้านโลกในแหวนเอาไว้ดีกว่า ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับที่นั่น”
เพราะอู๋ฝานยังมีไพ่ตาย และหากคิดหลบหนีเพียงลำพังก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ต่อให้แพ้คนของวังเมฆาสีชาดก็ยังสามารถหลบหนีออกไปได้ แต่ถ้ามีเหมยเสวี่ยและเหมยอวี่ด้วยจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากนี้ อู๋ฝานยังเกรงว่าคนของวังเมฆาสีชาดจะฉวยโอกาสบุกทำลายร้านโลกในแหวนในช่วงที่เขาไม่อยู่ ดังนั้นการให้เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยคอยคุ้มกันจึงปลอดภัยกว่า
“อวดดี!” ชายชราอดกลั้นเพราะทราบว่าตนไม่อาจต่อกรกับอู๋ฝานได้ แต่ยามนี้เมื่อได้ยินวาจาอวดดีของอีกฝ่ายจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“เพียะ!”
อู๋ฝานโบกฝ่ามือตบศีรษะอีกฝ่ายอย่างรุนแรง กระทั่งไม่หันมองด้วยซ้ำว่าชายชรามีสภาพเช่นไร เขายังคงสนทนากับเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย “ผมไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องกังวลครับ”
สิ้นคำกล่าว เขาเผยท่าทีบอกให้คนทั้งสองวางใจ ก่อนจะลากตัวชายชราไปด้วยมือข้างหนึ่ง พร้อมเดินออกจากร้านคัลเลอร์แมนและขึ้นรถของตนเอง ผู้คนมากมายต่างจ้องมองมา หลังเห็นเรื่องราวเป็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็พูดคุยกันดังขึ้น
สองวันที่ผ่านมา ร้านโลกในแหวนและร้านคัลเลอร์แมนถูกเฝ้าจับตามองโดยกลุ่มคนชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของเจียงโจว โดยเฉพาะหลังข่าวความตายของหวงถิงเฟิงและจานเฮ่อเมื่อช่วงเช้า ผู้คนจึงยิ่งพุ่งความสนใจไปยังสถานที่ทั้งสอง
เดิมหลายคนยังสับสนและสงสัยว่าเหตุใดเมื่อคืนจานเฮ่อถึงปล่อยอู๋ฝานไป ด้วยสไตล์ของวังเมฆาสีชาดแล้วไม่ควรทำเช่นนั้น แน่นอนว่าอีกหลายคนเช่นพ่อของหลี่ปิงและพ่อของเกิ่งหย่าเฟยต่างมองในทางอื่น เพราะเข้าใจว่าเรื่องราวควรถูกจัดการในที่ลับ และวังเมฆาสีชาดจะไม่มีทางปล่อยอู๋ฝานลอยนวล
แต่ก็ไม่ได้มีใครคาดคิดว่าจานเฮ่อจะตาย อีกทั้งยังเป็นการตายอย่างกะทันหัน เพราะในสายตาของผู้คนมากมาย คนที่ควรตายคืออู๋ฝาน ทว่าชายหนุ่มยังคงอยู่ดีมีสุข การที่จานเฮ่อและหวงถิงเฟิงเสียชีวิต นับเป็นเรื่องที่ทำทุกฝ่ายต่างประหลาดใจ
แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าความตายของจานเฮ่อไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวครั้งนี้ ต่อให้จานเฮ่อจะตายไปอย่างกะทันหัน ทว่าความขัดแย้งระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาดก็มีแต่จะยิ่งรุนแรง แม้ไม่มีหลักฐานว่าจานเฮ่อถูกอู๋ฝานสังหาร แต่ชายหนุ่มคือผู้ต้องสงสัยหลัก วังเมฆาสีชาดจะต้องมาเล่นงานอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
ไม่นานชายชราก็นำกลุ่มศิษย์วังเมฆาสีชาดมาเยือนร้านคัลเลอร์แมน มันเป็นการพิสูจน์ว่าการคาดเดาของทุกคนถูกต้อง จนเมื่ออู๋ฝานนำเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยมาถึงร้านคัลเลอร์แมน ผู้คนก็ยิ่งให้ความสนใจเรื่องราว พวกเขาทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่มีทางคลี่คลายง่าย ๆ วังเมฆาสีชาดจะต้องทำให้ชายหนุ่มต้องจ่ายด้วยชีวิต
แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตื่นตะลึงอีกครั้ง คือการที่อู๋ฝานออกจากร้านคัลเลอร์แมนอย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้อาวุโสสำนักในของวังเมฆาสีชาดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจานเฮ่อ ขณะนี้ถูกอู๋ฝานเล่นงานประหนึ่งทุบตีสุนัขไร้ทางสู้ กระทั่งถูกลากตัวไปท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้คน
อู๋ฝานแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? ผู้อาวุโสสองคนของวังเมฆาสีชาดพ่ายแพ้แก่เขาคนแล้วคนเล่า เรื่องนี้แปลกประหลาดจนเกินไปหรือไม่?
อีกทั้ง …อู๋ฝานคิดจะพาตัวอีกฝ่ายไปที่ไหน?
บรรดาคนที่ได้เห็นเรื่องราวต่างก็มีข้อสงสัยสองประการนี้ขึ้นมาในใจ
เรื่องที่เกิดขึ้นในร้านคัลเลอร์แมนกระจายต่อออกไปอย่างรวดเร็ว หลายคนที่เฝ้าจับตามองต่างก็ได้ทราบ
“พ่อ พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปแบบนี้เหรอครับ? พวกเราจะไม่ได้หุ้นจากตระกูลเกิ่งเลยงั้นเหรอ!?” ระหว่างทางกลับ หลี่ปิงเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยความโกรธแค้น
“แล้วลูกคิดว่าพ่อไม่อยากได้รึไง!? ตาแก่หนังเหนียวนั่นเกือบจะขายอยู่แล้ว แต่อู๋ฝานเข้ามาขัดขวางจนเรื่องเลวร้ายไปหมด ทำไมมันไม่ตายด้วยมือของวังเมฆาสีชาดกัน? พวกคนของวังเมฆาสีชาดก็เหมือนกัน โอ้อวดความยิ่งใหญ่ซะดิบดี ทว่าพอถึงช่วงสำคัญกลับฆ่าไอ้เวรนั่นไม่ได้! ตอนนี้ยังมีหน้ากล้ามาอวดอ้างว่าเป็นสำนักชั้นสอง มีแต่พวกสวะจริง ๆ!” พ่อของหลี่ปิงสบถออกมาอย่างกราดเกรี้ยว
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงครับ?” หลี่ปิงเอ่ยถาม
“รอ!” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับ “เรื่องระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาดยังไม่จบลง สุดท้ายมันก็ต้องตายด้วยมือวังเมฆาสีชาดไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลเกิ่งจะได้เลิกฝันกลางวัน พ่อก็หวังว่าวังเมฆาสีชาดจะไม่ถึงขนาดทำให้บริษัทต้องล้มละลาย”
พ่อของหลี่ปิงในเวลานี้กำลังลำบาก เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าวเขาแทบไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมยังอวดดีก็เพราะก่อนหน้านี้วังเมฆาสีชาดคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้วังเมฆาสีชาดทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปกับอู๋ฝาน พ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็ถูกอีกฝ่ายเกลี้ยกล่อมจนตัดสินใจไม่ขายหุ้น สถานการณ์ตอนนี้มันยากเกินกว่าเขาจะรับมือหรือจัดการได้
ไม่นาน หลี่ปิงและพ่อของเขาก็ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านคัลเลอร์แมน แม้จะตกใจกับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่ก็กำลังยินดีกับโชคร้ายของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน อู๋ฝานกำลังทำให้วังเมฆาสีชาดมีแต่ต้องฆ่า และครั้งนี้มันจะเป็นความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!
เมื่อไหร่ที่อู๋ฝานตาย เมื่อนั้นตระกูลเกิ่งก็จบสิ้นด้วยเช่นกัน!
ขณะทุกคนที่โลกเบื้องหน้าต่างคาดคิดว่าครั้งนี้อู๋ฝานต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา ทว่าเจ้าตัวกลับไม่มีความคิดแบบนั้น กระทั่งขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังที่ตั้งสำนักของวังเมฆาสีชาดด้วยซ้ำไป