ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 614 ต่อไปฉันจะรับช่วงต่อเอง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 614 ต่อไปฉันจะรับช่วงต่อเอง(1)

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของเยวี่ยจงจีแล้วก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก เพียงแต่เธอไม่คาดคิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้น…ก็ขอให้พวกนายเดินทางปลอดภัยแล้วกันนะ?”

เยวี่ยจงจีเห็นคำอวยพรของมู่หลานดูไม่ค่อยจริงใจนัก จึงอดยิ้มไม่ได้ แล้วกล่าว “อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก ฉันรู้ว่าในใจเธอเกลียดตู้เยว่เอ๋อร์มาก แต่ว่า…”

หลังจากพูดถึงตอนท้ายของประโยค เขาก็ส่งสายตาสงสัยไปหาฉินมู่หลาน แล้วกล่าวว่า “ตระกูลเผยเป็นคนเผยแพร่ข่าวว่าตู้เยว่เอ๋อร์กำลังตั้งท้อง จริง ๆ แล้วฉันอยากรู้มากเลยว่าตระกูลเผยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร “เรื่องของตระกูลเผย ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ถ้านายอยากจะรู้ ก็ลองไปถามตระกูลเผยดูสิ”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เยวี่ยจงจีก็กระตุกปากยิ้มแล้วไม่ถามอะไรอีก

“ก็จริง เดี๋ยวรอเจอตระกูลเผย ฉันจะลองถาม นักศึกษาฉิน ถ้าอย่างนั้น…เอาไว้พวกเราค่อยเจอกันนะ”

“แล้วเจอกัน”

ฉินมู่หลานโบกมือให้เยวี่ยจงจี หลังจากที่คนไปแล้ว การแสดงออกของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป ดูเหมือนว่าตระกูลเยวี่ยก็มีบางอย่างน่าสงสัย แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร

สิ่งที่ตู้เยว่เอ๋อร์ทำนั้นถือว่าโจ่งแจ้งเกินไป ทำให้คนอื่นเห็นเบาะแสได้อย่างรวดเร็ว หากจะบอกว่ามีคนดูออก ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ

หลังจากตู้เยว่เอ๋อร์ถูกส่งตัวกลับฮ่องกงแล้ว คนในบ้านก็รู้สึกโล่งใจ แม้แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียไม่ได้

“ยัยผู้หญิงบ้าคนนั้นถูกส่งตัวกลับไปแล้ว แต่ก็น่าเสียดาย เพราะหล่อนเป็นคนฮ่องกงจึงไม่ได้รับโทษตามกฎหมายที่นี่ ไม่รู้ว่าหลังจากกลับไปถึงฮ่องกงแล้ว จะถูกตัดสินโทษอย่างไร”

อันที่จริงฉินมู่หลานก็อยากรู้เหมือนกัน

“ถึงตอนนั้นค่อยสอบถามข่าวจากทางฮ่องกงเอา”

เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ฉันอยากจะรู้ว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะโดนลงโทษหรือเปล่า”

แต่ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามเรื่องเซี่ยเหยียนลั่วขึ้นมา “ทำไมคุณปู่ลั่วถึงได้กลับไปซีอานกะทันหันล่ะ หรือว่าเรื่องที่ปักกิ่งทำให้ท่านกลัว จึงไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว”

เซี่ยปิงหรุ่ยรีบส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “เปล่าหรอก คุณปู่ลั่วแกเห็นโลกมาเยอะมากแล้ว จะไปกลัวเรื่องแบบนั้นทำไมกัน ท่านกลับไปหาคู่ให้อาฉางกู่น่ะ”

“เอ๊ะ?”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

และเซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้กระซิบบอกกับเธอ “คุณปู่ลั่วอยากให้คุณอาฉางกู่แต่งงานอีกครั้ง แต่คุณอาฉางกู่ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น ต่อมาคุณปู่ลั่วจึงยอมแพ้ แต่ได้ยินมาว่า ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีมาก มีคุณป้าฐานะดีคนหนึ่งถูกตาต้องใจคุณอาฉางกู่ แต่อาฉางกู่ไม่ยอมกลับไป คุณปู่ลั่วจึงทำได้แค่กลับไปดูเอง เธอไม่ต้องห่วง อีกไม่นานคุณปู่ลั่วก็กลับมา”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็วางใจ แต่เธอเห็นว่าเรื่องนี้ดูท่าไม่ค่อยดีเลย คุณฉางกู่ปฏิเสธที่จะกลับไปแล้ว ถึงแม้ว่าคุณปู่ลั่วจะกลับไปแต่ก็ไม่มีโอกาส

ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คังอันเหอก็มาแล้ว

คังอันเหอเห็นฉินมู่หลานก็รีบเดินเข้ามาหาเธอทันทีพลางกล่าวว่า “มู่หลาน เรื่องที่เธอทำงานเสริมที่โรงพยาบาลปักกิ่งน่ะ ทุกคนรู้กันหมดแล้วนะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็มีสีหน้าอึ้งงัน

“รู้กันหมดแล้วได้ยังไงกัน? ใครพูดกันบ้าง?” เธอเพิ่งได้รับงานเสริมเอง ทำไมคนอื่นถึงได้ทราบเรื่องนี้กันแล้ว

คังอันเหอเห็นว่าเหมือนฉินมู่หลานจะไม่ทราบอะไรเลย จึงบอกให้ฟังตามตรง “พวกทางโรงพยาบาลทหารนั้นก็รู้เรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้ว่าเธอมาทำงานเสริมที่โรงพยาบาลปักกิ่ง พวกเขาก็มีความคิดนี้เหมือนกัน อีกเดี๋ยวคงมาคุยกับเธอแน่นอน”

“ฉันไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลหรอก แค่จะไปที่นั่นก็ต่อเมื่อต้องทำเคสผ่าตัดแค่บางครั้ง ทำไมฉันดูกลายเป็นคนสำคัญจังเลยล่ะ”

คังอันเหอมองฉินมู่หลานด้วยท่าทางจริงจังแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน เดิมทีเธอก็เป็นคนสำคัญอยู่แล้ว ทักษะการแพทย์ของเธอช่วยชีวิตคนได้ตั้งมากมาย” หล่อนเคยได้ตามดูวิธีการผ่าตัดของฉินมู่หลานมาก่อน จึงทราบเช่นกันว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานดีมากขนาดไหน และเข้าใจความคิดของคนในโรงพยาบาลทหาร

ฉินมู่หลานเห็นคังอันเหอมีท่าทีแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพียงแต่ในใจก็ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว หากมีคนจากโรงพยาบาลทหารมาหา เธอก็ลงนามสัญญาทำงานเสริมให้ได้เหมือนกัน การสลับกันไปทำงานเสริมที่โรงพยาบาลแห่งแรกกับแห่งที่สองไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด

ถึงแม้จะเคยได้ยินคังอันเหอพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ฉินมู่หลานก็นึกไม่ถึงว่าหมอจากโรงพยาบาลทหารจะมาหาเร็วขนาดนี้

“หมอเช่า พวกคุณมาเพื่อคุยเรื่องทำงานที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ?”

เช่าเจิ้งเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หมอฉินครับ นอกจากเรื่องนี้แล้วจะเป็นเรื่องอะไรไปได้อีก หากเชิญคุณไปทำงานเป็นหมอชั่วคราวที่โรงพยาบาลได้ ก็ยังไม่สายที่พวกเราจะมีความสุข ก่อนหน้านี้พวกเรายังไม่มีความคิด ไม่อย่างนั้นคงเสนอทางเลือกนี้ตั้งนานแล้วครับ”

ก่อนหน้านี้ฉินมู่หลานบอกอย่างชัดเจนว่าหลังจากเรียนจบจะไม่ทำงานในโรงพยาบาล ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเลิกการชักชวนไป ใครจะไปคิดว่าเธอจะทำงานเสริมแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงงานเสริม แต่ก็ถือว่าดีเหมือนกัน

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หมอเช่า หากพวกคุณมีความตั้งใจแบบนั้น เช่นนั้นทางฝั่งฉันก็ไม่ติดปัญหาค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง สีหน้าของเช่าเจิ้งเฟิงก็ดูมีความสุขมาก

“จริงเหรอครับ นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลย คณบดีของเรากังวลใหญ่เลยว่าคุณจะไม่ยอมตอบตกลง” หลังจากพูดจบ เช่าเจิ้งเฟิงก็ร่างหนังสือสัญญาโดยตรง แล้วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบมาลงนามกันเถอะครับ”

ฉินมู่หลานอ่านหนังสือสัญญาอย่างละเอียดหลังจากรับมา ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าข้อตกลงค่อนข้างคุ้นเคย

“นี่…เหมือนสัญญาของโรงพยาบาลปักกิ่งทุกข้อเลยนะคะ”

เช่าเจิ้งเฟิงหัวเราะขึ้นทันทีหลังจากได้ยินแบบนี้ พลางกล่าว “คณบดีของโรงพยาบาลเราถามคณบดีเถามาแล้วครับ เพราะฉะนั้นข้อสัญญาจึงเหมือนกันหมด”

ฉินมู่หลานยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ลงนามของตัวเอง

หลังจากฉินมู่หลานลงนามสัญญาเรียบร้อย เช่าเจิ้งเฟิงก็รีบเก็บใบสัญญากลับไปทันที จากนั้นจึงยืนขึ้นแล้วยื่นมาพร้อมกับกล่าวว่า “หมอฉิน ต่อไปเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วนะครับ หวังว่าทุกคนจะร่วมงานกันอย่างราบรื่น”

“หวังว่าจะร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นค่ะ”

ฉินมู่หลานจับมือกับเช่าเจิ้งเฟิง หลังจากนั้นก็ส่งคนกลับไป

เช่าเจิ้งเฟิงเพิ่งกลับไปได้ไม่นาน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาแล้ว “มู่หลาน เมื่อกี้ผมเจอหมอเช่าด้วย”

“ค่ะ เมื่อกี้หมอเช่ามาหา” จากนั้นก็เล่าเรื่องการทำงานเสริมในโรงพยาบาลให้ฟัง แล้วกล่าวต่อ “ฉันก็นึกไม่ถึงว่าโรงพยาบาลทหารจะเห็นฉันลงนามสัญญากับโรงพยาบาลปักกิ่ง พวกเขาก็เลยนำสัญญามาให้อีกหนึ่งฉบับ ให้ฉันไปทำงานเสริมกับทางโรงพยาบาลทหารด้วย”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “มู่หลาน เป็นเพราะคุณเก่งเกินไป ใคร ๆ ก็อยากให้คุณไปทำงานที่โรงพยาบาลของพวกเขากันทั้งนั้น”

ฉินมู่หลานก็นึกไม่ถึงว่าโรงพยาบาลใหญ่ขนาดนี้จะอนุญาตให้เธอทำงานเสริมได้ ในใจจึงมีความคิดบางอย่าง วางแผนว่าจะไปที่นั่นในช่วงสุดสัปดาห์ แต่เมื่อเธอเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาอีกแล้ว จึงอดถามไม่ได้ “อาหลี่ คุณกลับมาบ้านบ่อย ๆ แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอคะ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ลูบผมฉินมู่หลานแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ผมมาที่นี่เฉพาะตอนที่มีเวลาว่างเท่านั้น วันนี้เหวินเชี่ยนได้ตามคุ้มกันคุณตอนออกไปข้างนอกไหม?”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยังเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ฉินมู่หลานจึงรีบกล่าว “วางใจเถอะ เหวินเชี่ยนตามฉันตลอด ส่วนเสี่ยวผิงก็ไปอยู่ที่ซิงหลินถัง เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เซี่ยฉางชิงก็เดินเข้ามาในบ้าน หลังจากเขาได้พบฉินมู่หลาน ก็รีบเอ่ยถามทันที “มู่หลาน ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“พ่อ พ่อมาทำไมเหรอคะ”

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท