ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1522 สดใส

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1522 สดใส

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “ฝีมือของเจ้าดียิ่งนัก ไม่เช่นนั้นวันนี้ข้าจะสวยอย่างนี้ได้อย่างไร ดังคำโบราณที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงานเพราะแต่ง ดูฝีมือของเจ้าสิ ทำให้ข้าสวยงามราวกับเทพเซียน”

อาจั่วและโค่วตันก็ปิดปากและหัวเราะคิกคัก หลังจากนั้นพวกนางก็พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย สาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างนอกจึงมาแจ้งที่ประตูว่าจวิ้นจู่มาถึงแล้ว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานบอกว่าให้เชิญนางเข้ามาก ก็พลันได้ยินเสียงร่าเริงดังขึ้นจากข้างนอก “ท่านพี่ ท่านกำลังหัวเราะอะไร? ทำไมถึงดูมีความสุขกันมากขนาดนั้น!”

ถานอวี้ซูและอาอวี้เดินผ่านม่านเข้ามา และเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน ฝีเท้าของถานอวี้ซูก็ชะงักไปเล็กน้อย และจ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาตกตะลึง ใบหน้าฉายให้เห็นถึงความประหลาดใจ

“คุณหนูดูสิ ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ตะลึงจนอ้าปากค้างไปแล้ว” อาจั่วพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ถานอวี้ซูก็กลับมาได้สติและตระหนักว่าเมื่อครู่นางแสดงท่าทางน่าขันออกไป นางรีบก้าวข้างหน้าและคว้ามือกู้เสี่ยวหวานไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท่านพี่ ท่านสวยมาก!”

วันธรรมดากู้เสี่ยวหวานจะชอบสวมเสื้อผ้าสีอ่อน แม้แต่ปิ่นปักผมบนศีรษะของนางก็เรียบง่ายมาก ไม่ค่อยมีสีสันฉูดฉาด หากมองจากรูปลักษณ์ นางดูสง่างามราวกับดอกเบญจมาศ

แม้ว่าชุดวันนี้จะเป็นสีขาวนวล หากแต่ก็ถูกปักด้วยลวดลายผีเสื้อ มองดูแล้วมีชีวิตชีวา ดอกไห่ถังสีชมพูขนาดใหญ่บริเวณชายกระโปรงขับให้นางดูเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเดิม

ดอกไห่ถังที่ชายกระโปรงมีสันสดใสและเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา แต่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเยอะจนเกินงาม ทั้งยังให้ความรู้สึกสดใสและสวยงาม มันทำให้ผู้คนรู้สึกดีและอิจฉา

“ท่านพี่สวยยิ่งนัก” ถานอวี้ซูเดินวนรอบกายกู้เสี่ยวหวาน หลังจากมองอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าก็รู้สึกมีความสุข

ผ้าคาดเอวสีขาวนวลขนาดใหญ่ถูกปักลวดลายดอกไห่ถังสองดอกรับกับชายกระโปรง แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดความโดดเด่น เป็นเพียงการประดับประดาเล็กน้อยซึ่งขับเน้นความสดใสของชายกระโปรงออกมา

“ร้านปักใดมีงานปักที่ประณีตเช่นนี้ ดอกไห่ถังนี้เหมือนจริงมากเสียจนคิดว่ามันมีกลิ่นจริง ๆ”

ถานอวี้ซูพุ่งเข้าไปหากู้เสี่ยวหวาน หลับตาพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหายใจออกอย่างพึงพอใจราวกับว่านางได้กลิ่นหอมของดอกไม้ “มันหอมมาก!”

กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างขบขัน “เจ้าก็พูดเกินไปแล้ว เจ้าจะได้กลิ่นหอมของดอกไม้ได้อย่างไร”

“ท่านพี่ ข้าไม่ได้โกหกจริง ๆ นะเจ้าคะ มันหอมมาก ถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านพี่ก็ลองดมดูสิ” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เชื่อตนเอง ถานอวี้ซูจึงรีบพูดว่า “มันมีกลิ่นหอมบางเบา ช่างสดชื่นจริง ๆ”

หลังจากพูดจบก็ยังกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เชื่อ จึงรีบสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ล้อเล่น กู้เสี่ยวหวานก็ยกแขนเสื้อขึ้นพลางสูดดมกลิ่น ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมจาง ๆ ลอยมาปะทะจมูก

ถานอวี้ซูพูดถูก มันมีกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ จริงด้วย

กลิ่นบางเบา ทว่าหอมสดชื่น

“คุณหนู ท่านได้จุดเครื่องหอมหรือเปล่า” อาอวี้ถามอย่างตื่นเต้น

กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมองอาจั่วและโค่วตัน แต่ก็เห็นว่าทั้งคู่นั้นส่ายหน้า “คุณหนูไม่เคยใช้เครื่องหอมเลยเจ้าค่ะ”

“ตอนเสื้อผ้าชุดนี้ถูกส่งมามันก็มีกลิ่นหอมอยู่แล้ว” โค่วตันกล่าว

หลังจากได้รับชุดมาก็นำมันไปเก็บไว้ตู้ ครั้นวันรุ่งขึ้นนางเปิดประตูตู้อีกครั้ง กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ก็พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าของนาง

“ไม่ได้จุดเครื่องหอม แล้วเหตุใดจึงมีกลิ่นหอมจาง ๆ บนชุดนี้” ถานอวี้ซูพึมพำกับตนด้วยความสงสัย ทันใดนั้น มีบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดของนาง จึงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ท่านพี่ ข้ารู้แล้วว่ามันคืออะไร”

“คืออะไรหรือ?” กู้เสี่ยวหวานก็ถามด้วยความอยากรู้เช่นกัน

“ท่านพี่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนอนไหมชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหนอนไหมหลิวเซียงหรือไม่เจ้าคะ?”

“หนอนไหมหลิวเซียง” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มมองเสื้อผ้าบนร่างกาย นางไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหนอนไหมหลิวเซียง

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจ ถานอวี้ซูจึงพูดต่อ “หนอนไหมชนิดนี้กินใบหม่อนเป็นอาหาร อีกทั้งยังมีปุ๋ยที่ทำจากกลีบดอกไม้ นอกจากนี้ต้นหม่อนชนิดนี้ยังได้รับการใส่ปุ๋ยที่ทำจากกลีบดอกเป็นเวลาอย่างน้อยยี่สิบปี ใบหม่อนจึงมีกลิ่นหอมของดอกไม้ และหลังจากที่หนอนไหมกินใบหม่อนชนิดนี้แล้วไหมที่คายออกมาก็จะมีกลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งจะไม่มีวันจางหายไป ดังนั้นเสื้อผ้านี้จึงมีกลิ่นหอมจากตัวของมันเอง”

ถานอวี้ซูถูมือของนางอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “เดิมทีข้าคิดว่าคนอื่นใช้สิ่งนี้เพื่อหลอกลวงผู้คน แต่ข้าไม่คาดคิดว่าจะมีของจริงเช่นนี้ เหอะ ๆ วัสดุนี้คงจะหายากน่าดู”

เสื้อผ้าถูกส่งมาโดยฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างแผ่วเบา “ไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหน ตราบใดที่ใส่แล้วดูดีก็ดีแล้ว”

“ต้องดูดีอยู่แล้ว ท่านพี่ใส่ชุดนี้เหมือนนางเซียน งดงามจนข้าไม่สามารถละสายตาจากท่านพี่ได้” ถานอวี้ซูและกู้เสี่ยวหวานเดินออกจากห้อง ถานอวี้ซูพิงร่างของกู้เสี่ยวหวาน และสูดกลิ่นหอมจากร่างกายของนางอย่างต่อเนื่องด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ

อาจั่ว อาอวี้ และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างก็ปิดปากและหัวเราะเบา ๆ เมื่อพวกนางเห็นมัน

รถม้าของถานอวี้ซูจอดอยู่ข้างนอก ครั้งนี้รถม้าแตกต่างจากรถม้าตอนที่ไปวัดกว่างหยวนครั้งก่อน รถม้าคันนี้ตกแต่งอย่างหรูหราและสูงส่ง แผ่นหยกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพแขวนอยู่บนรถม้า แสดงถึงสถานะที่ไม่มีใครเทียบได้

หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้ว การตกแต่งภายในก็เหมือนกับรถม้าที่นางนั่งในครั้งล่าสุด หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานนั่งลง รถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวช้า ๆ

“ท่านพี่ ข้าได้ยินมาว่ามีคนจำนวนมากได้รับเชิญไปงานเลี้ยงตระกูลซู คนจึงมากกว่างานในครั้งก่อน” ถานอวี้ซูเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินซูและคุณหนูซูเป็นผู้ส่งเทียบเชิญให้กับนายน้อยและคุณหนูของขุนนางระดับห้าขึ้นไปในเมืองหลวง นอกจากนี้ยังได้รับอนุญาตให้ลูกของนางบำเรอมาร่วมงานนี้ด้วย”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เพ่ยหยาจะไปไหม”

“ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ นางต้องได้รับเทียบเชิญ แต่ตอนนี้ท่านแม่ของนาง…” ถานอวี้ซูเหลือบมองกู้เสี่ยวหวาน และทั้งสองก็สามารถเข้าใจความคิดของกันและกันได้

ฟางเพ่ยหยาคงไม่ไปร่วมงาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท