บทที่ 1059 จั่วเหยียน ‘ข้ายอมรับว่าเมื่อครู่ข้าหัวเราะดังไปหน่อย!’
เจ้ายังคิดจะอธิบายให้ละเอียดอีกหรือ!
จั่วเหยียนสบถด่าสาปแช่งในใจ เหตุใดจึงจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของมารกู่กัน ทั้งหมดนี่เป็นเพราะมารกู่เห็นว่าไม่อาจจัดการเขาลงได้ จึงคิดลงมืออีกครั้ง
‘พี่ใหญ่ ปล่อยข้าไปเถิด!’
เขาร่ำไห้จริง ๆ แล้ว ซ้ำยังตะโกนร้องป่าวอยู่ในใจ
กล่าวตามตรง เมื่อครู่เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เสียงกู่นั้นน่ากลัวเกินไป เขาใช้พลังทั้งหมดในร่างก็แทบไม่อาจต้านทานได้
หากลงมืออีกครั้ง ต่อให้มารกู่ไม่เสริมพลังของเสียงกู่มากขึ้น เขาก็ไม่สามารถต้านทานได้ ถูกเสียงกู่จนได้รับกู่เข้าร่างกายก่อนถูกควบคุม!
‘พวกท่านทั้งสองจะสู้กันก็สู้กันไปสิ เหตุใดต้องเอาข้ามาไว้ตรงกลางด้วย!’
เขาร่ำไห้ร้องออกมาในใจประหนึ่งดรุณีถูกใส่ร้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม
“พี่ใหญ่หลี่จิ่วเต้า ได้โปรดท่านอย่า ‘ขาย’ ข้าเลย!”
เขาตะโกนอีกครั้งอยู่ในใจ ทำได้เพียงแต่ฝากความหวังไว้กับหลี่จิ่วเต้า หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ ‘ขาย’ เขา และยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในช่วงวิกฤต
“มาเถิด เจ้าฟังให้ดี ข้าจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด”
มารกู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คราวนี้เขาเสริมพลังเต็มที่ บ่าวรับใช้ผู้นี้จะต้องถูกเขาจัดการอย่างแน่นอน!
เขาเริ่มอธิบายเต๋าอีกครั้งอย่างละเอียด ในที่ไม่อาจมองเห็นมีกู่อันน่าสะพรึงกลัวเคลื่อนไหวตามเสียงของเขา พุ่งเข้าไปในร่างของจั่วเหยียน!
กู่ที่มองไม่เห็นกลับเห็นได้อย่างชัดเจนในสายตาจั่วเหยียน หนังศีรษะของเขาชาวาบ กู่แต่ละตัวล้วนน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ ทั้งมีจำนวนหนาแน่นนับไม่ถ้วน เขาสูดลมหายใจเข้า ครั้งนี้เขาไม่อาจต้านทานได้แล้วจริง ๆ!
พลังในร่างจั่วเหยียนเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ปกคลุมทั้งกาย ต่อต้านการรุกรานของเสียงกู่
นอกจากนี้วิญญาณและความคิดของเขายังได้รับการปกป้องอย่างหนาแน่นเสียยิ่งกว่า เขาสร้างการป้องกันขึ้นมาถึงสองชั้น!
น่าเสียดาย ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์!
ก่อนหน้านี้เพื่อต่อต้านการรุกล้ำของกู่ เขาได้ใช้พลังจำนวนมากออกไป เมื่อมารกู่โจมตีอีกครั้งเขาย่อมไม่อาจหยุดยั้งได้ โดยเฉพาะครั้งนี้มารกู่ยังเสริมพลังของเสียงกู่มากกว่าเดิม!
เสียงกู่ที่มองไม่เห็นทะลุแนวป้องกันชั้นแรกของเขาไปในพริบตา หลั่งไหลเข้ามาเต็มร่างของเขา จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากโจมตีวิญญาณของเขา!
เพียงไม่นาน ในชั่วระยะเวลาไม่ถึงอึดใจ วิญญาณของเขาก็ถูกเสียงกู่รุกรานและเริ่มครอบครองวิญญาณ!
‘สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง!’
มารกู่เยาะเย้ยในใจ หลี่จิ่วเต้าประเมินเขาต่ำไปแล้ว เพียงแค่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง คิดจะให้รับมือกับเขาหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
เขาหมายจัดการจั่วเหยียน ให้หลี่จิ่วเต้าได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของเขา!
ยามนี้ดวงตาจั่วเหยียนหม่นแสงลง จนไร้ประกายใด เสียงของกู่ครอบงำวิญญาณของเขาแล้ว!
ครั้นมารกู่เห็นฉากนี้ ภายในใจพลันกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมีความสุข เขารู้ว่าอีกไม่นาน จั่วเหยียนจะต้องพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ถูกเสียงกู่ครอบงำจนสิ้น
‘เหตุใดจึงฟุ้งซ่านเช่นนี้?’
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางไร้สติของจั่วเหยียน
เขาคิดว่าจั่วเหยียนกำลังฟุ้งซ่าน เหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่น ไม่ได้ฟังคำอธิบายเต๋าของจ้าวแห่งแสง
‘จ้าวแห่งแสงเป็นผู้ทรงพลัง อธิบายเต๋าหลากหลายออกมาอย่างละเอียด แต่เจ้ายังคงฟุ้งซ่าน ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย!’
เขาคิดในใจ รู้สึกว่าจั่วเหยียนไม่ให้ความเคารพเจ้าแห่งแสงเสียเลย
“จั่วเหยียน อย่าได้วอกแวก ตั้งใจฟังให้ดี!”
เขาตวาดออกมา สั่งให้จั่วเหยียนเลิกฟุ้งซ่าน ตั้งใจฟังคำอธิบายของจ้าวแห่งแสง
ไม่ว่าจะฟังเข้าใจหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องแสดงท่าทางให้ถูกต้อง ฟังอย่างจริงจัง เช่นนี้แล้วจึงไม่ทำลายเจตนาอันดีของจ้าวแห่งแสง ทั้งยังเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง
จั่วเหยียนเป็นคนของเขา ดังนั้นเขาต้องเรียกสติจั่วเหยียนกลับมา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการหยาบคายเกินไป
เสียงของชายหนุ่มประหนึ่งเสียงสายฟ้ากัมปนาทในใจของจั่วเหยียน!
จั่วเหยียนได้สติโดยพลัน ดวงตากลับมามีประกายอีกครั้ง เสียงกู่ในร่างทั้งหมดถูกเสียงของหลี่จิ่วเต้าทำลายอย่างสมบูรณ์ไม่เหลือทิ้งไว้!
ขณะเดียวกัน จั่วเหยียนพลันรับรู้ได้ถึงพลังพิเศษที่ปรากฏขึ้นมา ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา!
“พี่ใหญ่ไม่ได้ขายข้า!” จั่วเหยียนตื่นเต้นจนแทบน้ำตาไหล
เขารู้ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองเมื่อครู่ เขาพ่ายแพ้ลงอย่างสมบูรณ์ วิญญาณของเขาเกือบถูกเสียงกู่ครอบงำแล้ว!
ในช่วงเวลาวิกฤต หลี่จิ่วเต้าลงมือช่วยเหลือเขาเอาไว้ กำจัดเสียงกู่ที่รุกล้ำเข้ามาในร่างของเขา!
‘คนผู้นี้เป็นใครกันแน่!’
ภายในใจมารกู่ตกตะลึงยิ่ง เดิมทีคิดว่าตนเองประเมินหลี่จิ่วเต้าไว้สูงเพียงพอแล้ว ทว่าเขายังคงประเมินอีกฝ่ายต่ำไป!
คนผู้นี้พูดเพียงครั้งเดียวก็ทำลายเสียงกู่จนหมดสิ้น เกินความคาดหมายของเขาไปจริง ๆ!
มารกู่ลงมืออีกครั้ง เขาจงใจปล่อยเสียงกู่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเขาตระหนักได้เป็นอย่างดี ผู้ที่เขาต่อกรด้วย ไม่ใช่บ่าวรับใช้อย่างจั่วเหยียนแล้ว แต่เป็นหลี่จิ่วเต้า!
บ่าวรับใช้ผู้นี้เป็นเพียงแค่ ‘สนามรบ’ ให้เขากับหลี่จิ่วเต้าได้ประมือกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ประมาทเลยแม้แต่น้อย ปล่อยเสียงกู่อันแข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา หมายจัดการ ‘สนามรบ’ อย่างบ่าวรับใช้จั่วเหยียนในคราวเดียว!
แต่เขากลับล้มเหลว!
ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ นี่เป็นกู่ที่แข็งแกร่งกว่าคลุมฟ้าวรรณะเจ็ด กระทั่งวรรณะแปดยังสามารถสยบลงได้ หลี่จิ่วเต้ากลับลบล้างได้ด้วยการตวาดเสียงเพียงครั้งเดียว ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
‘ลูกเต่าอย่างเจ้าคาดไม่ถึงเลยล่ะสิ! หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง! อย่าได้อ้างว่าตนเองยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ว่าเจ้าจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมหรือก้าวขึ้นไประดับสูงกว่าเดิม เจ้าก็ยังไม่อาจต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าได้!’
จั่วเหยียนเอ่ยอย่างเหยียดยามในใจ ‘มารกู่ยังคิดต่อกรกับหลี่จิ่วเต้า ช่างรนหาที่ตายเสียจริง โง่เขลาอย่างถึงที่สุด!’
ทว่าหลังจากคิดเช่นนั้นแล้ว เขาพลันรู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมา
เขากล่าวว่ามารกู่รนหาที่ตาย โง่เขลาอย่างถึงที่สุด คิดดูแล้วยามนั้นเขาก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ? คิดว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อย สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ถูกหลี่จิ่วเต้าจัดการลงอย่างง่ายดายแทน!
ไม่อาจกล่าวได้ว่ามารกู่โง่เขลาอย่างถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างอันใดกับการว่าตัวเองโง่เขลาอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็เถิด…
แน่นอนว่านี่ไม่ส่งผลอันใดกับการที่เขาอยากทำให้มารกู่เผชิญความอัปยศ!
ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้มารกู่ดูแคลนและมองข้ามเขากัน ซ้ำยังใช้เขาเป็น ‘สนามรบ’ เพื่อต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าด้วย!
“จ้าวแห่งแสงทรงพลังยิ่งนัก สามารถอธิบายเต๋าออกมาได้อย่างละเอียดกระชับ! โปรดยกโทษให้กับความเขลาของข้าด้วย มีหลายอย่างที่ข้ายังคงไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่าจ้าวแห่งแสงพอจะช่วยไขข้อสงสัยให้ได้หรือไม่?”
เขากล่าวกับมารกู่ด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะไม่ได้ดูหมิ่นสบประมาทมารกู่อย่างเปิดเผย แต่ตัวมารกู่สมควรรู้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังดูหมิ่นและท้าทายมารกู่อยู่!
‘ยังคงสั่งสอนได้อยู่! ในที่สุดก็เดินถูกทางแล้ว!’
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้มขณะคิดในใจ พึงพอใจกับท่าทางของจั่วเหยียนมาก ในที่สุดเขาก็เดินถูกทาง รู้จักขอคำชี้แนะจากจ้าวแห่งแสง นับว่าเป็นท่าทีที่ยอดเยี่ยม
ยั่วยุเหน็บแนม!
นี่เป็นการยั่วยุเหน็บแนมอย่างไม่ปิดบัง!
มารกู่สบถด่าในใจ เป็นไปตามที่จั่วเหยียนคาดเอาไว้ เขาฟังเจตนายั่วยุเหน็บแนมของจั่วเหยียนออกทันที!
นี่ทำให้เขาทนไม่ไหวจริง ๆ!
บ่าวตัวเล็ก ๆ กลับกล้ายั่วยุเหน็บแนมเขา จะให้อดทนไหวได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ไม่เคยต้องทนรับความอัปยศเยี่ยงนี้มาก่อน!
“ตกลง!”
มารกู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
แต่ภายในใจเต็มไปด้วยโทสะพุ่งสูงเสียดฟ้า จิตสังหารเต็มเปี่ยม!
เป็นเพียงบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งแต่กลับกล้ายั่วยุเขา จั่วเหยียนไม่มีวันได้ตายดี!
เช่นเดียวกับหลี่จิ่วเต้าและคนอื่น ๆ ด้วย!
เขายังมีกู่ที่แข็งแกร่งกว่านี้ที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน!
นั่นคือแมลงกู่ที่เกิดใหม่พร้อมกับเขา ถูกเขาหล่อเลี้ยงขึ้นมาให้แข็งแกร่งที่สุดจนกลายเป็นราชากู่ ยามนั้นได้ตายไปพร้อมกับเขาในการต่อสู้ ก่อนจะถูกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ฝังลงโลงศพเดียวกันกับเขาส่งมายังดินแดนเก่า
กู่เหล่านั้นได้เกิดใหม่อย่างแท้จริง ผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจจินตนาการได้ พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเดิม!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า หากแมลงกู่นี่ถูกปล่อยออกมา กระทั่งจุดสูงสุดของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ก็ไม่อาจต้านทานได้!
อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น!
กู่เหล่านี้ยังห่างไกลจากจุดสูงสุด หากเติบโตจะยิ่งน่ากลัวขึ้นมากกว่าเดิม!
ก่อนหน้านี้เขาได้ทำลายอาณาจักรไปหลายแห่งเพื่อหล่อเลี้ยงกู่ ดูดซับพลังฟ้าดิน พลังส่วนใหญ่ที่ได้มาล้วนถูกเขานำมาใช้หล่อเลี้ยงแมลงกู่เหล่านี้
ไม่เช่นนั้นยามนี้เขาคงฟื้นฟูกลับไปอยู่จุดสูงสุดแล้ว!
เขาคืนชีพเร็วกว่าจั่วเหยียนมาก ทั้งยังฝึกฝนในวิถีกู่อันพิเศษและน่าสะพรึงกลัว รวมกับการดูดซับพลังฟ้าดินอันน่าตื่นตะลึงในดินแดนเก่า ทำให้เขาได้รับพลังอันไม่อาจจินตนาการได้มามากมายมหาศาล!
ยามนี้จั่วเหยียนทั้งดูหมิ่นและยั่วยุ ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะปล่อยเหล่าราชากู่ออกมา!
เมื่อเหล่าราชากู่ถูกปล่อยออกมา เขาย่อมสยบพวกหลี่จิ่วเต้าได้อย่างแน่นอน!
หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?
อีกฝ่ายยังจะแข็งแกร่งกว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ได้อีกหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
“ขอบพระคุณจ้าวแห่งแสง! ข้าต้องการจะถาม…”
จั่วเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถามมารกู่เกี่ยวกับเรื่องเต๋า
เขาดูหมิ่นและยั่วยุมารกู่เช่นนี้ ย่อมไม่เกรงกลัวการแก้แค้นของมารกู่
ไม่มีอันใดให้กลัว
หลี่จิ่วเต้ายื่นมือเข้าช่วยเขาแล้ว ย่อมต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด เขารู้ว่าหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งมาก มารกู่ไม่อาจเป็นคู่ต่อกรของหลี่จิ่วเต้าได้
ยังเสแสร้งอยู่อีก!
มารกู่หัวเราะเยาะในใจ บ่าวรับใช้ผู้นี้หาญกล้ามากจริง ๆ คิดหรือว่าหลี่จิ่วเต้าปกป้องแล้วจะสามารถยั่วยุเขาได้?
น่าขัน!
“เอาล่ะ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้เจ้าฟัง!”
เขาเริ่มอธิบายพร้อมปล่อยราชากู่ทั้งหมดออกมา ควบคุมด้วยเสียงของเขาส่งไปทางจั่วเหยียน!
พริบตานั้นเองสีหน้าของจั่วเหยียนพลันแปรเปลี่ยน!
ราชากู่เหล่านั้นไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ แต่เขาสัมผัสถึงได้อย่างชัดเจน!
นอกจากนี้ เขายังรับรู้ด้วยว่าราชากู่เหล่านี้น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด!
ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นเขายามอยู่จุดสูงสุดก็ไม่อาจหยุดยั้งราชากู่เหล่านี้ได้!
มารกู่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่เขาเคยรู้จักมาก่อนหน้า!
‘ข้ายอมรับว่าเมื่อครู่ข้าหัวเราะดังไปหน่อย!’
เขาอยากร้องไห้จริง ๆ ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ
เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่ามารกู่จะมีกู่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ในมือ ยามนี้เขาไม่มั่นใจแล้วว่าหลี่จิ่วเต้าจะสามารถรับมือกับแมลงกู่เหล่านี้ได้หรือไม่!
อย่างไรเสียกู่เหล่านี้ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
จั่วเหยียนนึกเสียใจในภายหลังอย่างสุดซึ้งแล้ว!
หากเขารู้ตั้งแต่แรกก็คงจะไม่ยั่วยุมารกู่เช่นนี้
ตอนนี้มารกู่บ้าคลั่งไปแล้ว เขามีโอกาสที่จะสิ้นชีพสูง!
“พี่ใหญ่ ท่านต้องต้านทานให้ได้นะ!”
เขาตะโกนอยู่ในใจ หวังว่าหลี่จิ่วเต้าจะต้านทานได้!