บทที่ 322 พวกเจ้าพูดอันใด นางฟังไม่เข้าใจ!
หลิงเยว่ตกใจยิ่งนัก เมื่อถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ครั้นได้สติกลับมาก็รู้สึกยินดี นางไม่ต้องฝืนเข้าไปในเขตต้องห้าม แต่ยังสามารถอาศัยความมืดหลบหนีได้อีกด้วย!
หลิงเยว่จึงเริ่มใช้งานแหวนเร้นกาย ครานี้ปรากฏเป็นปลาตัวใหญ่มีปีกท่าทางน่าเกรงขาม นางคาบปลาตัวน้อยที่สลบไสลอยู่ในปาก ก่อนจะกระพือปีกพุ่งทะยานออกไปไกล
ยังไม่ทันที่หลิงเยว่จะระงับความตื่นเต้น ทันใดนั้นเอง ปลาหมัวอินโตเต็มวัยหกตัวพลันโผล่ขึ้นมาล้อมรอบตัวนาง พวกมันอ้าปากเหมือนกำลังเอ่ยถามสิ่งใดบางอย่าง
แน่นอนว่าหลิงเยว่ฟังภาษาของพวกมันไม่ออก!
ปลาโตเต็มวัยเห็นหลิงเยว่ไม่เอ่ยตอบ อีกทั้งยังคาบปลาตัวน้อยอยู่ในปาก พวกมันจึงนึกถึงกลุ่มปลาทรยศที่ชอบกินพวกเดียวกันเป็นอาหาร!
ดวงตาของปลาเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน จากที่เคยว่ายน้ำเคียงข้างกัน บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นล้อมรอบหลิงเยว่เอาไว้แทน
ปลาตัวเต็มวัยที่ขวางหน้าหลิงเยว่อยู่พ่นฟองอากาศออกมาอีกระลอก สายตาของมันราวกับข่มขู่ ทว่าแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวสิ่งใดบางอย่าง พวกมันจึงไม่ลงมือในทันที
“ระบบ ขอร้องละ ขอตัวแปลภาษาทีเถอะ!”
หลิงเยว่เอ่ยขอความช่วยเหลือจากระบบ ในที่สุดนางก็เข้าใจสิ่งที่ปลาโตเต็มวัยเบื้องหน้ากำลังพูด
“ปล่อยลูกปลาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้เห็นดีกัน!”
การปล่อยลูกปลาตัวนี้ไปจริง ๆ แล้วเท่ากับเอาชีวิตมันไปทิ้งเลยนะ!
หลิงเยว่จะยอมได้อย่างไร?
ปลาหมัวอินโตเต็มวัยตามการคำนวณพลังของโลกมนุษย์ อยู่ในขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นปลายขึ้นไป หากโชคดีนางอาจรับมือกับพวกขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นปลายได้หกตัว แต่หากโชคร้ายอาจต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังระดับเดียวกันหรืออาจจะสูงกว่านั้นอย่างขอบเขตบำเพ็ญเต๋า…
หลิงเยว่เชื่อมั่นในโชคของตัวเอง และตัดสินใจ… สู้!
[มอบเขาให้พวกมันเถอะ]
“เจ้าพูดอะไรน่ะ?”
นางเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว แต่ระบบกลับ…
[ข้าบอกว่าให้มอบลูกปลาให้พวกมันไป เพราะเวลาที่เจ้าจะใช้ต่อสู้นั้นเพียงพอให้โม่จวินเจ๋อเวียนว่ายตายเกิดได้หลายสิบครั้งแล้ว!]
หลิงเยว่ “…”
ระบบหมายความว่าอย่างไร หรือว่าโม่จวินเจ๋อจะสามารถขจัดพิษมังกรได้ด้วยร่างปลาหมัวอินเช่นนั้นรึ?
[ใช่แล้ว และไม่ต้องกังวลว่าจะหาตัวเขาไม่พบ เพราะเจ้าสามารถใช้หยดโลหิตค้นหาตำแหน่งของเขาได้]
“ยังมีเรื่องดีเช่นนี้อยู่อีกหรือ!” หลิงเยว่รีบคายลูกปลาตัวน้อยที่คาบไว้ในปากออกมา ก่อนที่ปลาตัวโตจะสะบัดหางใส่
ปลาเต็มวัยทั้งหกตัวมองเห็นบาดแผลเล็ก ๆ บนท้องของโม่จวินเจ๋ออย่างชัดเจน ตัวหนึ่งพ่นฟองอากาศออกมาอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงใช้หางโอบกอดลูกปลาตัวน้อยอย่างอ่อนโยน และตรวจดูบาดแผลของเขาอย่างละเอียด
ส่วนอีกห้าตัวนั้นโกรธมาก พวกมันแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ตัวหนึ่งโจมตีด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ส่วนอีกสี่ตัวสะบัดหางพร้อมกัน และว่ายน้ำตรงไปที่หลิงเยว่
นางมอบลูกปลาให้แล้ว เหตุใดจึงยังลงมืออีก!
แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่หลิงเยว่ไม่รอช้า รีบสะบัดหางดำดิ่งหลบหนีไป
ปลาทั้งห้าตัวถึงกับชะงัก งุนงงที่นางกล้ากลืนกินลูกปลา ทั้งที่ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสู้กับพวกมัน!
ดวงตาปลาทั้งห้าคู่จ้องมองกัน จากนั้นจึงรีบไล่ตามนางไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียว บริเวณนั้นก็เหลือเพียงปลาตัวเต็มวัยตัวหนึ่ง และลูกปลาตัวน้อยที่ร่อแร่ใกล้ตาย
ปลาใหญ่คาบโม่จวินเจ๋อตัวน้อยไว้เบา ๆ แล้วหายวับไปในพริบตา มุ่งหน้าไปยังเกาะที่กำลังเคลื่อนที่ออกไป
เผ่าพันธุ์ปลาหมัวอิน เป็นเผ่าพันธุ์นักสู้ที่รักสามัคคี แน่นอนว่าภายในเผ่าย่อมมีผู้ทรยศอยู่บ้าง เช่น พวกที่ชอบแอบกินลูกหลานในเผ่า หรือพวกที่ทรยศเผ่าไปยังเมืองหลวงของปีศาจ…
หลิงเยว่ที่ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ทรยศ กำลังดิ้นรนหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่นางจะหนีรอดได้อย่างไร นางไม่เพียงแต่ถูกจับได้เท่านั้น แต่ยังถูกปลาใหญ่รุมสกรัมอีกด้วย…
“อ่อนแอเช่นนี้เชียวหรือ? ข้าแค่สะบัดหางใส่ด้วยพลังห้าส่วนเท่านั้นเอง!”
ปลาใหญ่หมายเลขหนึ่งที่ใช้หัวดันหลิงเยว่ที่แกล้งตายอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
“ดูท่าจะเป็นแค่เด็กที่เพิ่งเติบโต ยังไม่รู้วิธีใช้พลัง”
“ฮึ่ม! บังอาจนักที่กล้ากินลูกหลานในเผ่า ต้องขังมันไว้สักร้อยปี!”
“ร้อยปีไม่พอให้เศษเดนอย่างมันสำนึกผิดหรอก อย่างน้อยต้องสองร้อยปีขึ้นไป!”
ฟองอากาศผุดขึ้นจากน้ำไม่หยุด เป็นเสียงของปลาตัวโตทั้งห้าตัวกำลังรุมด่าหลิงเยว่
หลิงเยว่ได้แต่ “…”
หากไม่ติดว่าต้องไปพบโม่จวินเจ๋อที่เกาะ นางคงหนีไปได้ตั้งนานแล้ว!
หลิงเยว่ถูกปลาตัวโตทั้งห้าเตะเล่นไปมา จนกระทั่งมาถึงเกาะที่หายไปในความมืด
ยามค่ำคืนบนเกาะช่างงดงาม หญ้าหมัวอินที่ดูธรรมดาในตอนกลางวันกลับเปล่งแสงสีฟ้าเรืองรอง ในอากาศมีกลุ่มแสงสีต่าง ๆ ลอยละล่อง แม้แต่ครีบสีดำของปลายังส่องประกายราวกับไฟนีออน ส่วนเขตต้องห้ามนั้น… กลับมืดสนิท แสงใด ๆ ล้วนไม่กล้าเฉียดไปใกล้
โม่จวินเจ๋ออยู่ที่ใดกัน?
หลิงเยว่ถูกโยนขึ้นเกาะ ทันทีที่ปลาทั้งห้าขึ้นฝั่ง พวกมันก็กลายร่างเป็นชายรูปงาม หนึ่งในนั้นจับหางนางไว้ แล้วก้าวฉับ ๆ มุ่งหน้าไปยังเขตต้องห้ามทันที
“ระบบ จะใช้หยดเลือดตามหาโม่จวินเจ๋อได้อย่างไร?”
หากระบบไม่บอกว่าสามารถใช้หยดเลือดตามหาโม่จวินเจ๋อได้ หลิงเยว่ไม่มีทางยอมมอบตัวง่าย ๆ เช่นนี้แน่
[วิธีนั้นช่างง่ายดาย เพียงแค่เปล่งความคิดออกมา เลือดบริสุทธิ์ที่ส่งไปจะต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับ ยิ่งตอบกลับรวดเร็วเท่าใด แสดงว่าระยะห่างยิ่งใกล้กันมากเท่านั้น]
เจ้าดอกไม้สีดำตัวน้อยกำลังหลับใหล พลันลืมตาขึ้น “เจ้ามาจิ้มข้าทำไม?”
“ก็แค่อยากจิ้ม” หลิงเยว่ตอบกลับทันที
เจ้าดอกไม้ดำ “…”
ไม่นานนัก เลือดหยดที่สองก็ส่งปฏิกิริยาตอบกลับ พบว่าอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ทว่าบัดนี้หลิงเยว่กลับถูกพาไปยังดินแดนต้องห้ามอันมืดมิดทางทิศเหนือเสียแล้ว
ตูม…
ร่างของหลิงเยว่ถูกโยนลงไปในผืนน้ำอันเย็นยะเยือก เย็นจนร่างปลาของนางแข็งทื่อ ในน้ำนั้นราวกับมีคมเข็มนับแสนแทงทะลุร่าง นางร้องครวญครางออกมาเป็นฟองอากาศมากมาย
“ไตร่ตรองความผิดของเจ้าเสียให้ดี!”
ปลาตัวโตหมายเลขหนึ่งผู้โยนหลิงเยว่ลงน้ำเอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะหันหลังจากไป
“โอ๊ย! เจ็บ เจ็บ ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยข้าออกไปเถิด ข้าจะไม่กินลูกปลาอีกแล้ว!”
“ฮือ… ข้าไม่อยากตาย ข้าจะไม่หนีอีกแล้ว!”
“โอ๊ย! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน หากปล่อยข้าออกไป ข้าจะรักและดูแลพวกเขาอย่างดี…”
ฟองอากาศมากมายผุดขึ้นรอบ ๆ หนึ่งในนั้นมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น พร้อมกับว่ายเข้ามาหาหลิงเยว่
“เจ้าทำผิดอะไรจึงถูกจับมาขัง?”
ปลาข้าง ๆ สะบัดหางว่ายเข้ามาอย่างเชื่องช้า “ข้าว่า… คงเป็นการกินพวกเดียวกันนั่นแหละ!”
ปลาส่วนใหญ่ที่ถูกโยนลงมาในบ่อลงทัณฑ์ล้วนแต่ทำผิดด้วยการกินพวกเดียวกันทั้งนั้น มีส่วนน้อยที่ทนกินแต่หญ้าไม่ไหว จึงคิดทรยศเผ่าพันธุ์แล้วหนีออกไปหาของกินอร่อย ๆ ในโลกภายนอก…
“เผ่าพันธุ์เรามีตั้งเยอะแยะ แทบจะล้นทะเลสาบอยู่แล้ว กินไปสักตัวสองตัวจะเป็นไรไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาปลาผู้กระทำผิดตัวอื่น ๆ ก็ลืมความเจ็บปวด แล้วหันมาสนับสนุนทันที
“ใช่… ใช่แล้ว! หญ้านั่นมันกินยากจะตาย เมื่อก่อนในทะเลสาบยังมีเผ่าพันธุ์อื่นให้กินบ้าง แต่ตอนนี้ถูกกินจนหมดเกลี้ยงแล้ว ไม่อยากให้กินพวกเดียวกัน แล้วจะให้พวกข้าอดตายรึไง?”
“ไม่ให้กินพวกเดียวกัน แล้วยังไม่ให้ออกไปผจญภัยในเขตแดนปีศาจด้วยซ้ำ หากหนีออกไปก็จะถูกตัดสินว่าเป็นพวกหนีฝูง!”
“อ๊าก! ปล่อยข้าออกไป!”
เหล่าปลานักโทษรอบข้างต่างพากันคลุ้มคลั่ง มีเพียงหลิงเยว่ที่เริ่มสงบลงบ้าง แม้ความเจ็บปวด ความหนาวเหน็บ และความสิ้นหวังจะยังรุมเร้า แต่เมื่อนางสังเกตเห็นโครงกระดูกปลากองพะเนินอยู่บนชายฝั่ง ดวงตาที่ไร้วิญญาณของพวกมันเปล่งประกายเย็นเยียบออกมาในความมืดมิด
แท้จริงแล้ว ที่นี่มิใช่สถานที่ต้องห้าม หากแต่เป็นสุสานบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์ปลาหมัวอิน!
นี่คงเป็นคำอธิบายได้อย่างดีว่า เหตุใดพวกปลาหมัวอินจึงแสดงออกด้วยแววตาเคารพยำเกรงเช่นนั้น เมื่อผ่านมายังสถานที่แห่งนี้