หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 137 รอยจูบกลางฝนพรำ

บทที่ 137 รอยจูบกลางฝนพรำ

บทที่ 137 รอยจูบกลางฝนพรำ

หลานเยาเยาที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยตัวที่เปียกโชก สายตามองไปยังข้างหน้าที่ชายคาบ้านสองฝั่งกำลังเริ่มห่างหายไปอย่างรวดเร็ว

อีกในไม่ช้าก็จะถึงจวนอ๋องเย่แล้ว หลานเยาเยาจึงรีบเร่งความเร็วขึ้น

แต่แล้ว!

ตรงหน้าก็ปรากฏร่างของใครบางคนขึ้นมา

ให้ตายเถิด กลางค่ำกลางคืนทั้งยังฝนตกหนักเยี่ยงนี้ ใครยังช่างกล้ามายืนหาที่ตายกลางทางม้าวิ่งเช่นนี้กัน !

” นี่ คนที่อยู่ตรงหน้านั้นรีบหลบออกไป หากชนเข้า เจ้าต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่จ่ายค่าเสียหายนะ”

เสียงของนางนั้นดังมาก แม้จะถูกเสียงของฝนที่ตกหนักกลบไปบางส่วน แต่เสียงก็ไม่ได้เบาลงเลย ยิ่งมีเสียงฝีเท้าม้าที่ควบมาด้วย!

นอกเสียจากว่าคนผู้นั้นจะหูหนวก มิฉะนั้นก็คงได้ยินเสียงตะโกนของนางแล้ว….

แต่แล้ว !

ร่างของคนที่ยืนอยู่กลางทางม้าวิ่ง ก็นิ่งอย่างไม่ไหวติงใดๆ

” รีบหลบไปเสีย มิเช่นนั้นจะชนเจ้าแล้วจริงๆนะ ”

นางตะโกนอีกครา ด้วยเสียงที่ดังขึ้นหลายเท่า

แต่ถึงอย่างนั้นนางก็มีเสียงระฆังเตือนขึ้นมาในใจของนาง นางจึงใช้มือข้างหนึ่งถือบังเหียนเอาไว้แล้วมืออีกข้างชักดาบออกมาถือในมือ

ด้วยระยะห่างที่ค่อนข้างไกลกัน ทั้งฝนที่ตกมาค่อนข้างหนักลงมากระทบตาของนางจนมองไม่เห็นว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใครกันแน่ ?

ตอนนี้พอเข้าใกล้เรื่อยๆนางถึงได้เห็นว่าคนๆนั้นเป็นคนที่นางนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี

แม้แต่เสื้อผ้าเปียกโชกชุดนั้นนางเองก็เคยเห็นมาก่อนหน้านี้

เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?

ไม่มีทาง ! คงมิใช่ว่ามีคนปลอมตัวมาหรอกนะ?

ดังนั้นแทนที่นางจะหยุดม้า แต่กลับฟาดแส้เพื่อเพิ่มความเร็วให้มากยิ่งขึ้น

แต่ทว่า….

คนที่อยู่กลางสายฝนก็ยังคงนิ่งไม่ขยับ เพียงแต่มองมายังนางอย่างเงียบๆ

เมื่อระยะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลานเยาเยาก็ถึงกับขมวดคิ้วหนัก พลันรัดบังเหียงม้าแน่นจนม้ายกขาหน้าขึ้นสูง พร้อมกับร้องเสียงดังขึ้นมา

หลังจากรอจนม้าหยุดนิ่ง หลานเยาเยาก็เก็บความเจ็บปวดบนแขนแล้วลงจากม้าด้วยความกังวล

“เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เขาควรจะอยู่กับหลานจิ่นเอ๋อมิใช่รึ?

ทั้งยังหลานจิ่นเอ๋อเพื่อช่วยเหลือถึงได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องอยู่กับนางตลอดเวลา แต่ยังไงเสียเขาก็ควรที่จะอยู่ดูแลเป็นห่วงเสียหน่อยสิ !

ใครจะรู้!

เขามิได้ตอบกลับคำถามของนาง แต่กลับถามออกมาแทน

” ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้รอข้า ”

เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับคำถามที่ดูเอาแต่ใจ ความรู้สึกนั้นราวกับว่าเขาบอกให้นางรอ นางก็ต้องรอเสียอย่างนั้น

ท่าทางที่เอาแต่ใจนั้นทำให้หลานเยาเยารู้สึกตลก

โห คนอะไรกัน !

บอกให้นางรอ แล้วนางจะต้องรอเยี่ยงนั้นรึ?

” ข้าก็เคยกล่าวแล้วเช่นกันว่าข้ารอท่านไม่ได้ ” ประโยคนางเองก็เคยกล่าวแล้ว เขาเคยคิดว่านั่นเป็นปัญหาของตัวเขาเองบ้างหรือไม่

” เหตุใดถึงไม่รอข้า ?”

เขาเดินทีละก้าวทีละก้าวมายังข้างกายนาง ในขณะที่ใจยังเต้นหนักไม่หยุด

เพื่อที่จะตามนางให้ทัน เขาเลยต้องใช้ลมปราณตามมาจนทันได้

เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกันที่ทำให้เขารู้สึกว่าแววตาที่นางมองมายังตัวเองนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สายตาแบบนั้นไม่รู้ว่ามองด้วยความเฉยเมยหรือเรียบง่าย แต่มันทำให้เขารู้สึกใจไม่สงบ

” ข้ามีธุระต้องกลับไปที่จวน แล้วอีกอย่างข้าในฐานะพระชายาเย่ที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้นข้าไม่สามารถที่จะเฝ้ามองดูท่านกับหลานจิ่นเอ๋ออยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดโดยไม่แยแสหรอก ! ”

แม้นางจะเป็นคนใจกว้าง แต่นางก็ยังต้องรักษาหน้า เข้าใจหรือไม่?

พอมองดูร่างกายที่เปียกชุ่มของเย่แจ๋หยิ่ง ถึงแม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างกระทบกับสายตา

แต่ตอนนี้นางมีเรื่องด่วน ไม่มีอารมณ์มาชื่นชมความงดงามของเย่แจ๋หยิ่ง

” เจ้ากำลังหึงอยู่งั้นหรือ? ” แววตาของเย่แจ๋หยิ่งประกายขึ้นมา

” หึง? ข้าเนี่ยนะจะหึง ? จะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ? ข้าไม่หึงหรอก ! ” หลานเยาเยารีบส่ายหน้าอย่างทันควัน นางเป็นคนที่รู้จักปล่อยวาง เรื่องหึงหวงนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่

” ข้าไม่เชื่อ ! ” น้ำเสียงสงบ

” เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของท่าน ข้ามีเรื่องด่วนจริงๆ รบกวนท่านอย่ามาขวางทางข้าเลย ”

เอาจริงๆ ที่ตามมาไกลเยี่ยงนี้ก็เพียงเพื่อถามคำถามเดียวเท่านั้น บ้าไปแล้ว !

พูดจบ หลานเยาเยาก็เตรียมตัวจะหันหลังกลับเพื่อกลับไปขึ้นม้า

แต่ผู้ใดจะรู้ว่า…..

แขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บกลับถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้ แล้วยังใช้แรงอีกเสียด้วย จนทำให้นางร้องออกมา

ฟู่….

ทันใดนั้น !

ความเย็นทะลุผ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาต่างก็ถูกชะล้างด้วยฝนที่ตกลงมา

เชื่อเขาเลยเสียจริง มือข้างที่ไม่เจ็บก็ไม่จับ ดันมาจับมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บ

ข้าเป็นคนได้รับบาดเจ็บนะ !

แล้วหลานเยาเยาก็ถีบเขาทันทีพร้อมตะโกนด้วยความโมโห

” แม่งเอ๋ย เย่แจ๋หยิ่ง ทางที่ดีท่านควรจะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับข้า มิฉะนั้น…..”

” มิฉะนั้นอันใดเล่า ? ”

” มิฉะนั้นข้ากับท่านก็จะ….อื้อ….” ยังไม่มีโอกาสได้กล่าวคำว่าตัดขาดสองคำนี้

ยังไม่ทันได้กล่าวจบ เย่แจ๋หยิ่งก็โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของนางที่ถูกฝนชะล้างไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้นางถึงกับตะลึงอย่างไม่ต้องประหลาดใจ

ฮือ······

หัวของนางว่างเปล่าไปชั่วขณะ ความคิดที่จะหนีออกจากจวนก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป แต่ในไม่ช้านางก็ดึงสติกลับมาอีกครั้ง

แม่งเอ้ย !

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็จูบนาง……

“ติง······”

” ยินดีด้วยเจ้านาย ระบบได้ทำรับการอัพเกรดอีกครั้ง ขณะนี้กำลังทำการเปิดให้คุณใช้ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับ 4 โปรดตรวจสอบ ! ” เสียงกลไกดังขึ้นมาในสมอง สิ่งนี้ทำให้นางค่อนข้างประหลาดใจ

นี่ ความสุขนี้มันกระทันหันเกินไปแล้ว !

และแล้วเย่แจ๋หยิ่งก็ราวกับกลัวว่านางจะขัดขืน จึงใช้มือทั้งสองกอดรัดนางไว้อย่างแน่น ไม่ให้นางเคลื่อนไหวได้

ภารกิจสำเร็จแล้ว หลานเยายาที่อยากจะผลักเขาออก

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงรับรอยจูบจากเขาต่อไป

รอยจูบของเขานั้นดูดุดันแต่กลับไม่คล่องแคล่ว หลังจากที่ประทับจูบลงบนริมฝีปากของนางเขาก็นิ่งงันโดยไม่ขยับ

เออ….

นี่เย่แจ๋หยิ่งทำอย่างกับจะจริงจังมากแต่กลับทำได้นิดเดียว !

ในเมื่อเขาจูบไม่เป็น เช่นนั้นก็คงจะใช้เวลาไม่นานนัก เขาก็คงจะปล่อยนางเป็นแน่

เช่นนั้นก็รออีกสักหน่อย !

เพราะยังไงเสียนางก็ไม่สามารถที่จะหลุดจากการควบคุมของเขาอยู่ดี

แต่หามีผู้ใดรู้ไม่ว่า!

ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดไว้

หลังจากนั้น เย่แจ๋หยิ่งกลับไม่ได้ปล่อยนาง แต่กลับค่อยๆดูดริมฝีปากของนางอย่างเบาๆ ค่อยลิ้มรสทีละน้อยๆ

แต่ในเวลาต่อมา เย่แจ๋หยิ่งกลับไม่ได้ปล่อยนางแต่อย่างใด แถมยังค่อยๆดูดปากของเธอ ลิ้มรสทีละน้อยๆ แล้วยังสนุกกับมันไม่หยุด

ความรู้สึกมึนงงเข้ามาบีบอัดอยู่ในใจ จูบจนนางรู้สึกสับสน

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย !

ในสมองราวกับว่ากำลังมีบางอย่างกำลังจะพังทลายลง…..

ทว่า นางที่คิดจะต่อต้านเย่อจ๋หยีงก็ยิ่งกอดรัดนางไว้แน่นกว่าเดิม ไม่ให้นางขัดขืนได้ แล้วอย่างค่อยๆเพิ่มแรงดูดปากนางทั้งค่อยๆดูดดื่มอย่างลึกซึ้ง

หลานเยาเยาที่ค่อยๆถูกจูบจนตะลึง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุดของเขา สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดกันที่นางเริ่มตอบโต้เขา

การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เย่แจ๋หยิ่งมีความรู้สึกโล่งใจมายิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มโลภกับการครอบครองริมฝีปากของนาง ราวกับว่ามีสิ่งของล้ำค่าที่ล่อตาล่อใจให้เขาอยากเข้าไปสำรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังจากได้รับการตอบโต้จากหลานเยาเยา ความบ้าบิ่นของเขาก็เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับรุกหนักอย่างรุนแรง

ท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่ ทั้งสองคนยิ่งนานก็ยิ่งก็กอดกันแน่นยิ่งขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ในเวลาต่อมา

หลานเยาเยาที่ถูกจูบก็ถึงกับร่างกายอ่อนลง อากาศในปากก็ราวกับว่าถูกแย่งไปจนหมด เย่แจ๋หยิ่งถึงได้ยอมปล่อยนางอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

ทั้งสองคนสบตากัน ต่างก็ถอนหายใจต่ำๆ ทั้งที่ตามจริงแล้วหากร่างกายเปียกฝนในฤดูใบร่วงจะต้องรู้สึกหนาวถึงจะถูก

ทว่า !

ในเวลานี้ใบหน้าและแก้มของหลานเยาเยากลับแดงก่ำ ตัวร้อน ส่วนเย่แจ๋หยิ่งนั้นก็หูแดงไปจนถึงคอ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท