ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1519 ไม่ได้เจอกันนาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1519 ไม่ได้เจอกันนาน

เพียงแค่ส่งสัญญาณเท่านั้น คนเหล่านั้นก็ออกไปทันทีเพราะรู้ว่าสิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควร

ให้พวกเขาได้เห็นท่าทางที่น่ารักและเชื่องของแมวน้อย

ฝันไปเถอะ

กู้เสี่ยวหวานเห็นพวกเขาออกไปแล้ว ก็พูดด้วยความโกรธว่า “ทั้งหมดเป็นคนของข้า ทำไมต้องฟังเจ้าด้วย”

กู้เสี่ยวหวานเม้มปากด้วยสีหน้าไม่พอใจ

ฉินเย่จือไม่ได้โง่ที่จะไม่เข้าคำพูดนี้ของอีกฝ่าย

ฉินเย่จือลูบผมยาวดำสลวยของกู้เสี่ยวหวาน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ช่วงนี้เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่”

“ไม่คิดถึงเลย ใครบางคนหายไปเป็นสิบวัน ข้าชินเสียแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดถึงอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างปากไม่ตรงกับใจ

ครั้นได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานพูดอย่างน้อยใจ ฉินเย่จือก็รู้สึกไม่สบายใจ

การเดินทางของเขานั้นไม่แน่นอน เขาอยากจะบอกความจริงเกี่ยวกับฐานะของตัวเอง แต่ตอนนี้มีเรื่องโต้แย้งกันในพระราชสำนักเกิดขึ้นและเขาก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

แต่ถ้าพระราชสำนักมีความมั่นคงและไม่มีข้อโต้แย้งอีกต่อไป เขาจะได้แน่ใจว่าสามารถปกป้องแมวน้อยและปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้ปีกของตัวเอง

แต่ตอนนี้เขาไม่กล้า ไม่กล้าเปิดเผยแมวน้อยสู่สาธารณชน รอบกายเขาเต็มไปด้วยศัตรู มีคนที่ต้องการจะฆ่าเขา เขาไม่กล้าปล่อยให้แมวน้อยได้รับอันตราย

ฉินเย่จือวางคางบนไหล่ของกู้เสี่ยวหวานและกอดนางไว้จากด้านหลัง ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองไปที่ดาวบนท้องฟ้าและพูดพร้อมกัน “พี่เย่จือ”

“หวานเอ๋อร์”

ทั้งสองพูดพร้อมกัน เมื่อรู้สึกถึงความเร่งรีบของอีกฝ่าย ทั้งสองหัวเราะพร้อมกันและพูดพร้อมกันว่า “เจ้าพูดก่อน”

“เจ้าพูดก่อน”

คราวนี้ใจของพวกเขาก็ตรงกัน ความน้อยใจที่มีทั้งหมดมลายหายสิ้นไป นางหันกลับไปกอดฉินเย่จือพลางเอ่ยบอกความในใจ “พี่เย่จือ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ ข้าคิดถึงเจ้าจริง ๆ”

“ข้าก็คิดถึงเจ้า หวานเอ๋อร์ของข้า”

เขาคิดทุกวันทุกคืนเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องเต้มอบหมายให้จัดการ ซึ่งแต่เดิมใช้เวลาครึ่งเดือนถึงจะจัดการเสร็จ แต่เขาใช้เวลาแค่สิบวัน ทำไมมันเร็วขนาดนั้น? ก็เพราะว่าเขาอยากรีบกลับเมืองหลวงมาพบแมวน้อยของตัวเองเร็ว ๆ

เขามีความรู้มากมาย มีเรื่องในใจมากมายที่อยากจะบอกนาง

เช่นเดียวกับกู้เสี่ยวหวาน ไม่เจอกันสิบกว่าวัน นางมีเรื่องอยากจะบอกกับเขา

อยากจะพูด แต่ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน จึงได้แต่เงยหน้ามองฉินเย่จือ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความอ่อนโยนส่องประกายแวววาวยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า

ริมฝีปากสีแดงเผยอออกเล็กน้อยราวกับกำลังรอให้เขาเลือก

ฉินเย่จือก้มศีรษะลง ประกบริมฝีปากอุ่น ๆ ลงบนหน้าผากของกู้เสี่ยวหวาน ไล่ลงมาที่คิ้ว ตา จมูก และแก้ม บ่งบอกเขาว่าคิดถึงนางมากแค่ไหน ในที่สุดการกระทำก็หยุดห่างจากริมฝีปากเพียงเล็กน้อย แค่ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยก็ลิ้มลองจูบอันหอมหวานได้

ฉินเย่จือหยุดชะงัก มือสองข้างประคองแก้มกู้เสี่ยวหวานไว้ สอดนิ้วเรียวเข้าไปในผมของกู้เสี่ยวหวานพลางใช้ปลายนิ้วลูบแก้มนางเบา ๆ

เขาสัมผัสใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน กลัวว่าหากลงน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้คนน่ารักตรงหน้าเจ็บปวด

ไม่รู้สิ คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าเขารักคนตรงหน้าคนนี้มากเท่าไร

ฉินเย่จือยิ้มเจื่อน งานเลี้ยงครั้งก่อนซูหมิ่นทำให้แมวตัวน้อยเปล่งประกาย แต่ซูหมิ่นปิดกั้นทุกอย่างเกี่ยวกับแมวน้อย เพราะกลัวว่าแสงของแมวน้อยจะบดบังความโดดเด่นของนาง

ฉินเย่จือไม่สนใจ แมวน้อยเป็นของเขา แม้ว่านางจะเปล่งประกายหรือไม่มีชื่อเสียงก็ตาม นางก็เป็นของเขา

เขาไม่ต้องการให้แมวน้อยของเขากลายเป็นของใคร แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ลูกแมวของเขาเป็นเหมือนแอ่งน้ำใสสะอาดปราศจากคลื่นใด ๆ

นี่คือแมวน้อยของเขา นางมีเสน่ห์มากจนผู้คนรักมากขึ้น ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรักนาง จนถึงตอนนี้ติดอยู่ในนั้นจนไม่สามารถหลุดพ้นได้

แมวน้อยของเขามีเสน่ห์อย่างประหลาดใจ

ความคิดของเขาทั้งหมดถูกครอบงำด้วยอารมณ์ทั้งหมดของเขา

ริมฝีปากแดงช่างเย้ายวน ฉินเย่จือถอนหายใจและหลับตากดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนบนริมฝีปากสีแดง

แสงจันทร์ที่สว่างไสวดูเหมือนจะเขินอายซ่อนตัวอยู่หลังเมฆไม่ยอมออกมา มีเพียงแสงเทียนสลัว ๆ สาดส่องมาทำให้สิ่งรอบด้านพร่ามัว

ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสองจะแยกจากกัน แต่ฉินเย่จือยังไม่พอใจ

เขาไม่ได้กลับมานาน ริมฝีปากแดงนั้นจึงดึงดูดเขาอยู่เสมอ เขาคิดมานานแล้วว่าอยากจะจูบริมฝีปากนี้

วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ควรนับดอกเบี้ยและควรเก็บเงินไว้ใช้จ่าย

ทั้งสองคนมานั่งที่ศาลา มองไปที่ดวงจันทร์อีกครั้งและกู้เสี่ยวหวานพูดว่า “พี่เย่จือ หลังจากเจ็ดวัน จวนซูจะจัดงานเลี้ยง ข้าตอบรับคำเชิญของจวนซูแล้ว”

ฉินเย่จือพยักหน้า “เวลานั้นคนจะเยอะมาก อย่าให้อาจั่วกับอาโม่ออกห่างจากเจ้า”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะระวังตัว”

ซูเฉี่ยนเยว่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมิงตูจวิ้นจู่ งานเลี้ยงครานี้ หมิงตูจวิ้นจู่ต้องไปแน่นอน จวนซูคล้ายกับจวนของหมิงตูจวิ้นจู่ เป็นเรื่องง่ายที่จะใส่ร้ายผู้อื่น

ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่ควรคิดร้ายต่อใคร แต่พึงระวังคนที่คิดร้ายต่อเรา

ยังคงต้องระมัดระวัง

“อืม พี่เย่จือ เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลตัวเองดี ๆ” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ฉินเย่จือพยักหน้า พลางม้วนผมของกู้เสี่ยวหวานเล่น และวางผมไว้ใต้ปลายจมูกของตัวเองเบา ๆ

คืนนี้กู้เสี่ยวหวานสระผม และกลิ่นหอมทำให้เข้าสูดเข้าไปอย่างพอใจ

“ถ้ามีคนรังแกเจ้า ก็จงรังแกมันกลับไปเสีย อย่าได้เกรงกลัวเพราะเจ้ายังมีข้า” ฉินเย่จือหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอีกครั้งด้วยสายตาที่เย็นชา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท