บทที่ 1060 ฉีกกระชากหน้ากากเสแสร้ง ที่แท้ก็เป็นผู้ฝึกตนแสนชั่วร้าย!
จั่วเหยียนรู้สึกทุกข์ตรม ไฉนเขาจึงน่าเวทนาเพียงนี้ กลายเป็น ‘สนามรบ’ ให้สองฝ่ายต่อสู้กัน
ปัญหาคือการต่อสู้เช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น มีเพียงแค่ ‘สนามรบ’ อย่างเขาเท่านั้นที่เกิดเรื่อง ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง สามารถถึงขั้นตายได้ทันที!
ราชากู่ที่พุ่งเข้ามามีจำนวนหกตัว ทั้งหมดต่างดุร้ายอย่างถึงที่สุด พลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน จั่วเหยียนสวดภาวนาในใจอย่างต่อเนื่อง หวังให้หลี่จิ่วเต้ารับมือกับราชากู่ทั้งหกได้!
สำหรับเรื่องการพึ่งตนเอง อย่าได้คิดเลย กระทั่งเขายามอยู่จุดสูงสุดยังไม่อาจรับมือได้แม้สักตัว นับประสาอันใดกับราชากู่หกตัว!
ครั้งนี้มารกู่หงายไพ่ทั้งหมดออกมาแล้วจริง ๆ!
ราชากู่ทั้งหกพุ่งตรงเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเกาะอยู่บนผิวหนัง เขาสัมผัสได้ถึงราชากู่ทั้งหกกำลังพยายามเจาะเข้าไปในร่างของเขาได้อย่างชัดเจน!
‘ถึงตายได้อย่างแท้จริง!’
เขาหลับตาลงอย่างอับจนหนทาง ต่อหน้าราชากู่ เขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ทั้งนั้น ปราศจากความสามารถในการต่อต้านโดยสิ้นเชิง
ทว่าในไม่ช้าเขาก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ!
ในร่างของเขามีพลังพิเศษไหลเวียนอยู่ ยับยั้งราชากู่ทั้งหกเอาไว้นอกร่างอย่างสิ้นเชิง!
ไม่ว่าราชากู่ทั้งหกจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อชอนไชเข้าไปในร่างของเขา ล้วนแล้วแต่ประสบความล้มเหลว ถูกต้านทานได้อย่างสมบูรณ์!
‘หลี่จิ่วเต้าช่างสุดยอดยิ่งนัก!’
เขาร้องตะโกนขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้
นี่เรียกว่าสุดยอดอย่างแท้จริง เขาร้องออกมาจากใจจริง!
พลังที่ไหลเวียนอยู่ร่างของเขาเป็นสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าทิ้งเอาไว้เพื่อช่วยเหลือเขาเมื่อครู่ เดิมทีคิดว่าเมื่อหลี่จิ่วเต้าต้องเผชิญหน้ากับราชากู่อันน่าสะพรึงกลัวจะต้องรับมือด้วยความยากเย็นยิ่ง
ผู้ใดจะคิด เขาประเมินความน่ากลัวของหลี่จิ่วเต้าต่ำเกินไปมาก!
คนผู้นี้น่าครั่นคร้ามไร้เทียมทานอย่างแท้จริง สามารถจัดการราชากู่เหล่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดหรือใช้พลังใหม่ เพียงแค่พลังที่หลงเหลือในร่างกายของเขาก็สามารถยับยั้งการรุกรานของราชากู่ได้แล้ว!
จั่วเหยียนตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกสะท้านใจมาก!
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลี่จิ่วเต้ามีมากเพียงใด?!
เขาไม่กล้าจินตนาการถึงเลย!
“!!!”
อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของมารกู่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งมืดมนและไร้สีเลือด
คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย กระทั่งหลงคิดว่าหลังจากถูกราชากู่โจมตีแล้ว อีกฝ่ายจะต้องประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช!
ยามนี้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจน ตัวเขาเตะแผ่นเหล็กจนทำร้ายตนเองอย่างร้ายแรงเสียแล้ว!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกหลี่จิ่วเต้ากล้านั่งลงบนเบาะอย่างไร้ความกลัวเรง ทั้งยังสนทนากับเขาอย่างสบายใจ!
‘มารดามันเถิด ข้าต้องรีบหนีแล้ว!’
เขาเอ่ยสบถแช่งในใจ ไม่ต้องการต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าอีกต่อไป
คนผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่อาจหยั่งถึง ทำให้เขาเกิดความคิดต้องการหนีออกไปทันที!
ทว่าหลี่จิ่วเต้าจะปล่อยเขาจากไปอย่างง่ายดายหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
เขาปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าพวกหลี่จิ่วเต้ามุ่งตรงมาหาเขา เช่นนั้นจะยอมปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร!
หากไม่ใช่เช่นนั้น พวกหลี่จิ่วเต้าคงไม่มาหาเขาที่นี่ ทั้งยังไม่ปะทะกับเขาด้วย!
‘เขาน่าจะพุ่งเป้ามาที่ข้าตั้งแต่แรกแล้ว ครั้งนี้มาก็เพื่อจัดการข้า!’
มารกู่หัวเราะอย่างเย็นชาในใจ คิดว่าหลี่จิ่วเต้ารู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกใหม่ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงมาเพื่อพบเขา!
ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!
‘เช่นนั้นก็เข้ามาเถิด!’
เขาตะโกนในใจด้วยเสียงเย็นเยียบ เนื่องจากหลี่จิ่วเต้าได้พุ่งเป้ามาที่เขาแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปโดยง่าย เช่นนั้นก็สู้สุดชีวิตกับหลี่จิ่วเต้าเสียเลย!
“ตาย!”
เขาตะโกนเสียงดังออกมากะทันหัน แสงอันน่าสะพรึงกลัวไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกมาจากร่าง พุ่งโจมตีไปทางหลี่จิ่วเต้าโดยตรง!
‘เกิดอันใดขึ้น!’
ขณะเดียวกัน สีหน้าของหลี่จิ่วเต้าแปรเปลี่ยนไป ร้องอุทานอยู่ในใจ
จ้าวแห่งแสงเป็นอันใดไป?
เห็นได้ชัดว่ากำลังอธิบายเต๋าให้จั่วเหยียนอยู่ดี ๆ แต่กลับลงมือหมายสังหารเขาอย่างกะทันหันเนี่ยนะ?!
นี่มันน่าฉงนเกินไปแล้ว!
หรือเพราะว่าจั่วเหยียนโง่งมเกินไปจนทำให้จ้าวแห่งแสงทนอธิบายไม่ไหว เกิดความคิดอยากสังหารขึ้นมา?
ทว่าหากต้องการฆ่า เช่นนั้นก็สมควรฆ่าจั่วเหยียนก่อน จะพุ่งตรงมาที่เขาด้วยเหตุใด?
ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของหลี่จิ่วเต้า แต่เขาไม่มีเวลาให้คิดอันใดมาก ก่อนฝ่ามือของจ้าวแห่งแสงจะพุ่งเข้ามาถึง เขาก็รีบเรียกกระบี่ฉุนจวินออกมาอย่างรวดเร็ว!
ชิ้ง!
แสงดาบนับล้านส่องสะท้อนในท้องนภา เจตจำนงกระบี่สูงสุดระเบิดออก สกัดกั้นฝ่ามือของจ้าวแห่งแสงที่พรวดเข้ามา!
“ตาย!”
สีหน้าจ้าวแห่งแสงเย็นเยียบ ไม่ยอมรามือ ยังคงมุ่งต่อไปด้านหน้า!
โพละ โพละ!
ด้านล่าง ร่างกายของสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่ถ้วนระเบิดออก กู่จำนวนมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นทะยานตรงเข้าไปในร่างจ้าวแห่งแสงอย่างรวดเร็ว เพิ่มพูนพลังของจ้าวแห่งแสงจนมากขึ้น!
จ้าวแห่งแสงเริ่มบ้าคลั่งแล้ว เรียกกู่ทั้งหมดกลับมา เพราะต้องการต่อสู้เป็นตายกับหลี่จิ่วเต้า!
“อันใดกัน!”
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยน ตระหนักได้ทันทีว่าจ้าวแห่งแสงที่อยู่เบื้องหน้าหาใช่ผู้ทรงพลังอันเปี่ยมด้วยจิตใจดีมีเมตตา แต่เป็นเพียงผู้ฝึกตนชั่วร้ายที่กระหายเลือด!
‘ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นดั่งบรรพจารย์ฝู!’
นัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ ภายในใจปรากฏจิตสังหาร
อันใดคือมีกู่พุ่งออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่าง เขาไม่รู้แน่ชัด แต่มั่นใจว่าหนอนแมลงเหล่านั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน!
หนอนแมลงสูบเลือดสูบชีวิตหรือ?
ตอนนั้นเองเขาพลันเข้าใจอย่างสมบูรณ์
ผู้ทรงพลังสูงส่งมีเมตตาจิตใจดีอันใดกัน จ้าวแห่งแสงเพียงเสแสร้งเท่านั้น แท้จริงแล้ว เขาชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด สิ่งที่เรียกว่าการสั่งสอนอย่างไม่แบ่งแยก ล้วนเป็นการลงมือเพื่อทำร้ายผู้อื่น!
จุดประสงค์เพื่อนำหนอนแมลงเหล่านี้เข้าไปในร่างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
‘นี่คือสุดแผนที่ปรากฏมีดสั้น*[1]!’
เขาเอ่ยในใจอย่างเย็นเยียบ
ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขามองออกทั้งหมดแล้ว
ตอนแรกยามพวกเขามาถึงที่นี่ พวกเขาไม่ได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าจ้าวแห่งแสง นี่คงทำให้เจ้าแห่งแสงรู้ได้ว่าพวกเขาพึ่งมาใหม่ จึงไม่มีหนอนแมลงอยู่ในร่าง
สิ่งมีชีวิตที่ถูกหนอนแมลงเข้าร่าง สมควรจะเป็นเช่นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ที่เคารพบูชาจ้าวแห่งแสงอย่างถึงที่สุด ถือว่าจ้าวแห่งแสงเป็นความศรัทธา!
ดังนั้น ตัวตนของพวกเขาจึงดึงดูดความสนใจของจ้าวแห่งแสง!
จ้าวแห่งแสงให้พวกเขาออกมาด้านหน้าเพื่อสนทนาเต๋าเป็นการส่วนตัว คิดดูแล้วน่าจะเป็นเพราะต้องการใส่หนอนแมลงเหล่านี้ลงไปในร่างของพวกเขา!
เมื่อครู่จ้าวแห่งแสงจะต้องลอบลงมือใส่หนอนแมลงลงในร่างของพวกเขาอย่างแน่นอน
ทว่าสำหรับเขาแล้ว นี่น่าจะประสบความล้มเหลว!
ดังนั้นจ้าวแห่งแสงจึงเลิกเสแสร้ง ไม่ปิดบังอีกต่อไป โจมตีเข้าใส่เขาโดยตรง!
‘บนร่างข้ามีสมบัติที่ได้รับมาจากบรรพจารย์ฝูอยู่ เขาจะทำสำเร็จได้อย่างไร!’
สีหน้าหลี่จิ่วเต้าไม่แยแส ดีที่บนร่างของเขามีสมบัติจากบรรพจารย์ฝูอยู่ ไม่เช่นนั้นจ้าวแห่งแสงย่อมลงมือสำเร็จแน่นอน!
เขาเรียกก้านหลิวชะล้างออกมา ปรากฏลำแสงจำนวนมากเปล่งประกายเจิดจ้า โปรยปรายลงมาประหนึ่งหยาดพิรุณ ไม่เพียงแต่ปกคลุมร่างของพวกลั่วสุ่ยเอาไว้ ทว่ายังรวมไปถึงสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่เบื้องล่างด้วย
เห็นเช่นนั้นแล้วเขาก็วางใจลงอย่างสมบูรณ์
ก้านหลิวชะล้างมีพลังชำระล้างอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าเป็นสิ่งสกปรกใดก็สามารถชำระล้างสิ้น พวกลั่วสุ่ยอยู่ในแสงชำระล้างแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น
ต่อให้พวกลั่วสุ่ยถูกหนอนแมลงของจ้าวแห่งแสงจู่โจม หนอนแมลงเหล่านั้นย่อมถูกชำระล้างสิ้นในพริบตาแน่นอน!
นอกจากความสามารในการชำระล้างแล้ว ก้านหลิวชะล้างยังมีความสามารถในการรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดด้านล่างที่ถูกแสงพิรุณย่อมพ้นจากความตายแน่นอน!
ผลลัพธ์ออกมาดังคาด เพียงพริบตาต่อมา อาการบาดเจ็บของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ได้อาบแสงพิรุณต่างถูกรักษาโดยไม่มีข้อยกเว้น!
กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่ถูกกู่ดูดกลืนแก่นกำเนิดชีวิตก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว!
หลี่จิ่วเต้าเห็นสถานการณ์ของสิ่งมีชีวิตด้านล่างพลันชื่นชมออกมาจากใจจริง
สิ่งมีชีวิตด้านล่างเมื่อครู่เพิ่งถูกระเบิดร่าง ต่างบาดเจ็บสาหัส ทว่าหลังอาบแสงพิรุณชำระล้าง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ฟื้นตัวกลับมา เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา!
พลังการรักษาของก้านหลิวชะล้างแข็งแกร่งมากจริง ๆ!
…
ในอาณาจักรแห่งหนึ่ง
บรรพจารย์ฝูเพิ่งทำลายดินแดนอันตรายลงไปแห่งหนึ่ง กำจัดภัยร้ายในอาณาจักรแห่งนี้ทิ้งไป พลันแหงนหน้าขึ้นบนฟ้าสูง เพราะได้ยินเสียงท้องฟ้าคำราม!
ครืน!
ผลกรรมปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าผลกรรมเส้นแล้วเส้นเล่าก่อตัวราวกับเป็นม่านน้ำตกเตรียมพุ่งตกใส่เขา!
“สวรรค์!”
สีหน้าของบรรพจารย์ฝูแปรเปลี่ยนทันที เห็นได้ชัดยิ่งว่าเขาถูกผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นพูดถึงอีกแล้ว ทั้งยังมีเจตนากล่าวถึงอย่างชัดเจน นำพาให้ผลกรรมขยายใหญ่ขึ้นถึงเพียงนี้!
อสนีบาตโหมกระหน่ำลงมา ภายนอกของเขาไหม้เกรียมเต็มไปด้วยควันดำลอยโขมง ดูน่าเวทนายิ่งนัก!
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ใดกัน เหตุใดจึงสนใจข้าเพียงนี้!”
เขาร้องไห้ออกมา คิดไม่ออกเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดที่คิดถึงเขาตลอดเวลาเช่นนี้ ทั้งยังพูดถึงเขาอยู่บ่อย ๆ!
คิดไม่ออกจริง ๆ
อย่างไรเสีย ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ตัวตนเล็กจ้อยอย่างเขาไม่อาจเป็นได้กระทั่งฝุ่นธุลี เช่นนั้นจะควรค่าแก่การพูดถึงได้อย่างไร?
“ขยับเข้าใกล้ความตายอีกหนึ่งก้าว!”
บรรพจารย์ฝูร้องไห้หนักขึ้น
พลังผลกรรมบนร่างของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขามีเพียงแต่ต้องตายไร้หนทางเลือกอื่น
พลังผลกรรมที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาไม่อาจแก้ไขได้โดยสิ้นเชิง!
“เช่นนั้นก็ทำความดีก่อนตายให้มากขึ้นอีกเถิด การเดินทางท่องโลกครั้งนี้ของข้าจะได้ไม่สูญเปล่า!”
บรรพจารย์ฝูลุกขึ้น เก็บอารมณ์ทั้งหมดกลับไป เดินทางต่อไปเพื่อสยบหายนะ
พูดในอีกแง่หนึ่งแล้ว ยิ่งพลังผลกรรมบนร่างเขาน่ากลัวมากเท่าใด เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรเสียเขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาผลกรรมเหล่านี้ ก่อนที่ผลกรรมจะทำงานกับเขา ย่อมไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งใดแตะต้องตัวเขาได้!
…
ตู้ม!
ในเวลาเดียวกัน กระบี่ฉุนจวินเข้าปะทะกับจ้าวแห่งแสงอย่างดุเดือด บังเกิดเป็นการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัว!
พวกเขาพุ่งขึ้นฟ้าสูง ทะลวงไปยังจักรวาลดวงดาราด้านนอก ดวงดาวนับไม่ถ้วนถูกพวกเขาระเบิดออก พังทลายลงในพริบตา!
“ประหาร!”
เสียงของหลี่จิ่วเต้าเย็นเยียบ เขาไม่อาจปล่อยผู้ฝึกตนชั่วร้ายเช่นจ้าวแห่งแสงไปได้ ดังนั้นจึงหมายประหารอีกฝ่ายให้สิ้น!
วูบ!
กระบี่ฉุนจวินเปล่งประกายอย่างถึงที่สุดทันที ส่องสว่างไปทั่วจักรวาลดวงดารา ขณะเดียวกันจิตสังหารอันหาที่เปรียบไม่ได้ก็แผ่ออกอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อคำประหารของหลี่จิ่วเต้า!
จ้าวแห่งแสง…จะต้องตายอย่างไร้ทางอื่น!
“ตาย!”
จ้าวแห่งแสงกู่ร้อง พุ่งเข้าต่อกรอย่างสุดชีวิต
ต่อหน้าระดับเช่นพวกเขาแล้ว การหลบหนีไม่มีทางเป็นไปได้
แน่นอน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการหนี แต่เป็นเพราะเขาหนีไม่พ้น
การต่อสู้ในครั้งนี้ หากไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะ เขาก็ไม่อาจจากไปได้!
[1] สุดแผนที่ปรากฏมีดสั้น (图穷匕见) เป็นสำนวน มีที่มาจากสามก๊ก หมายถึง เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ความจริงก็ปรากฏออกมา