บทที่155 ล่องูออกจากถ้ำ
เอ่อ……
นี่พวกนางมองสายตาอะไรเนี่ย?
นางไม่ใช่ขนมนะ ทำไมทุกคนมองอย่างกับมองอาหารเลิศรสยังไงอย่างงั้น
“อะแฮ่ม พวกเจ้าอย่ามอง ข้าเป็นผู้หญิง”
คุณหนูทุกคน: “……”
พระชายาเย่คิดจะไปที่ไหน?
พวกนางแค่มองตอนที่นางใช้เข็มช่วยชีวิตคน ท่าทางคล่องแคล่ว สายตาเฉียบแหลม พวกนางที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้เมื่อมองก็ต่างรู้สึกว่านางเป็นคนที่มีวิธีการรักษาสูงส่ง
ดังนั้นถึงมองอย่างตะลึง……
“อีกอย่าง ก่อนจะหาคนวางยาเจอพวกเจ้าทุกคนต้องอยู่ในจวนอ๋องเย่ชั่วคราว”
พูดจบ หลานเยาเยารีบก้าวเท้าเดินออกไป!
หลังจากเหล่าคุณหนูที่เหลือดึงสติกลับมาได้ต่างก็พากันดีใจ
อยู่ในจวนอ๋องเย่ชั่วคราว
น้องสี่หลี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อ๋องเย่จะต้องปรากฏตัวแน่ เมื่อถึงตอนนั้นพวกนางก็จะสามารถเห็นใบหน้าแสนหล่อเหลาของอ๋องเย่
คิดๆไปก็รอคอยแล้ว!
ได้ยินพ่อบ้านเหมยพูดว่า เย่แจ๋หยิ่งอยู่ที่ห้องหนังสือแต่ว่าตอนที่หลานเยาเยามาถึงห้องหนังสือกลับไม่เห็นร่างเขา
แต่กลับเห็นจื่อซี
“จื่อซี เห็นเจ้านายเจ้าหรือไม่?”
“เรียนพระชายา เจ้านายมีธุระออกไปแล้ว”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยาก็ตกตะลึง
เย่แจ๋หยิ่งออกไปแล้ว!?
เป็นไปไม่ได้ป่ะ! คุณหนูสี่จากตระกูลหลี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในตำหนัก คนวางยาก็ยังหาไม่พบ! เขาก็ออกไปแล้ว
“เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“ข้าน้อยมิทราบ แต่ครั้งนี้เจ้านายน่าจะไม่กลับสักวันสองวัน ก่อนจะไปได้บอกว่าเรื่องวางยาพิษยกให้พระชายา”
จื่อซีพูดจบก็ก้มหัวลง
พูดโกหกเรื่องแบบนี้แม้เขาจะทำง่ายๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายาเขาก็ยังประหม่าอยู่บ้าง
“เชดดดด!”
หลานเยาเยากุมขมับหมดคำพูด
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ทำไมนางรู้สึกว่าที่เย่แจ๋หยิ่งออกไปไม่ใช่เพราะมีเรื่องด่วนแต่เหมือนกับหลบหนี!
ตอนนี้ก็ดี นางยุ่งแล้ว
โชคดีที่จื่อซีพูดเหล่าองครักษ์ลับก็ต่างเฝ้าจวนอ๋องเย่อย่างเคร่งครัด ไม่ปล่อยให้คนที่อยู่ในความมืดออกไปได้
แต่ทว่า คนที่หลบอยู่ในความมืดนั้นซ่อนตัวอย่างดี ในชั่วครู่ชั่วยามเกรงว่าจะค้นหาไม่เจอ
“พระชายา ตอนนี้ทำเช่นไรดี?” จื่อซีถามอย่างจริงจัง
เจ้านายพูดว่า พระชายาสามารถจัดการเองได้เขาเพียงแค่ต้องให้ความร่วมมืออย่างดีก็พอ
“ยังจะทำอะไรได้? ไปล่อเขาออกมาก็ได้แล้ว”
“ล่อ ล่อออกมา?”
คนที่หลบอยู่ก็จะซ่อนตัวไม่ทันอยู่แล้วจะถูกล่อออกมาได้ยังไง?
เว้นแต่จะเป็นคนโง่!
“คนหุบเขาก็มีวิธีของตนเอง รอหลังจากผ่านไปสักครึ่งชั่วยามค่อยสั่งให้คนในตำหนักปล่อยข่าวลือว่า พิษของคุณหนูสี่จากตระกูลหลี่แก้ได้แล้วอีกทั้งยังจับฆาตกรได้แล้วกำลังเตรียมส่งไปที่ว่าการ”
ได้ยินดังนั้น!
หลังจากที่จื่อซีสงสัยก็ดูเข้าใจอะไรขึ้นมาทันที
“พระชายา นี่เก่งกาจมากจริงๆ”
เก่งกาจ? ที่มันเป็นวิธีที่เก่งกาจอย่างไร?” หลานเยาเยารู้สึกว่าสมองของจื่อซีไม่ได้ดีไปกว่านาง ไม่สามารถที่จะเข้าใจว่านางคิดจะทำอะไรได้เร็วขนาดนั้น
“พระชายาไม่ได้กำลังคิดหรือว่า จะอ่อนข้อให้เรื่องสงบก่อนจากนั้นก็ค่อยจัดการ?”
แม้จวนอ๋องเย่จะใหญ่มาก
แต่ก็ใหญ่ไม่เท่ากับเมืองหลวงอีกทั้งตอนนี้ก็ยังถูกคุ้มกันแน่นหนา คนวางยานั่นจะหนีออกไปก็หนีไม่ได้
ดังนั้นพระชายาต้องทำให้คนทำเรื่องที่คุณหนูสี่จากตระกูลหลี่โดนยาสงบลงก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆจับกุมคนวางยา
ใครจะรู้……
หลานเยาเยามองเขาเหมือนมองคนโง่
“ยังจะอ่อนข้อให้เรื่องสงบ? พิษบนร่างกายของคุณหนูสี่จากตระกูลหลี่ยังกำจัดไปไม่หมด คุณหนูจากแต่ละตำหนักก็ยังถูกกักเอาไว้ในตำหนัก จะอ่อนข้อให้เรื่องสงบได้อย่างไร?”
“งั้นพระชายาต้องการ……”ทำอะไร?
“แน่นอนว่าต้องการจับคนที่แอบซ่อนอยู่ในที่มืดออกมา เจ้าไปบอกองครักษ์ก่อนเถอะ ความลับจะได้ไม่รั่ว”
จื่อซีที่ปกติก็ดูฉลาด ทำไมวันนี้ถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้นะ?
“ขอรับ พระชายา!”
จื่อซีก็จำใจมาก!
เจ้านายสั่งให้เขาโกหกพระชายา ในใจเขารู้สึกผิดมาก เจ้ารู้ไหมว่าพระชายาต้องการทำอะไร?
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาก้าวไปไม่กี่ก้าวก็ถูกหลานเยาเยาเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน จื่อซี ข้าเห็นว่าวันนี้เจ้าดูไม่ปกติเลย เพราะมีเรื่องอะไรปิดบังข้าใช่หรือไม่?”
“ไม่มีไม่มี”
หลานเยาเยาเดินไปตรงหน้าจื่อซี มองเขาแล้วมองเขาอีก
มองจนจื่อซีเหงื่อตกถึงพูดต่อว่า
“ไม่มีก็ไม่มี เจ้าจะทำท่าทางหดหู่ไปทำไม? หลังจากที่เจ้าทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จจะให้พ่อครัวมาทำขาหมูตุ๋นให้”
จื่อซีผิดปกติไปจริง! แต่ต้องแก้เรื่องพิษก่อนแล้วค่อยมาหลอกถามเขา
“ขอรับๆๆ!”
ขาหมูตุ๋นกับคนวางยาพิษเกี่ยวอะไรกัน?
จื่อซีหน้างงๆแต่เมื่อเห็นหลานเยาเยาโบกมือสั่งให้เขาไป เขาก็รีบเดินจากไปด้วยท่าทางราวกับได้รับการอภัยโทษ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ณ ห้องโถง
จื่อซียืนอยู่ด้านหลังหลานเยาเยา มองหลานเยาเยากินขาหมูตุ๋นโดยไม่มีภาพลักษณ์ใดๆอีกทั้งยังกินอย่างออกรสชาติ ในใจเขาก็รู้สึกพังทลาย
ในห้องโถงก็ยังมีองครักษ์ลับที่สวมรอยเป็นคนวางยาพิษถูกองครักษ์ลับสวมชุดเต็มยศสี่คนจับกุมไว้
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้าโดนใส่ร้าย พวกเจ้าจะมาจับคนตามอำเภอใจไม่ได้นะ” องครักษ์ลับที่สวมรอยเป็นคนวางยาพิษทำตามคำขอของหลานเยาเยาที่บอกว่าตนโดนใส่ร้าย
แต่ว่า!
เมื่อเห็นพระชายาตนเองกำลังกินอย่างมีความสุขจนดูเหมือนจะลืมเหล่าคนที่ให้ไปแสดงแล้ว หน้าก็แทบจะเกร็งไม่อยู่
พระชายาจะจับฆาตกรจริงๆหรือจะหาความสนุกจากพวกเขากัน?
“อะแฮ่ม พระชายา ข้างล่างยังแสดงอยู่นะ!”
จื่อซีคิดว่าถ้าหลานเยาเยายังกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจะได้กลายเป็นหมูจริงๆแล้ว เขาทนดูต่อไปไม่ได้จึงทำได้เพียงเตือนๆ
“ข้ารู้แล้วหน่า! แสดงได้ดี ขอชื่นชม”
“……”
ไม่มีอะไรแล้วรึ?
การแสดงไม่ใช่ว่าต้องแสดงจนจบหรือ? เพียงแต่องครักษ์ลับสองสามคนแสดงส่งเดชไปเท่านั้น พระชายารู้จักแต่กินไม่พูดจาอะไร
ถ้าแบบนี้มันสามารถจับคนที่แอบซ่อนในความมืดได้ เจ้าก็ให้คนนี้กินไปเลย
ทันใดนั้น!
หลานเยาเยาก็หยุดนิ่ง
วางขาหมูตุ๋นไว้ข้างๆ มือยังไม่ทันได้เช็ดก็มีเสียงตบโต๊ะดัง “ปั้ง”ชี้ไปยังองครักษ์ลับที่สวมรอยเป็นคนวางยาแล้วพูดว่า
“ยังบอกว่าเจ้าเองโดนใส่ร้ายอีก ข้าจับเจ้าได้จากห้องพักของคุณหนูสี่จากตระกูลหลี่ หรือเพราะนางโดนพิษไม่ตายเลยคิดจะมาทำร้ายนางอีก?”
องครักษ์ลับที่สวมรอยคนวางยาก็นับว่าฉลาด หลังจากที่มึนไปช่วงนึงก็รับโต้ตอบกลับมา
“พระชายาเย่ ข้าน้อยโดนใส่ร้ายจริงๆ ข้า ข้าน้อยแค่บังเอิญเดินผ่าน”
“อ๋อ~~~บังเอิญเดินผ่านจนสามารถเดินเข้าไปในห้องพักเลย เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง? ส่งเขาไปที่ว่าการ”
“ขอรับ!”
พอสิ้นเสียงนาง องครักษ์ลับทั้งสี่ก็บังคับเขาออกไป
ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกห้องโถงมีร่างสีดำปรากฏขึ้น ปกเสื้อของเขาเปิดออกแผงอกขาวเผยออกมาครึ่ง เมื่อเห็นสถานการณ์ในห้องโถงก็อดพึมพำกับตนเองไม่ได้ว่า
“คนไต่สวนยังกินขาหมูตุ๋น มิน่าหล่ะสมองถึงเหมือนกับหมู”
เมื่อเห็นหลานเยาเยาลุกขึ้น เขาก็ปล่อยนางเงียบๆพร้อมกับรอยยิ้มเรียบๆที่มุมปาก
รอจนเขารู้สึกตัวว่ามันผิดปกติ คิดจะออกไปก็สายไปแล้ว
“ฮ่า ที่แท้ก็เป็นการล่องูออกจากถ้ำ!”
เมื่อเห็นองครักษ์ลับล้อมเขาไว้ ร่างดำนั่นก็ตบหัวตัวเอง……