ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 397 หลู่เฟิ่งโหรวไม่ยินยอม (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 397 หลู่เฟิ่งโหรวไม่ยินยอม (1)

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังไม่เข้าสู่ช่วงปิดเทอม

ตอนนี้ห่างจากการแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศครั้งที่สองไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น พวกนักศึกษายังจมดิ่งในความดีใจกับการคว้าตำแหน่งมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่ง

ไม่มีใครรู้ว่าภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย

แม้ว่าหลายคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คล้อยหลังวันที่ยี่สิบเจ็ดก็มีการแจ้งหลายเรื่องและคำสั่งแต่งตั้งออกมา พวกนักศึกษายังคงรับรู้ถึงความแตกต่างอยู่บ้าง

ช่วงบ่าย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ประกาศแต่งตั้งหลายตำแหน่ง

เรื่องแรกหลี่ฉางเซิง รองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์ รับตำแหน่งคณบดียุทโธปกรณ์อย่างเป็นทางการ หวงจิ่ง รองอธิการบดีดำรงตำแหน่งควบคณบดีสาขายุทโธปกรณ์

เรื่องที่สองฟางผิง ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ รับตำแหน่งควบเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัย

เรื่องที่สามหลู่เฟิ่งโหรว เพิ่มตำแหน่งรองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์

การแต่งตั้งสามตำแหน่งนี้ทำให้คนจ้องมองจนเวียนหัวตาตาย ถึงกระทั่งตกตะลึงไปอยู่บ้าง

หลี่ฉางเซิง อันที่จริงเดิมทีหลายคนแทบจะไม่รู้จัก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคณบดีสาขายุทโธปกรณ์ของคนอื่นเขาไปแล้ว นี่เป็นสาขาที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

หลู่เฟิ่งโหรว นักศึกษาปีสูงยังพอรู้จัก อันที่จริงนักศึกษาใหม่ก็ไม่ค่อยรู้จักเหมือนกัน

ประเด็นที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นฟางผิง เขาเป็นนักศึกษาเพียงคนเดียว นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเลขาธิการของคณะกรรมการมหาวิทยาลัย!

เลขาธิการคืออะไร?

ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พวกปรมาจารย์รวมถึงคณบดีสี่สาขา รวมกันเป็นคณะกรรมการของมหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยแต่งตั้งตำแหน่งเลขาธิการมาก่อน อันที่จริงคณะกรรมการมหาวิทยาลัยแทบจะมีอยู่แค่ในนามเท่านั้น

สิ่งที่เรียกว่าร่วมกันดูแลระหว่างเบื้องบนของมหาวิทยาลัยและสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อันที่จริงเบื้องบนของมหาวิทยาลัยก็คือสมาชิกของคณะกรรมการมหาวิทยาลัย

แต่ตอนนี้ฟางผิงที่เป็นนักศึกษากลับเข้าสู่คณะกรรมการมหาวิทยาลัย แม้จะยังเป็นนักศึกษา แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเบื้องบนของมหาวิทยาลัยแล้ว

“เลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัย?”

สมาคมผู้ฝึกยุทธ์

ฉินเฟิ่งชิงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง!

ยังมีลูกเล่นแบบนี้ด้วย?

นี่คือ…ชิงอำนาจสำเร็จแล้ว?

“นี่หมายความว่ายังไง?”

ฉินเฟิ่งชิงรู้สึกว่าตัวเองต้องคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลสักหน่อย จู่ๆ ก็เปลี่ยนกลายเป็นแบบนี้?

ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่เฝ้าดูแลอยู่ที่นี่ มีแค่จางอวี่และเหลียงเฟิงหวาเท่านั้น

จางอวี่เห็นฉินเฟิ่งชิงใบหน้าแข็งค้างไป อดไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ ไม่รู้ว่าดีใจบนความทุกข์คนอื่นหรือยังไง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินเฟิ่งชิง ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

นึกถึงช่วงแรกที่ฉินเฟิ่งชิงวางอำนาจบาตรใหญ่!

ตอนที่เขาเป็นประธาน เจ้าหมอนี้เอะอะก็ก่อเรื่องให้เขา เอะอะก็จะต่อสู้ตัวต่อตัวกับเขา

ตอนนี้ล่ะ?

ซึมไปเลยสินะ!

ไปท้ากับฟางผิงตัวต่อตัวสิ!

เป็นตัวสร้างปัญหาต่อ!

ตีนายไม่ตายหรอก!

ก่อนหน้านี้ที่จางอวี่ประมือกับฉินเฟิ่งชิง นั่นยอมอ่อนข้อให้จริงๆ แต่ถ้าฉินเฟิ่งชิงไปหาเรื่องฟางผิง ฟางผิงอาจจะซ้อมเขาจนร้องไห้หาพ่อหาแม่ได้ด้วยซ้ำ

ฉินเฟิ่งชิงหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด จู่ๆ ก็แค่นเสียงว่า “เกี่ยวอะไรกับฉัน ยังไงฉันก็จะเรียนจบอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องสนใจ!”

จางอวี่ชำเลืองมองเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินเฟิ่งชิง แม้จะเรียนจบแล้ว นายมั่นใจนะว่าจะไป?”

“เหลวไหล ต้องไปอยู่แล้ว!” ฉินเฟิ่งชิงตอบกลับ

จางอวี่ยิ้มเบาๆ “ฉันได้ยินว่าสวัสดิการของอาจารย์มหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ นี่ยังเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานเท่านั้น ห้องแหล่งพลังงาน สระปราณ ห้องคุมพลังจิตใจ ห้องพลังฟ้าดิน สิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ ข้างนอกไม่ได้มีอยู่ดาษดื่น แม้จะมี ยังจะให้นายใช้ได้หรือไง? อีกอย่างยาบำรุง อาวุธและเคล็ดวิชาต่อสู้ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถือว่าราคาถูกที่สุดแล้ว นายออกจากมหาวิทยาลัยไปก็ไม่มีสิทธิ์กลับมหาวิทยาลัยมาแลกเปลี่ยนทรัพยากรพวกนี้แล้ว”

ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกครั้ง!

ของพวกนี้ข้างนอกมีอยู่แล้ว แต่ราคาไม่ใช่ถูกๆ

แม้จะเป็นรัฐบาล หน่วยทหารหรือหน่วยสืบสวน สถานที่พวกนี้อันที่จริงทรัพยากรก็ราคาถูกเหมือนกัน เป็นราคาต้นทุนทั้งหมด ประเด็นอยู่ที่มีโควตาจำกัด!

รัฐบาลไม่อาจให้ทุกคนคว้าของเหล่านี้โดยใช้ราคาต้นทุนอย่างไร้การจำกัดอยู่แล้ว อิงตามลำดับขั้น ตำแหน่งที่แตกต่างไป ทุกเดือนจะมีโควตาแลกเปลี่ยนอย่างจำกัด

แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขอแค่คุณมีคะแนน นั่นก็ไม่มีโควตาจำกัดแบบนี้แล้ว

เหมือนสถานที่อย่างห้องแหล่งพลังงาน ฉินเฟิ่งชิงมีคะแนนเยอะก็สามารถใช้เป็นโรงแรมได้

แต่เมื่อไปข้างนอก นั่นไม่เหมือนกันแล้ว ต่อให้เขามีเงิน จากความสามารถขั้นสี่ของเขา ทุกเดือนอย่างมากสุดจะให้เวลาฝึกวิชากับเขาสิบชั่วโมงเท่านั้น

หากคนเยอะเกินไปจริงๆ ทุกคนก็ต้องสลับกันมา

ในใจนึกถึงเรื่องพวกนี้ ฉินเฟิ่งชิงกลับแค่นเสียงว่า “มีอะไรสู้ไม่ได้กัน รอฉันถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ฉันไปไหนก็ได้ทั้งนั้น อีกอย่างถึงเวลานั้นของพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์กับฉันแล้ว!”

จางอวี่เห็นเขาเถียงข้างๆ คูๆ ก็ยิ้มอย่างเบิกบาน พยักหน้าว่า “ก็ดี นายอยู่ที่มหาวิทยาลัย ฉันยังปวดหัวอยู่บ้างจริงๆ นายไปก็ดีเหมือนกัน หลังจากนี้บรรยากาศของมหาวิทยาลัยจะได้ดีขึ้น”

“ไอ้เวร!”

ครั้งนี้ลงถ้ำใต้ดินเขาดูดกลืนหินพลังงานไปไม่น้อย อวัยวะภายในเกือบจะหลอมสำเร็จแล้ว

รวมกับได้หนึ่งพันคะแนนจากการแข่งขันแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ วาดแผนที่อีกสามร้อยคะแนน รวมทั้งแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ได้กลับมาจากถ้ำใต้ดินก็เกือบสามร้อยคะแนน

ตอนนี้เขานับว่ามีเหลือกินเหลือใช้เหมือนกัน เป็นคนที่มีเกือบห้าพันคะแนนแล้ว

หากไปห้องแหล่งพลังงานอีก อยู่ในนั้นไม่กี่วัน ขั้นสี่สูงสุดน่าจะไม่ไกลอีกแล้ว

จางอวี่ยังคงใจเย็น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันก็น่าจะใกล้แล้วเหมือนกัน”

ขั้นสี่ตอนกลางถึงตอนปลาย เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ตอนปลายไปขั้นสูงสุดกลับเร็วขึ้นไม่น้อย

จางอวี่ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะเช่นกัน หลังจากลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ความก้าวหน้าในการฝึกวิชาก็ไม่ได้ช้า ประมาณสิบเดือนก็ทะลวงถึงขั้นสี่ตอนปลายแล้ว ตอนนี้ผ่านไปสองสามเดือน เขาก็ใกล้จะขั้นสี่สูงสุดแล้ว

“ระดับเดียวกันก็ซ้อมนายได้!”

ฉินเฟิ่งชิงทำน้ำเสียงดูแคลน จางอวี่ยิ้มไม่พูดอะไร เจ้าคนบ้าคลั่ง คิดว่าตัวเองวิ่งเร็วแล้วฉันก็ทำอะไรนายไม่ได้หรือไง?

แต่เขาก็คร้านจะสนใจฉินเฟิ่งชิงเหมือนกัน เหิมเกริมต่อไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกจัดการแน่!

วันนี้คนที่ถกเถียงกันไม่ได้มีแค่พวกฉินเฟิ่งชิง

ทั้งไม่ใช่แค่นักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!

มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์อยู่เช่นกัน

ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาปีสอง นอกจากรับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้ยังเข้าสู่คณะกรรมการมหาวิทยาลัย สัญญาณนี้…อันที่จริงมีความหมายลึกซึ้งแล้ว

ฟางผิงมีโอกาสสูงที่จะรั้งตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย!

ไม่ใช่แค่รั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างทั่วๆ ไป ตอนนี้เป็นเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัยแล้ว งั้นหลังจากนี้ล่ะ?

ทั้งหลี่ฉางเซิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เข้าสู่ขั้นแปดก็ทำให้หลายคนตกตะลึงเช่นกัน

แต่ว่า…หลี่ฉางเซิงไม่ได้จัดงานเลี้ยงปรมาจารย์ กลับถ่อมตัวไปอยู่บ้าง

ในสถานการณ์ทั่วไป ทะลวงถึงขั้นปรมาจารย์ แม้ตัวเองจะไม่จัดงาน รัฐบาลในพื้นที่หรือองค์กรในสังกัดต่างจะเป็นฝ่ายจัดงานให้ ไม่ใช่เพื่อชื่นชมผลงานเพียงอย่างเดียว ยังมีความหมายเฉลิมฉลองการเติบโตของมนุษยชาติ

ปรมาจารย์ทุกคนล้วนเป็นเสาหลักของมนุษยชาติ

ปรมาจารย์และผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าปรมาจารย์ลงไป ฝีมือแตกต่างอย่างมาก แม้จะเป็นขั้นหก ทำไม่ถึงขั้นรวมพลังปราณและจิตใจเป็นหนึ่ง เจอกับปรมาจารย์ วิ่งหนีก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน

โลกข้างนอกซุบซิบนินทา ภายในมหาวิทยาลัยตาเฒ่าหลี่กลับถอนหายใจ

ไม่ใช่ไม่อยากจัด แต่ไม่กล้าจัด

ขายหน้าชัดๆ!

ตอนนี้โม้ออกไปแล้วว่าหลี่ฉางเซิงเป็นยอดฝีมือขั้นแปด แต่ประเด็นอยู่ที่เขาไม่ใช่น่ะสิ!

ขั้นแปดที่แตะไม่ถึงขั้นปลดปล่อยพลังจิตใจไปข้างนอก?

นี่หากจัดงานเลี้ยงปรมาจารย์ คนทั่วไปอาจมองไม่ออก แต่เมื่อถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว อันที่จริงหากสังเกตขึ้นมาจริงๆ ยังคงค้นพบจุดที่แตกต่างออกไป

นี่หากมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนไหนมางานเลี้ยง ปลดปล่อยพลังจิตใจกดดันเล็กน้อย เขาระเบิดปราณมาต่อต้าน นั่นก็ขายหน้าขายตาอย่างยิ่งแล้ว

ภายในห้องแหล่งพลังงาน

ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองฟางผิง ถอนหายใจว่า “ไอ้หนู โม้ออกไปแล้ว ไม่นานต้องถูกเปิดเผยแน่ ถ้าฉันขายหน้า นายก็อย่าได้คิดจะได้ใช้ชีวิตอย่างดีๆ เลย!”

ฟางผิงยิ้มเบาๆ “ใจร้อนไปทำไม เป็นเรื่องอีกไม่นานนี้แหละ ตอนนี้ปราณคุณแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัดแล้ว พลังจิตใจก็บ่มเพาะอย่างรวดเร็ว กะโหลกก็หลอมแล้ว ระยะห่างจากปลดปล่อยคงไม่ไกลอีก ไปฝึกวิชาที่ห้องคุมพลังจิตใจระยะหนึ่ง พลังจิตใจจับต้องได้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาไม่นานเท่านั้น”

“พูดเหมือนง่าย!”

ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียง หากสบายขนาดนั้นจริงๆ ก็ดีสิ

ฟางผิงไม่สนใจเขา หันไปมองซ่งอิ๋งจี๋ที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ซ่ง ประตูซานเจียวผลึกกี่แห่งแล้วเหรอครับ?”

ซ่งอิ๋งจี๋ไม่กี่วันก่อนทะลวงถึงขั้นหกแล้ว

นึกถึงตอนแรกที่เหล่าซ่งคิดได้ใจ ตอนที่ฟางผิงทะลวงขั้นสี่ เหล่าซ่งอยากจะบอกว่าฉันขั้นหกแล้ว

ตอนนี้…

ซ่งอิ๋งจี๋ใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “เกี่ยวอะไรกับเธอ!”

ฉันยังอยู่ขั้นหกตอนต้น ทำไม? ไม่อยากยอมแพ้?

ขั้นหกทะลวงง่ายๆ ขนาดนั้นที่ไหน

ปิดผนึกประตูซานเจียว ไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ ประตูซานเจียวบานแรกของเขาจนถึงตอนนี้ยังปิดไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ำ

อยากแตะถึงขั้นหกตอนกลาง ไม่ใช้เวลาหนึ่งปีสองปี นั่นอย่าหวังเลย

ส่วนปิดประตูซานเจียวครบทั้งหมดแตะถึงขั้นหกสูงสุด…เดิมทีเหล่าซ่งคิดจะว่าน่าจะใช้เวลาประมาณสิบปี

เข้าสู่ขั้นหกสูงสุดก่อนอายุหกสิบ

จากนั้นก็ต้องดูโชคและโอกาสแล้ว ชั่วชีวิตนี้จะสามารถเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องที่บอกแน่นอนไม่ได้จริงๆ

ฟางผิงยิ้มตาหยี “คำพูดนี้ของอาจารย์ซ่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัย ผมใส่ใจอาจารย์ซ่งหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อีกอย่างอาจารย์ซ่งอยู่ที่ห้องแหล่งพลังงานมาหลายปีแล้วเหมือนกัน เคยคิดจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานบ้างหรือเปล่า?”

ซ่งอิ๋งจี๋ไม่ปริปาก แววตากลับคมกริบ เจ้าเด็กเวร นายคิดจะทำอะไร?

“ตำแหน่งดูแลความสะอาดของฝ่ายบริการเหมือนจะขาดหัวหน้า…”

“ไสหัวไป! ฉันไม่ทำ!”

ซ่งอี๋งจี๋มีโทสะอย่างหนัก ฉันอยากจะฟันนายให้ตาย!

ตำแหน่งดูแลความสะอาด…กวาดพื้นล้างห้องน้ำ?

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท