บทที่ 1047 ข้ามีแต่คนชื่นชอบ
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ บุคคลเหล่านี้ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของขั้วอำนาจต่าง ๆ และทำตัวเหมือนน้ำและไฟ แต่ทำไมถึงดูเหมือนเพื่อนเก่ากันมากกว่า?
จากนั้นซูอันตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ขุนนางทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้จักกัน พวกเขาเติบโตขึ้นและต่อสู้ด้วยความทะเยอทะยานร่วมกันมา หลังจากนั้นพวกเขากจึงเลือกขั้วอำนาจต่าง ๆ ที่ต้องการรับใช้
ถึงอย่างนั้น มิตรภาพเดิมของพวกเขาก็ยังมีอยู่ ตระกูลของพวกเขาอาจจะเชื่อมโยงถึงกันด้วยการแต่งงานในรูปแบบต่าง ๆ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ มันยังไปไม่ถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายในโลกนี้ได้
เจียงป๋อหยางรู้สึกปวดหัวอย่างมากเมื่อได้ยินทั้งสองทะเลาะกัน เขาไม่สนใจและมองไปที่ซูอันจากนั้นจึงขมวดคิ้วทันที “ใครเป็นคนล่ามเจ้าแบบนี้กัน?” พูดจบเขาโบกมือเบา ๆ จากนั้นโซ่ที่ล่ามไว้เส้นหนึ่งจึงคลายออก สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าการบ่มเพาะของเขาลึกซึ้งเพียงใด
ซูอันตกตะลึง ทำไมชายคนนี้ถึงดีกับข้า…?
แต่เจียงป๋อหยางไม่ได้คลายโซ่เส้นอื่น ๆ ให้ หลังจากเสร็จการกระทำ เขาจัดคอเสื้อที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นจึงถอยหลังแล้วมองซูอันก่อนจะนั่งลงอย่างพอใจ
ซูอันตกตะลึง พี่ชายอะไรกันเนี่ย? ทำไมปลดแค่โซ่เส้นเดียว!
แต่แล้วเมื่อซูอันก้มศีรษะลง จึงได้สังเกตว่าโซ่เส้นอื่นที่อยู่บนร่างกายตอนนี้ทุกเส้นสมมาตรกัน ครั้นนึกถึงความขุ่นเคืองของอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อมองปอยผมของเสนาบดีฝ่ายกิจการพระญาติเจิ้นเสวี่ยอี ซูอันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก็แค่พวกคลั่งความสมบูรณ์แบบ! ข้าเกือบจะคิดว่าเขาเป็นคนจิตใจดี!
“พอแล้ว เราต้องจัดการเรื่องสำคัญที่อยู่ตรงหน้าก่อน” เจียงป๋อหยางหยุดการโต้เถียงของสองคน
เจิ้นเสวี่ยอีนั่งลงอย่างสบาย ๆ ในตำแหน่งสูงสุด “เริ่มต้นได้แล้ว”
เจียงป๋อหยางฮึดฮัดเมื่อเห็นเจิ้นเสวี่ยอีนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจในที่นั่งของเขาและหันหน้ามาตบโต๊ะเสียงดัง “ซูอัน ข้าตรวจสอบบันทึกของประตูวังและพบว่าเจ้าไม่ได้ออกไปก่อนค่ำ เจ้ารั้งอยู่กระทำการใดที่หน้าละอายในวัง?”
นี่ไม่ใช่คำถามที่ง่ายสำหรับซูอัน จูเซี่ยฉือซินบอกเขาว่าอย่าเปิดเผยตัวตนในฐานะทูตยุทธ์เสื้อแพรเด็ดขาด ซึ่งทำให้ยากขึ้นมากที่จะอธิบายว่าทำไมเขาถึงยังคงอยู่ในวัง
มันเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่ออกจากวังก่อนเวลาค่ำ เขาจะถูกกล่าวหาว่ารบกวนสนมกำนัลอย่างแน่นอน แต่ซูอันก็พร้อมสำหรับคำถามนี้ เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “ฝ่าบาททรงมอบหมายภารกิจลับให้ข้า เป็นเหตุผลที่ข้าไม่ได้ออกจากวัง”
บุคคลทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ภารกิจลับแบบไหน?”
ซูอันหัวเราะ “ข้าบอกไปแล้วว่ามันเป็นภารกิจลับ แล้วจะบอกคนอื่นมั่วซั่วได้อย่างไร?”
มู่หรงถงโกรธมาก “เจ้าหนู หยุดทำตัวลิงหลอกเจ้าได้แล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังสอบสวนเจ้าอยู่ เจียมเนื้อเจียมตัวไว้บ้าง!”
ความจริงที่ว่าเด็กเหลือขอคนนี้ทำให้เขาตกจากตำแหน่งที่มีอำนาจลงมายังตำแหน่งในปัจจุบันทำให้เขาโกรธมาก
—
ท่านยั่วยุมู่หรงถงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +491… +491… +491…
—
ซูอันถอนหายใจ “ท่านมู่หรง เป็นไปได้ไหมที่ท่านคิดว่าข้ากล้าที่จะปลอมแปลงรับสั่ง? นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ง่าย ข้าถูกเรียกตัวไปยังห้องหนังสือส่วนพระองค์ทันทีที่ออกจากวังตะวันออก”
ลมหายใจของมู่หรงถงสะดุด ตามความเห็นของพวกเขา ไม่มีใครกล้าปลอมแปลงรับสั่งจริง ๆ นั่นเป็นโทษประหารทั้งตระกูล!
เจียงป๋อหยางพลิกดูแฟ้มในมือและพูดพร้อมกับพยักหน้า “มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ”
แน่นอนว่า เขาได้รวบรวมข้อมูลทุกประเภทไว้แล้วก่อนที่จะมาถึงที่นี่
จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป “แต่สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้เพียงว่า เจ้าได้รับมอบหมายภารกิจลับ แต่หลังจากที่ออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าทำอะไรต่อจากนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นเจ้าพร้อมกับองค์หญิงรัชทายาท… อะแฮ่ม เจ้าจะตอบข้อกล่าวหานี้อย่างไร?”
“ไร้สาระสิ้นดี! ข้าถูกใส่ความ!” ซูอันเน้นเสีนงหนัก “เป็นเรื่องหนึ่งถ้าใส่ร้ายข้า แต่ใครกล้าใส่ร้ายองค์หญิงรัชทายาท! พวกมันกล้าดีอย่างไรถึงมีความคิดแบบนั้น? ข้าขอถามท่านเจียงว่าคนที่ใส่ร้ายข้าเป็นใคร?”
เจียงป๋อหยางกระแอมในลำคอ “ไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้ายหรือไม่ก็ตาม เราจะทำการสอบสวนให้ได้ความจริงอย่างแน่นอน แต่ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่าพวกเขาเป็นใคร”
ซูอันกล่าวว่า “ข้าเป็นคนดีมีเมตตาเสมอมา และมักจะดึงดูดให้ผู้อื่นชื่นชอบ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าใครจะใส่ร้ายข้า…”
“เจ้าเนี่ยนะเป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่น?” มู่หรงถงเยาะเย้ย เด็กคนนี้มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเองหรือไม่?
ซูอันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “อ้อ ข้าจำได้ว่าท่านมู่หรงเสียตำแหน่งเพราะข้าถูกโจมตีทันทีที่มาถึงเมืองหลวง ถ้ามีใครอยากจะใส่ร้ายข้าจริง ๆ ข้ากลัวว่าจะเป็น…”
มู่หรงถงโกรธมากจนควันเกือบจะพุ่งออกจากหู “ไอ้เด็กบัดซบ! นี่เจ้ากำลังหาว่าข้าใส่ร้ายเจ้าเหรอ!?”
—
ท่านยั่วยุมู่หรงถงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +668… +668… +668…
—
ซูอันยักไหล่ “ข้าไม่ได้พูด ท่านพูดเองนะ” เขาคิดกับตัวเองว่า ถึงแม้มู่หรงชิงเหอจะเจ้าอารมณ์ แต่นางดูจะมีความอดทนมากกว่าตาแก่ตดเหม็นผู้นี้อีก
เจียงป๋อหยางกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ท่านมู่หรง อย่าใจร้อนนักเลย” จากนั้นเขาหันมาหาซูอัน “เจ้าเป็นตัวสร้างปัญหาที่น่ารำคาญจริง ๆ การสอบสวนนี้ปั่นป่วนไปหมด”
ซูอันตอบว่า “ท่านเจียงเป็นคนฉลาด ข้าแค่พยายามวิเคราะห์แรงจูงใจของผู้ที่พยายามใส่ร้ายข้า แต่จากนิสัยตรงไปตรงมาของท่านมู่หรง เขาไม่ใช่คนที่ใส่ร้ายข้าอย่างแน่นอน” ในที่สุดมู่หรงถงก็สงบลงเล็กน้อยหลังจากได้รับคำชมเช่นนี้
ซูอันกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าจำบางอย่างได้ เช้านี้ดูเหมือนว่าข้าจะทำร้ายซือจวิ้นที่ประตูวัง ชายผู้นั้นกลั่นแกล้งข้า ข้าเลยอดไม่ได้ที่จะใช้ฝ่ามือตบเขา สุดท้ายซือจวิ้นถึงกับทำกางเกงหลุดต่อหน้าธารกำนัล นอกจากนี้ ซือคุน น้องชายของเขายังเคยมีความขุ่นเคืองกับข้า ดังนั้นหากมีใครบางคนที่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายข้าจริง ๆ ซือจวิ้นก็เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน”
ดวงตาของเจียงป๋อหยางหรี่ลง “ข้าไม่ได้พูดถึงชื่อซือจวิ้น ทำไมเจ้าถึงสงสัยทันทีว่าเป็นเขา? พูดสิ เป็นเพราะเจ้าเห็นเขาตอนที่บุกเข้าไปหาเจ้าและองค์หญิงรัชทายาทหรือเปล่า?”
ซูอันดูตกใจ “เป็นชายคนนั้นจริง ๆ เหรอ? ข้าจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นดูเป็นคนเลวอย่างชัดเจน เป็นเขาจริง ๆ ด้วยที่ใส่ร้ายข้า!”
มู่หรงถงตะโกนว่า “หยุดได้แล้ว! การที่เจ้าพูดถึงซือจวิ้นเท่ากับว่าเจ้าสารภาพกับเรื่องนี้แล้ว”
ซูอันถอนหายใจ “ท่านมู่หรงเองเคยเป็นผู้บัญชาการมณฑลราชธานี สถานการณ์นี้ควรจะง่ายมากที่ท่านจะคิดออกใช่ไหม?”
“ด้วยภาพลักษณ์ทางศีลธรรมของข้าอาจไม่ดีนัก ดังนั้นจึงให้อภัยได้หากมีคนเข้าใจผิด แต่ใครคือองค์หญิงรัชทายาท? พระนางเกิดจากตระกูลอันสูงส่ง และยังคงไว้ซึ่งความเป็นกุลสตรีอยู่เสมอ ในอนาคตนางคือมารดาแห่งแผ่นดิน! ท่านเชื่อจริง ๆ เหรอว่าพระองค์จะทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ชายคนอื่น?”
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นการใส่ร้ายอย่างชัดเจน! ไม่เพียงแต่คนที่ใส่ร้ายจะเกลียดชังข้าเท่านั้น พวกมันไม่สนใจว่าจะล่วงเกินองค์หญิงรัชทายาทด้วย ถ้าท่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนเดียวที่มีความแค้นต่อองค์หญิงรัชทายาทและข้าคือตระกูลซือ มันเป็นเพราะการเดิมพันของซือคุนกับข้าที่นำไปสู่จุดจบของเขาด้วยพระหัตถ์ขององค์หญิงรัชทายาท”