คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 779 ส่งอาจารย์ไปกักตัว มอบกำไลหินเก้าตา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 779 ส่งอาจารย์ไปกักตัว มอบกำไลหินเก้าตา

ก่อนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น ฉินหลิวซีปรากฏตัวอยู่ที่อารามชิงผิงพร้อมกับหิ้วถุงสัมภาระใบใหญ่ และนักพรตทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในอารามชิงผิงพากันยืนอยู่ที่ด้านนอกห้องเต๋าของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน

“อีกสักครู่ผู้ศรัทธาก็จะมาจุดธูปแล้ว พวกเจ้ามายืนทำอะไรกันตรงนี้ ยังไม่ไปเปิดประตูเขาต้อนรับผู้ศรัทธาอีก” ฉินหลิวซีจ้องมองไปที่ทุกคน

ชิงหย่วนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างบวมจนกลายเป็นผลลูกท้อ ลืมตาแทบไม่ขึ้น น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด

“เจ้าถูกแมลงพิษกัดหรือ” ฉินหลิวซีขมวดคิ้วพลางมองดูเขา

ชิงหย่วนส่ายหน้าพลางเอ่ย “ได้ยินว่าเจ้าอาวาสจะไปกักตัว ก็เลยนอนไม่หลับ”

เหอะ ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

ฉินหลิวซีโบกมือไล่ฝูงชน “ไม่ต้องมายืนเกะกะแล้ว เขาแค่ไปกักตัว ไม่ได้จะไปไหนเสียหน่อย เมื่อเขาสร้างรากฐานสำเร็จ อารามเต๋าของพวกเราค่อยจัดพิธีใหญ่เฉลิมฉลอง”

“ใช่แล้ว มีอะไรก็ไปทำ ไม่ต้องมายืนเกะกะอยู่ตรงนี้” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหัวเราะพลางเดินออกมาจากห้องเต๋า มองดูกลุ่มคนที่อยู่หน้าประตู มือหนึ่งถือแส้หางม้า อีกมือหนึ่งไขว้หลัง เอ่ย “เมื่อข้าไม่ได้อยู่ที่อาราม สหายเต๋าทุกท่านก็อย่าลืมฝึกบำเพ็ญ ต้องยึดมั่นในหัวใจเต๋า ส่งเสริมเต๋าทำความดี ปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋า”

“ข้าจะปฏิบัติตามคำสอนของท่านเจ้าอาวาส” ทุกคนคำนับตามธรรมเนียมเต๋า

“ทุกคนแยกย้ายกันไปเถิด”

ไม่มีใครขยับ ฉินหลิวซีพลันขมวดคิ้ว คนเหล่านี้ทำอะไรกัน น่ารำคาญเสียจริง

นางก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย ร่ายคาถาเปิดเส้นทางหยิน หันไปเอ่ยกับนักพรตเฒ่าชื่อหยวนว่า “ไปกันเถิด”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเหลือบมองทุกคนแล้วตามไป

ในขณะที่เส้นทางหยินกำลังจะปิด ก็มีเงาคนกระโดดเข้าไป

ทุกคน “?”

เงาดำเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะเป็นเจ้าทึ่มซาหยวนจื่อผู้นั้น?

ฉินหลิวซีจ้องมองซาหยวนจื่อที่กระโดดเข้ามา สีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าตามเข้ามาทำไม”

ซาหยวนจื่อกะพริบตา “ไป ไปด้วยขอรับ”

“ไสหัวกลับไป!” ฉินหลิวซีตะโกนใส่ เอื้อมมือไปจะคว้าเขา

ซาหยวนจื่อหลบมือของนาง กระโดดไปอยู่ด้านข้างนักพรตเฒ่าชื่อหยวน ดึงแขนเสื้อเขา พยายามเอ่ย “ไปดูแล”

ฉินหลิวซีโกรธมาก “เจ้าอย่าบังคับให้ข้าต้องตบเจ้า”

ซาหยวนจื่อหดคอเม้มริมฝีปากไม่กล่าวอะไร

เมื่อนักพรตเฒ่าชื่อหยวนเห็นว่าฉินหลิวซีจะคว้าตัวเขา จึงเอ่ย “ช่างเถิด ให้เขาไปกับอาจารย์เถิด”

“ท่านไปกักตัว เอาเขาไปทำอะไร เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง ใครดูแลใครก็ยากที่จะบอกได้” ฉินหลิวซีจ้องซาหยวนจื่ออย่างดุเดือด

“ไม่ต้องดูแลหรอก เดิมทีนั่นเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคย บางทีเขาอาจเสมือนปลาได้น้ำ[1]มากกว่าอาจารย์เสียอีก!” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ฉินหลิวซีสบถอย่างแรง เปิดไฟนำทางหนึ่งดวง เดินไปข้างหน้า

นางไม่สนใจแล้ว จะทำอะไรก็ทำ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองไปยังซาหยวนจื่อที่ทางทางน้อยใจ ใช้แส้หางม้าแตะที่ศีรษะเขาเบาๆ โดยไม่กล่าวอะไร แล้วเดินตามไป

ทางด้านเส้นเลือดมังกรฉินหลิวซีได้จัดเตรียมไว้นานแล้ว นอกเหนือจากตำแหน่งเดิมของมันแล้ว นางยังใช้หินหยกชั้นยอดจำนวนไม่น้อยวางข่ายอาคมรวบรวมพลังวิญญาณ กล่าวได้ว่าปลุกเสกได้มีพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก

เมื่อทั้งสามคนออกมาจากเส้นทางหยิน รู้สึกได้ชัดเจนว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนยืนอยู่หน้าบ้านไม้ มองไปยังภูเขาแม่น้ำบริเวณโดยรอบ รู้สึกว่าพลังวิญญาณมีมากมายกว่าสถานที่อื่น เมื่อคำนวณตำแหน่งของภูเขาและแม่น้ำกับสถานที่ที่ตัวเองยืนอยู่ ก็อดทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีเส้นเลือดมังกรซ่อนอยู่ ช่างลึกลับเสียจริง”

ฉินหลิวซีมองดูซาหยวนจื่อวิ่งไปรอบๆ อย่างร่าเริง เมื่อกลับมาที่รังเก่าของตัวเอง เอ่ยด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “หากไม่ใช่เช่นนั้น ตบะของชื่อเจินจื่อจะฟื้นคืนกลับมาเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร เกรงว่าเขาจะซ่อนทางรอดนี้ไว้นานแล้ว”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม

เขาค่อนข้างเข้าใจนิสัยของศิษย์น้องผู้นั้นอยู่บ้าง เห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นใหญ่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยไม่สนใจราคาที่ต้องจ่าย เป็นคนระมัดระวัง มองการณ์ไกล เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก

อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าหากใจของเขาชอบธรรม บำเพ็ญเส้นทางคุณธรรม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่เขากลับยืนกรานที่จะยึดติดอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ลังเลที่จะเดินสายมาร

ฉินหลิวซีเอ่ย “ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ที่ไหน ข้าก็จะหาตัวเขาให้ได้ ท่านก็อย่าคิดที่จะไปหาเรื่องเขา ข้าจะลงมือเอง”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรู้สึกผิดเล็กน้อย

ฉินหลิวซีเหลือบมอง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “บนตัวเขามีกระดูกพุทธะ ของสิ่งนั้นมีพลังกระแสจิตมหาศาล ตอนนี้ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา ดังนั้นอย่าไปหาเขา แม้ว่าในใจของท่านเกลียดมากจนแทบอยากจะแก้ไขเขาให้ถูกต้อง ก็อย่าได้มุทะลุ เกลียดก็ส่วนเกลียด แต่ก็อย่าเอาไข่ไก่ไปเคาะหิน เพราะจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าทำสิ่งที่โง่เขลา”

“วางใจเถิด อาจารย์รู้แก่ใจดี”

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “ท่านรู้ดีแก่ใจหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่หากท่านคิดว่าเมื่อมาที่นี่ ท้องฟ้าเป็นอิสระให้นกโบยบินได้ แอบหนีไปตอนที่ข้าไม่อยู่ เช่นนั้นพวกเราก็ขาดกัน ข้าจะไม่สนใจความเป็นอยู่ของอารามชิงผิงอีกต่อไป”

“เจ้าไม่มีจิตสำนึก อารามชิงผิงเป็นบ้านของเจ้าเชียวนะ” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนชี้ไปที่นาง

ฉินหลิวซีหัวเราะ “หากข้าต้องการบ้าน ที่ไหนก็เป็นบ้านได้ หรือท่านจะลองดู?”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสำลักแทบตาย จ้องมองนางอย่างดุเดือด

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าเขาเงียบไป จึงได้พาเขาไปดูค่ายอาคมใหญ่ที่ตัวเองวางไว้ นั่นเป็นการป้องกันเหตุฉุกเฉิน เผื่อว่าชื่อเจินจื่อหลอกให้หลงกลว่าหนีไปแล้วแต่ดันกลับมาที่นี่ หากทั้งสองคนเผชิญหน้ากันจะต้องเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด นี่เป็นการวางค่ายอาคมเพื่อความปลอดภัยของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน

“ยังมีสิ่งนี้อีกด้วย ท่านเก็บเอาไว้” ฉินหลิวซีนำกำไลหินเก้าตาที่สวมไว้บนคอออกมา สวมลงบนคอของเขาด้วยตัวเอง

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหรี่ตาลง “เจ้าให้สิ่งนี้แก่ข้าทำไม”

“แน่นอนว่าเอาไว้ให้ท่านป้องกันตัว” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่นี่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งสัมภเวสีผีเร่ร่อนที่ผ่านไปมาเหล่านั้นได้ หากท่านกำลังกักตัวเข้าสู่สมาธิ แล้วมีผีร้ายที่ไม่ลืมหูลืมตาคิดจะมากลั่นแกล้งท่าน มีกำไลหินเก้าตาของมหาเทพคุ้มครอง ข้าก็อยากรู้ว่าใครยังจะกล้ามายั่วยุ”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนซึ้งใจ เอ่ย “ไม่ต้องหรอก เจ้าทั้งวางค่ายอาคม ทั้งวาดยันต์ไว้ที่นี่ ใครจะกล้ามารนหาที่ตาย แต่ตัวเจ้าเองมักจะต้องเดินทางไปข้างนอก เจ้าต้องการมันมากกว่าข้า”

เขาพูดพลางจะถอดมันออก

ฉินหลิวซีกดมือของเขาไว้ เอ่ย “นี่เป็นสิ่งที่ข้าแสดงความกตัญญูต่อท่าน เก็บไว้เถิด ข้ายังมีกระจกกลืนวิญญาณ ต่อให้ไม่มี ข้าก็ยังสามารถไปเอาใหม่กับมหาเทพได้…ให้เขามอบอาวุธใหม่ให้”

เทพเฟิงตู ‘ขอร้องเจ้าช่วยมีความเป็นคนสักหน่อยเถิด เอะอะก็จะมารีดไถข้า มีมารยาทบ้างหรือไม่!’

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็หมดคำพูดเช่นกัน แอบเบาๆ เอ่ย “หยุดเมื่อเห็นสมควร อย่าทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง จะจัดการได้ยาก”

“กักตัวของท่านไปเถิด!” ฉินหลิวซีเอ่ย “ก่อนเข้าฤดูหนาว ข้าต้องเห็นว่าการฝึกบำเพ็ญของท่านมีการพัฒนาขึ้น”

“เอาล่ะๆ จู้จี้จุกจิกอยู่นั่นแหละ รีบไปได้แล้ว!”

ฉินหลิวซีกัดฟัน เรียกซาหยวนจื่อมา เอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “ดูแลอาจารย์ข้าให้ดี คอยเฝ้าเขาไว้เวลากักตัว อย่าให้เขาหนีไปไหน อีกอย่างหากเจ้ากล้ามีแผนการร้าย ข้าเผาเจ้าตายแน่”

เมื่อความคิดผุดขึ้นมาในหัวของนาง กลุ่มไฟก็ลุกขึ้นมาจากปลายนิ้ว พุ่งไปตรงหน้าซาหยวนจื่อ ทำเอาเขาหมอบลงพลางร้องด้วยความตกใจ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนส่ายหน้า เอ่ย “เจ้าอย่าลืมทำความดีทุกวัน สะสมบุญกุศลไว้”

ฉินหลิวซีสบถเบาๆ “ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ ขอตัวก่อน ไว้ค่อยมาเยี่ยมท่าน”

นางหันไป พึ่งเดินไปได้เพียงสองก้าว มองนักพรตเฒ่าชื่อหยวน เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบายใจว่า “ความจริงแล้วข้าเอ่ยผิดไป ที่ที่มีท่านจึงจะเป็นบ้าน ดังนั้นอย่าไปเผชิญหน้ากับเขา ทุกอย่างให้รอข้าเป็นคนจัดการ”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสั่นไปทั้งตัว ขอบตาร้อนเล็กน้อย เผยอริมฝีปากตอบ “ตกลง”

[1] เสมือนปลาได้น้ำ เป็นสำนวนจีนโบราณ อุปมา: ได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับตนเอง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

  1. Kanooping พูดว่า:

    กลัวใจอาจารย์จริงๆกลัวน้องจะไม่เหลือใครเป็นที่พักใจอ่ะ อาจารย์คือครอบครัวของน้องเลยนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท