บทที่ 450 ใต้เท้า นี่คือตะเกียงแห่งชีวิตของท่าน!
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง
เสียงของเจ้ารัฐยอดฟ้าดังต่อมา
“ขณะเดียวกันในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้ยังมีพลังที่ทำให้คนเสียสติ ผู้ที่โดนโจมตีล้วนแต่เสียสติกันหมด ไม่แบ่งแยกศัตรูหรือพวกเดียวกัน ความนึกคิดของพวกเขาเหมือนถูกเปลี่ยน คิดว่าตัวเองเป็นเผ่าเซียนพิบัติ
“ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ที่รอดชีวิตกลับมาจากความตายในส่วนลึก ในบันทึกสามสิบหกเผ่าไม่มีใครมีจุดจบดีแม้แต่รายเดียว อีกทั้งวิธีการตายคือถูกผ่าท้อง ลำไส้กระกระจัดกระจาย
“บางรายผ่าท้องตัวเอง แต่ก็มีบางราย…ที่ถูกลำไส้ระเบิดจากภายใน ดังนั้นในบันทึกมีคำกล่าวอีกอย่างว่า ในส่วนลึกของสิบลำไส้ว่ามีพลังทำให้ลำไส้ของสิ่งมีชีวิตมีชีวิตขึ้นมา
“เรื่องพวกนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่านี้ อีกทั้งทุกครั้งที่เซียนแท้สิบลำไส้บานสะพรั่ง สิ่งประหลาดที่ปรากฏล้วนมีจุดที่แตกต่างเพิ่มขึ้นมาก ไม่แน่นอน ดังนั้นความอันตรายจึงเพิ่มมากยิ่งขึ้น
“โดยปกติแล้ว พวกเราสามสิบหกนครรัฐล้วนไม่เหยียบย่างไปในส่วนลึก แค่หาเก็บผลมรรคารอบนอกเท่านั้น ใช่แล้ว เกี่ยวกับเซียนแท้สิบลำไส้ความจริงยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่ง…”
เจ้ารัฐยอดฟ้ามองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“นี่เป็นเรื่องเล่าในผู้สืบสายเลือดเผ่าเซียนพิบัติ บอกว่าอันตรายทั้งหลายของเซียนแท้สิบลำไส้ความจริงแล้วล้วนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปรบกวน หากเทียบกับที่นี่เป็นหลุมศพ อันตรายพวกนั้นล้วนเตรียมไว้สำหรับโจรปล้นสุสาน
“พวกเขาไม่รู้วิธีเข้าไปที่ถูกต้อง จึงตายอนาถ เหมือนว่าอันตรายทุกอย่างที่นี่เป็นชิ้นส่วนแต่ละชิ้นๆ มีเพียงรู้วิธีที่ถูกต้อง จึงจะเหยียบย่างเข้าไปได้อย่างปลอดภัย
“ทว่าต่อให้เป็นผู้สืบสายเลือดเผ่าเซียนพิบัติที่เป็นชนพื้นเมืองของที่นี่ก็ไม่เคยรู้วิธีที่ถูกต้อง ดังนั้นเรื่องเล่าก็กลายเป็นเรื่องเล่าไปจริงๆ”
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด สายตาคล้ายกวาดไปที่นายกองไปตามอารมณ์ เขานึกถึงที่นายกองบอกก่อนหน้านี้ว่าจะมอบวาสนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินหาใดเปรียบให้กับตน
“ความคุ้นเคยที่นี่ของศิษย์พี่ใหญ่เหมือนว่าจะไม่ได้มาจากรายงานข่าวของเขตปกครองทั้งหมด”
สวี่ชิงครุ่นคิดในใจ เดินไปข้างหน้า
เวลาหมุนผ่านไปเช่นนี้ กลางวันผ่านพ้น ท้องฟ้าค่อนข้างมืดหม่น ประกายแสงยามอาทิตย์อัสดงสลัวรางเลือนปกคลุมผืนฟ้า พวกสวี่ชิงจากทั้งวันนี้ก็ได้เดินจากพื้นที่รอบนอกเซียนแท้สิบลำไส้มาถึงชายขอบของส่วนลึก
ชายขอบเกิดจากการสร้างขึ้น บนพื้นมีเส้นยาวๆ ที่วาดจากสีพิเศษล้อมรอบเซียนแท้สิบลำไส้ทั้งผืนเอาไว้
ที่นี่คนทั้งหลายหยุดฝีเท้า
ผลเก็บเกี่ยวในวันนี้สำหรับสวี่ชิงแล้วไม่น้อยเลย
มีเจ้ารัฐยอดฟ้านำทาง มีองครักษ์ชุดดำเก็บผลมรรคา นี่ทำให้จำนวนผลมรรคาของสวี่ชิงตอนนี้มากถึงสามพันกว่าลูก
ส่วนอันตรายก็ไม่ได้เจอสักเท่าไร มีเรื่องประหลาดบางอย่างบ้างประปราย แต่องครักษ์ชุดดำก็จัดการได้อย่างราบคาบ
โดยเฉพาะหลินหย่วนตงที่ทุ่มสุดตัว คุ้มกันอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงหลายครั้ง ท่าทางเหมือนนักรบกล้าผู้ภักดีปกป้องเจ้านาย ทุกครั้งที่สวี่ชิงพยักหน้าให้เขา ล้วนทำให้เขาฮึกเหิม
ตอนนี้สวี่ชิงยืนอยู่ริมชายขอบ ทอดสายตามองไปที่ไกล เจ้ารัฐยอดฟ้าที่อยู่ข้างๆ เอ่ยมาอย่างเคารพนอบน้อมว่า
“ใต้เท้าบุตรเทวะ พวกเราหยุดอยู่ถึงตรงนี้จะดีกว่า เส้นนี้เป็นเส้นที่แปรเปลี่ยนมาจากสามสิบหกนครรัฐทุกรุ่น ทุกสมัย ในนั้นคือความเสี่ยงและอันตรายอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
“ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬเรื่องนั้น ข้าน้อยได้ติดต่อเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางส่งมายังรัฐยอดฟ้า สำหรับผลมรรคาที่ใต้เท้าต้องการ ข้าก็ได้ติดต่อกับรัฐอื่นๆ แล้ว รอหลังจากนี้ครึ่งเดือน รัฐแต่ละรัฐเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นก็จะส่งมาให้ใต้เท้าเช่นกัน”
สวี่ชิงและนายกองมองหน้ากัน จากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“โจวสิงอู ตะเกียงแห่งชีวิตของข้าส่งมาถึงแล้วหรือยัง”
หลินหย่วนตงได้ยินก็ตัวสั่นสะท้าน โจวสิงอูที่อยู่ข้างๆ เขานิ่งเงียบมาตลอดทาง เอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกมา
“ใต้เท้า ที่นี่การถ่ายทอดเสียงถูกจำกัด ข้าน้อยไม่ทราบว่าดำเนินไปถึงขั้นใด คิดว่าหลังจากที่พวกเรากลับไปก็จะได้ข้อสรุป
“เจ้ากลับไปตรวจสอบสักหน่อย เอาตะเกียงแห่งชีวิตมาให้ข้า ข้าจะรออยู่ที่นี่” สวี่ชิงขัดสมาธินั่งสมาธิ พูดออกไปอย่างสงบนิ่ง
คิ้วของโจวสิงอูขมวดมุ่น คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะกลับไปยังรัฐยอดฟ้า จะไปในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้
‘บุตรเทวะผู้นี้รีบร้อนอยากได้ตะเกียงแห่งชีวิตขนาดนั้นเชียวหรือ’ โจวสิงอูหรี่ตา ขณะที่เงียบนิ่งขบคิด เจ้ารัฐยอดฟ้าหลังจากมองสวี่ชิงด้วยความหมายลึกซึ้งผาดหนึ่งก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
“หรือใต้เท้าบุตรเทวะจะมีเคล็ดวิชาลับสามารถกระตุ้นสายเลือดที่เหือดแห้งในตะเกียงแห่งชีวิต ทำการลบล้างคำสาปบางอย่างจากเซียนแท้สิบลำไส้ได้จากการนี้ คิดจะเข้าไปในส่วนลึกหรือขอรับ”
ได้ยินเจ้ารัฐยอดฟ้าเอ่ยปากเช่นนี้ สวี่ชิงในใจค่อนข้างประหลาดใจ ในยามที่มองไปทางเจ้ารัฐยอดฟ้า อีกฝ่ายหันหน้าไปไม่สบตากับตน แต่เอ่ยเสียงต่ำทุ้มพูดกับโจวสิงอู
“ใต้เท้าโจว บุตรเทวะออกคำสั่ง ยังไม่รีบไปอีก!”
โจวสิงอูคิดๆ สะกดความสงสัยในใจ เรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนมากเท่าไร ขอแค่ทำตามหน้าที่ให้ดีก็พอ จึงทิ้งองครักษ์ชุดดำบางส่วนเอาไว้ ตัวเองพาส่วนที่เหลือจากไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังรัฐยอดฟ้า
จากการจากไปของเขา ที่นี่ก็เงียบสงบ แสงพรายระยับจากแสงอาทิตย์ยามเย็นสลัวรางเลือนบนท้องฟ้าค่อยๆ มืดหม่น ทั่วทั้งผืนป่าค่อยๆ มืดมิด เจ้ารัฐยอดฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น หันหน้าทอดสายตามองไปยังรัฐยอดฟ้า แล้วมองไปยังทางที่ไกลออกไปอีก
ตรงนั้นเป็นทิศของรัฐสายลมสวรรค์ ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่ลูกชายของของเขาอยู่ สีหน้าของเขาในขณะนี้ฉายแววซับซ้อนขึ้นมากกลุ่มหนึ่ง
นายกองมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เงียบนิ่งไม่พูดจา ส่วนสวี่ชิงก็แผ่ประสาทสัมผัสออกไป เหนือแสงประกายรุ้งสีแดงสลัวรางเลือนแผ่พลังอำนาจกดดันกลุ่มหนึ่งออกมา นั่นคือเทวรูปฟ้าทมิฬ
มายังเซียนแท้สิบลำไส้ สวี่ชิงย่อมไม่มีทางไม่เตรียมการอะไร แม้เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเทวรูปฟ้าทมิฬทางนั้นให้เป็นพลังพระจันทร์สีม่วงได้โดยสมบูรณ์ แต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อการออกคำสั่งของเขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในขณะที่องครักษ์ชุดดำรอบๆ แต่ละคนต่างขัดสมาธินั่งรอ เจ้ารัฐยอดฟ้าที่ทอดสายตามองไปที่ไกลๆ จู่ๆ ก็หันมามองทางสวี่ชิง เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นว่า
“ใต้เท้าบุตรเทวะ บุตรชายข้ามีพรสวรรค์เป็นเช่นไรขอรับ”
“มู่เยี่ยมีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา พรสวรรค์เลิศล้ำ เป็นชนชั้นของคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่จำกัดอนาคตของเขา” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
แสงอาทิตย์ยามอัสดงสะท้อนในดวงตาของเจ้ารัฐยอดฟ้า บดบังความมีชีวิตชีวา ทำให้คนนอกมองสีหน้าและความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเขาไม่ออก แค่เพียงได้ยินคำพูดพึมพำของเขา
“ข้าเป็นชนชั้นทหาร ชนชั้นสี่ กำหนดไว้แล้วว่าลูกหลานชนรุ่นหลังนอกเสียจากจะมีผู้บำเพ็ญฝืนชะตาชีวิตถือกำเนิดขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชนชั้นนี้ได้…โชคดีที่เขาได้รับความสำคัญจากใต้เท้าบุตรเทวะ ยกระดับชนชั้นของเขาไปจนถึงชนชั้นที่สูงส่งที่สุด
“ใต้เท้าบุตรเทวะเป้าหมายของท่านนับตั้งแต่แรกก็คือส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้ใช่หรือไม่ ท่านสูงส่งเป็นถึงบุตรเทวะเผ่าฟ้าทมิฬอยากได้อะไรย่อมมีตำหนักเทวะออกคำสั่งให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์นำไปให้ท่านก็ได้แล้ว
“หรือไม่ก็ที่ที่อันตรายเช่นนี้ต้องมีผู้คุ้มครองคอยติดตามจึงจะถูก…”
สวี่ชิงจิตใจเคร่งเครียด นายกองเข้ามาใกล้สามสี่ก้าว แต่พวกเขาพบอย่างรวดเร็วว่า องครักษ์ชุดดำรอบๆ แต่ละคนๆ ล้วนหลับตา เข้าสู่ห้วงนิทราลึกโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเข้าใจแล้ว ใต้เท้าบุตรเทวะ ที่เผ่าฟ้าทมิฬท่านจะต้องมีคู่แข่งอย่างแน่นอน ขั้วอำนาจคู่แข่งของท่านยิ่งใหญ่มาก และบุตรเทวะก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว ต่างต้องแข่งขันกันใช่หรือไม่
“ดังนั้น ครั้งนี้ท่านจึงต้องมาเอง เพื่อวาสนาที่ไม่อาจล่วงรู้ของที่นี่ เหมือนกับการชิงบัลลังก์ของราชวงศ์สายลมสวรรค์แบบนั้น แต่แม้ท่านจะมีคู่แข่ง ทว่าสำหรับพวกเราตัวเล็กๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะผู้ที่ท่านเลื่อนชนชั้นให้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบให้
“อย่างไรเสียนี่ไม่เหมาะสมกับฐานะ ตามหลักทฤษฎีแล้วก็เป็นเช่นนี้”
เจ้ารัฐยอดฟ้าพึมพำ จากนั้นก็หันไปมองทางสวี่ชิง ในดวงตาฉายแววล้ำลึก
“ใต้เท้า ครั้งนี้ท่าน…หลังจากที่เข้าไปในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้แล้ว จะกลับมาอีกหรือไม่”
“ท่าน…จะไม่กลับมาแล้ว ใช่หรือไม่” เจ้ารัฐยอดฟ้าในสายตาฉายแววล้ำลึก
สวี่ชิงมองดวงตาของเขา คำพูดพึมพำของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นการปลอบใจตัวเอง
จะอย่างไรเป็นเจ้าปกครองของรัฐหนึ่ง ต่อให้เป็นรัฐเล็กๆ แต่ความคิดสติปัญญาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
แต่มาถึงจุดนี้ สงสัยหรือไม่สงสัยก็ไม่สำคัญแล้ว เรื่องเลื่อนชนชั้น ผูกมัดพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน
“ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ไม่กลับมาแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง แม้จะตอบอีกฝ่าย แต่คำพูดประโยคนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เจ้ารัฐยอดฟ้าได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไร ขัดสมาธินั่งลง เงียบนิ่งไม่พูดจา
ส่วนองครักษ์ชุดดำรอบๆ ตอนนี้ก็ตื่นขึ้นมาทันที สีหน้าไม่มีความผิดปกติอะไร เห็นได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้ตัวว่าตัวเองหลับลึก
เวลาก็หมุนผ่านไปเช่นนี้เอง ในยามที่ราตรีมาเยือน จากในป่าที่ไกลก็มีเสียงแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว ในยามที่เจ้ารัฐยอดฟ้าในดวงตาฉายประกายเย็นวาบมองไปทางนั้น โจวสิงอูก็นำลูกน้องใต้บัญชาการ เหาะประชิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของโจวสิงอูเป็นปกติ ทว่าในใจกลับมีระลอกคลื่นอารมณ์ สิ่งที่ทำให้เขาเกิดระลอกคลื่นอารมณ์คือตะเกียงแห่งชีวิต เขาเอาตะเกียงแห่งชีวิตมาดวงหนึ่งได้จริงๆ!
ราชวงศ์สายลมสวรรค์ส่งตะเกียงแห่งชีวิตมาจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ในใจเขาแน่ใจในฐานะของสวี่ชิงอีกสามส่วน หลังจากที่มาถึงเขาก็ประสานหมัดคารวะ ขณะสะบัดมือก็มีตะเกียงแห่งชีวิตสีแดงชาดดวงหนึ่ง ปรากฏขึ้นในมือของเขายื่นให้สวี่ชิง
ด้วยความสามารถในการควบคุมจิตใจของสวี่ชิง หลังจากที่ได้เห็นตะเกียงแห่งชีวิตดวงนี้ก็ยังคงเกิดระลอกคลื่นอารมณ์เช่นกัน ยกมือคว้ากลางอากาศ ตะเกียงแห่งชีวิตสีแดงดวงนั้นก็มาอยู่ในมือ
รูปร่างของตะเกียงแห่งชีวิตเป็นปีกสีแดงเลือดข้างหนึ่ง ไม่ได้เป็นคู่ มีเพียงแค่ข้างเดียวเท่านั้น
ขนของปีกนกสลักได้อย่างมีชีวิตชีวาราวมีชีวิตจริง แผ่กลิ่นอายโหดเหี้ยมกระหายเลือดเป็นระลอกๆ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นตะเกียงที่เน้นการสังหารเป็นหลัก ไม่ธรรมดามากๆ ระลอกคลื่นพลังบนนั้นยิ่งน่าครั่นคร้าม
ถือตะเกียงแห่งชีวิตเอาไว้ ในใจสวี่ชิงรู้สึกราวไม่ใช่เรื่องจริง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะขอมาได้เช่นนี้
นี่เป็นตะเกียงแห่งชีวิตเชียวนะ สองดวงที่อยู่ในตัวเขาต้องสู้สุดชีวิตถึงจะได้มา
‘ดวงที่สาม!’ สวี่ชิงสะกดระลอกคลื่นในใจ เขารู้ว่าตะเกียงแห่งชีวิตใส่ไว้ในถุงเก็บของไม่ได้ ตอนนี้ก็ไม่เหมาะที่จะไปดูดซับ ต้องตรวจสอบก่อนถึงจะได้ จึงเก็บไว้ในอกเสื้อ
ส่วนชิงชิวและหนิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ มองสวี่ชิงเก็บตะเกียงแห่งชีวิตไปในอกเสื้อ จิตใจก็สั่นสะท้านรุนแรง
‘ไอ้เผ่าฟ้าทมิฬชาติชั่วสารเลว ข้าลำบากแทบตายยังเอามาไม่ได้แม้แต่ดวงเดียว ไอ้เผ่าฟ้าทมิฬแค่พูดประโยคเดียว…’ ชิงชิวกัดฟันกรอดในใจ
หนิงเหยียนก็สูดลมหายใจเช่นกัน จิตใจยากจะสงบ
“ใต้เท้าบุตรเทวะ ตะเกียงแห่งชีวิตมาถึงแล้ว เช่นนั้นต่อจากนี้พวกเราทำอะไรหรือขอรับ” เจ้ารัฐยอดฟ้าโค้งคารวะสวี่ชิงอย่างเคารพนอบน้อม เอ่ยขอคำแนะนำ
“เข้าไปในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้!” สวี่ชิงเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม ก้าวไปในเส้นข้างๆ เส้นนั้น
นายกองตามอยู่ข้างหลัง ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก ส่วนชิงชิวกับหนิงเหยี่ยนก็จนปัญญา ทำได้แค่ตามไป
โจวสิงอูลังเล
“ใต้เท้าโจว หน้าที่ของท่านคือคุ้มกันบุตรเทวะ หนทางต่อจากนี้อันตราย ท่านกับข้าร่วมกัน พวกเราจะต้องคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่บุตรเทวะ” เจ้ารัฐยอดฟ้าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม ก้าวข้ามเส้นเขตแดน
โจวสิงอูขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร หลังจากเงียบนิ่งครู่หนึ่งก็นำองครักษ์ชุดดำก้าวเข้าไป
และในพริบตาที่พวกเขาก้าวเข้าไปในเส้นเขตแดน ในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นทันที!
เงาเต้นระบำในภาพมายาที่เคยปรากฏในประสาทสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงในขณะนี้ก็ปรากฏขึ้นในเซียนแท้สิบลำไส้ที่ไกลๆ
ทะเลเพลิงมายาที่ก่อขึ้นตามมันรอบๆ ปกคลุมมันเอาไว้ ทำให้ร่างเริงระบำอยู่กลางเปลวเพลิง ขยับโยกย้ายตามไฟ
ท่ามกลางความรางเลือน เงาร่างจำนวนมากยิ่งขึ้นปรากฏออกมา กระทั่งเสียงร้องเพลงโบราณก็ดังก้องขึ้นเช่นกัน
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงเคร่งเครียด
ส่วนนายกองในดวงตากลับฉายประกายประหลาด ไม่มีใครค้นพบว่าในส่วนลึกของดวงตาเขาตอนนี้ มีใบหน้าที่เหมือนกับเขาทุกประการปรากฏขึ้น
ใบหน้าในดวงตากำลังอ้าปาก ส่งเสียงที่ไม่มีใครได้ยินออกมา และดูจากรูปปากของมัน…ก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงร้องเพลงโบราณที่ลมพัดมา
แต่ว่าในชั่วขณะต่อมา ใบหน้าในดวงตานายกองก็หายลับไป มุมปากของเขาฉายรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
ขณะเดียวกัน องครักษ์ชุดดำที่นี่กับเจ้ารัฐยอดฟ้าต่างทอดสายตามองการเปลี่ยนแปลงในที่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใต้เท้าบุตรเทวะโปรดระมัดระวังด้วย มีอะไรไม่ค่อยชอบมาพากล ที่นี่ต่างไปจากเมื่อก่อนนัก ไม่ว่าจะเป็นจากประสบการณ์ของข้าหรือในบันทึกโบราณ มิติมายาประเภทนี้ล้วนต้องเดินไปถึงจุดที่ลึกมากจึงจะปรากฏขึ้นถึงจะถูก”