คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 775 ฉีโจวมีพระพุทธรูปสายมาร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 775 ฉีโจวมีพระพุทธรูปสายมาร

ฉินหลิวซีมองไปยังทารกหญิงที่มีร่างผอมบางซึ่งกำลังลืมตาครึ่งหนึ่งมองมาที่นาง อดไม่ได้ต้องเอื้อมมือออกไป เอ่ยชื่อออกมาตอบสนองคำขอของบิดานาง

“จิ่งเหยา ชื่อว่าจิ่งเหยาก็แล้วกัน เป็นที่รู้จักในนามหินเหยา[1]ที่ไม่ย่อท้อ” นางยิ้มเล็กน้อย มือลูบบนหน้าผากของทารกน้อยเบาๆ “ขอสวรรค์จงประทานพรไม่มีที่สิ้นสุด”

ทารกน้อยอ้าปากยิ้ม

ผู้เฒ่าอวี๋กลับครุ่นคิดบางอย่าง มองดูบรรยากาศแจ่มใสข้างนอก แล้วนึกถึงสิ่งที่บ่าวรับใช้กล่าวเมื่อครู่ว่าสายรุ้งปรากฏขึ้นหลังฝนตก นึกถึงชื่อที่ฉินหลิวซีตั้งให้ ราวกับมีแสงสว่างผ่านเข้ามาในหัว

มีเพียงโลกที่สงบสุขจึงจะได้พบเห็นดวงดาวและหงส์ งดงามราวกับทำจากหินหยก

เขามองดูเด็กคนนี้ด้วยความประหลาดใจ

ในเวลานี้อวิ๋นเหนียงได้รับการจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะยังอ่อนแออยู่มาก แต่ยังคงให้บ่าวรับใช้พยุงมาคำนับขอบคุณฉินหลิวซี

“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ สามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป็นเพราะความพยายามของตัวเจ้าเอง” ฉินหลิวซีให้นางกลับไปนอนลง เอ่ย “เจ้าพึ่งคลอด ร่างกายกำลังอ่อนแอ อย่าเคลื่อนไหวไปมา มิเช่นนั้นจะทำให้เสียเลือดมาก จะเป็นปัญหา”

อวิ๋นเหนียงสีหน้าซีด แต่สภาพจิตใจนับว่าไม่เลวเลย กล่าวว่า “ชิ้นโสมที่ท่านให้เมื่อครู่นี้ดีมาก ข้ารู้สึกมีชีวิตชีวาไม่น้อย พลังก็กลับมาแล้ว”

ฉินหลิวซีคิดในใจ ‘โสมที่ผ่านการฝึกบำเพ็ญมีหรือที่ใยรากโสมจะไม่ดี’

“แต่ก็อย่าประมาท การพักผ่อนให้เพียงพอหลังคลอดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

นางพยุงอวิ๋นเหนียงกลับไปพักผ่อนที่เตียงคลอด ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาตรวจชีพจร เอ่ย “ความจริงแล้วร่างกายของเจ้าอยู่ในสภาพดี มิเช่นนั้นการเดินทางไกลในช่วงนี้ คงทนไม่ไหวนานแล้ว”

“ใช่แล้ว เดิมทีคิดว่าคลอดบุตรแล้วค่อยไปเป่ยเหอ แต่ข้าเห็นว่าครรภ์ของข้าแข็งแรงดีจึงอยากไปด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่าใกล้จะถึงแล้ว เด็กคนนี้ก็รอไม่ไหวอยากจะออกมาแล้ว โชคดีที่ได้พบท่านอาจารย์ มิเช่นนั้นพวกเราสองคนแม่ลูกเกรงว่า…”

อวิ๋นเหนียงมีสีหน้าหวาดกลัว

ฉินหลิวซีสายตาเย็นชา “เดิมทีสามารถคลอดตามกำหนดได้ แต่เจ้าได้รับผลกระทบจากพลังชั่วร้าย ส่งผลให้ทารกในครรภ์กระสับกระส่าย ซ้ำสภาพอากาศที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จึงได้มีความเคลื่อนไหวล่วงหน้า”

อวิ๋นเหนียงตกตะลึง เถาเหวินเฉิงเดินมาและได้ยินคำพูดเหล่านี้ อดสับสนไม่ได้ “พลังชั่วร้ายอะไรหรือ”

“เจ้าพกอะไรติดตัวไว้หรือไม่”

“คือว่า ไม่มีเจ้าค่ะ” อวิ๋นเหนียงมึนงงเล็กน้อย ยกมือขึ้นมา ว่างเปล่า แม้แต่กำไลหยกก็ไม่มี กล่าวว่า “ข้าเกรงว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อเด็ก จึงไม่พกกระทั่งถุงหอม แล้วก็ไม่ได้สวมเครื่องประดับที่ไม่จำเป็นใดๆ เลย”

ฉินหลิวซีมองไปที่มวยผมของนาง แล้วมองร่างกายของนาง ไม่มีจริงๆ จึงเอ่ย “อาจไม่ได้สวมใส่บนร่างกาย หนึ่งหรือสองเดือนนี้ได้พกอะไรหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องอยู่บนตัวของเจ้า อยู่รอบตัวก็ได้เช่นกัน”

อวิ๋นเหนียงยังคงส่ายหน้า แต่สาวใช้คิดอะไรบางอย่างได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดินไปยังถุงสัมภาระที่พวกเขานำมาด้วย ควานหาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินมาพร้อมกับรูปปั้นสามเณร ยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง เอ่ย “ท่านอาจารย์ ท่านดูว่าใช่สิ่งนี้หรือไม่เจ้าคะ”

ฉินหลิวซีหันไปดู นั่นคือรูปปั้นสามเณรองค์หนึ่งนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว ในมือถือดอกไม้ แต่กลับไม่ใช่ดอกบัวหรือใบหลิ่วที่พระโพธิสัตว์กวนอิมใช้ ดอกไม้นี้เป็นดอกปี่อั้นบนถนนน้ำพุเหลือง เรียกกันว่าดอกไม้แห่งความตาย และสามเณรองค์นี้ ใบหน้างดงาม ลืมตาครึ่งหนึ่ง สายตาอ่อนโยน ไม่ใช่ ไม่อ่อนโยน

เป็นความดูหมิ่น

และพระพุทธรูปเช่นนี้ ในมุมมองของฉินหลิวซีไม่ใช่ความเมตตา มีแต่พลังชั่วร้าย

นางรับมา พลังงานชั่วร้ายไหลเข้าสู่มือในชั่วพริบตา ขณะที่กำลังปีนป่าย ความคิดของฉินหลิวซีก็ผุดขึ้นมา พลังของไฟนรกทำให้พลังชั่วร้ายสลายไปในทันที

“เป็นมัน ได้มาจากไหน”

อวิ๋นเหนียงสีหน้าเปลี่ยนไป “นี่มันเป็นไปไม่ได้”

บ่าวรับใช้จึงเอ่ยตอบ “ฮูหยินของพวกเราไปขอสิ่งนี้มาจากที่วัด บอกว่าบูชาเพื่อช่วยคุ้มครองให้สงบสุขเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “ข้าดูแล้วสิ่งนี้เต็มไปด้วยพลังมารและความชั่วร้าย เมื่อบูชาเป็นเวลานานมีแต่จะทำให้คนโมโหและอารมณ์ฉุนเฉียวเท่านั้น จะสงบสุขได้อย่างไร”

“เป็นเพราะดอกไม้นี้หรือ” ผู้เฒ่าอวี๋เดินมา มองดูดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือ มันดูเหมือนดอกปี่อั้นที่บันทึกไม่เป็นทางการบรรยายถึงถนนน้ำพุเหลือง

“ก็ไม่ใช่เช่นนั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ดอกไม้สำหรับบูชาพระพุทธเจ้ามีดอกกล้วย ไม้ดอกบัว และดอกปี่อั้นนี้ แต่ไว้สำหรับบูชา ยังไม่เคยเห็นที่ถือไว้ในมือเช่นนี้มาก่อน ที่ข้าบอกว่ามันชั่วร้าย หมายถึงดินโคลนที่ใช้ปั้นรูปปั้นนี้”

“ดินนี้มีอะไรหรือ”

ฉินหลิวซีถือไว้ในมือ ดมดูเล็กน้อย สีหน้ารังเกียจพลางเอ่ย“ดินนี้เปื้อนเลือด เดิมทีดินก็เป็นหยิน หากเปื้อนเลือดก็ยิ่งมีความเป็นหยินที่แฝงไว้ด้วยความพยาบาท หากดินนี้ขุดมาจากสุสาน เช่นนั้นพลังหยินก็จะยิ่งรุนแรง และความชั่วร้ายก็คือรูปปั้นสามเณรนี้ ตามหลักแล้วพระพุทธรูปควรจะมีจิตใจที่สงบ เมื่อได้เห็นพระพุทธรูปก็จะยิ่งจิตใจผ่องใสราวกับน้ำ มีแต่ความสงบ แต่เมื่อข้าเห็นสิ่งนี้กลับรู้สึกได้เพียงพลังชั่วร้าย”

นางยกขึ้นสูงเพื่อให้ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอคติหรือไม่ หลังจากที่นางกล่าวเช่นนี้ เมื่อพวกเขามองไปที่พระพุทธรูปก็พากันรู้สึกขนลุก ตัวสั่นเทา

สีหน้าของอวิ๋นเหนียงซีดขาวกว่าเมื่อครู่ ริมฝีปากที่ไร้สีเลือดสั่นเครือ “ไม่ เป็นไปไม่ได้”

เถาเหวินเฉิงปวดใจเป็นอย่างมาก เอ่ย “ดูผิดไปหรือไม่ ท่านอาจารย์อาจจะยังไม่รู้ เป็นท่านแม่บุญธรรมของภรรยาข้าไปขอมา ท่านแม่บุญธรรมรักภรรยาข้าเป็นที่สุด”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้ทำไปโดยเจตนา ต้องอาศัยพวกเจ้าไปตรวจสอบกันเอง อาจจะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียงแค่สงสัยว่าสิ่งนี้มาจากวัดไหน”

“เป็นท่านแม่ของข้าไปขอมาจากพระ แต่วัดอะไรนั้นกลับไม่ได้บอก บอกเพียงว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ให้ข้าบูชาไว้ข้างกายเพื่อคุ้มครองให้สงบสุข”

อวิ๋นเหนียงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ท่านแม่ไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของนาง เป็นมารดาบุญธรรม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ยังเด็ก นางรู้หรือไม่รู้เรื่องนี้ มีความตั้งใจทำร้ายตัวเองหรือไม่ เพราะเหตุใดกัน

“วัดที่ไหน”

“ที่ฉีโจว”

เป็นฉีโจวอีกแล้ว ช่างน่าสนใจจริงๆ

ฉินหลิวซีหยิบยันต์หนึ่งแผ่นมาปิดผนึกพระพุทธรูปนี้ กล่าวว่า “ของสิ่งนี้ เจ้าอย่าบูชาเลย บูชาไปก็มีแต่จะทำร้ายเจ้า เร็วๆ นี้ข้าจะไปฉีโจวสักหน่อย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ฉีโจวมีวัดนามว่าวังหลิงซวีอยู่ที่ไหน”

“วังหลิงซวีหรือ ไม่เคยได้ยินมาก่อน” เถาเหวินเฉิงและคนอื่นๆ ส่ายหน้า

หรือว่าพึ่งตั้งขึ้นมา ไม่น่าใช่ มองดูวัดแห่งนั้นค่อนข้างจะโบราณ

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก ยกพระพุทธรูปนั้นขึ้นมา มองอวิ๋นเหนียงพลางเอ่ย “ข้าเอาไปได้กระมัง”

หลังจากที่อวิ๋นเหนียงได้ยินว่าสิ่งนี้ชั่วร้าย ไหนเลยจะยังกล้าเก็บไว้ข้างกาย แทบจะยกให้ฉินหลิวซีไปจัดการ หากนางต้องการก็เชิญเอาไปได้เลย

“ตามแต่ประสงค์ของท่านอาจารย์เถิด แต่ท่านไม่กลัวหรือ มันชั่วร้ายไม่ใช่หรือ”

“ข้าเป็นผู้บำเพ็ญเต๋า มีหรือจะกลัวมัน?” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานั้นข้าแค่จะเอาไปถามผู้คนว่าสิ่งนี้ไปขอมาจากวัดไหน หากพวกเจ้าสะดวกก็สามารถเขียนจดหมายลงลายมือให้ข้าได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะไปถามท่านแม่ของเจ้า”

“ท่านอาจารย์รอสักครู่ดีหรือไม่ ข้าจะให้คนขี่ม้าเร็วส่งจดหมายไปถามเดี๋ยวนี้” เถาเหวินเฉิงกล่าว

“ไม่ต้อง ข้าเร็วกว่าเจ้า เจ้าให้ที่อยู่และลงลายมือแก่ข้าก็พอ” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย

ไม่มีอะไรที่จะทำให้สองสามีภรรยาไม่ตอบตกลง

อวิ๋นเหนียงยังคงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ เป็นเพราะข้าบูชาสิ่งนี้จึงได้ถูกพลังหยินทำให้คลอดก่อนกำหนดจริงๆ หรือ หากบูชานานวันเข้าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”

ฉินหลิวซีมองเข้าไปในดวงตาของนาง “เจ้าเองก็บูชามาระยะหนึ่งแล้ว อารมณ์เป็นอย่างไร เจ้าลองคิดดูสักหน่อยก็จะเข้าใจเอง”

อวิ๋นเหนียงขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด

[1] หินที่สวยงาม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท