บทที่ 557 เผชิญความตาย
“ตึง!”
เมิ่งข่ายที่เพิ่งเข้าร่วมการต่อสู้ใช้กระบี่ของตนต้านรับหอกของทหารประจำราชสำนักที่เกือบจะแทงหัวใจของหม่าฉางหมิง จากนั้นจึงบิดข้อมือเล็กน้อยปัดหอกของคู่ต่อสู้จนเสียทิศทาง เป็นการช่วยหม่าฉางหมิงจากห้วงวิกฤติเอาไว้ได้
เมิ่งข่ายที่แข็งแกร่งทัดเทียมขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ยามต้องเผชิญหน้ากับทหารประจำราชสำนักเหยียนเฟิงที่ขอบเขตมืดขั้นสูงสุด หาได้รู้สึกต้องกดดันไม่
“อู๋ฝาน ตายซะ!” หลังเล่นงานทหารประจำราชสำนักจนถอยกลับ เมิ่งข่ายก็ชี้ปลายกระบี่ตรงเข้าหาอู๋ฝานพร้อมบุกทะยานเข้าหา
เมิ่งข่ายทราบดีว่าจังหวะลงมือครั้งแรกเป็นสิ่งที่ต้องฉกฉวยเอามาให้ได้
หลังเห็นเมิ่งข่ายบุกเข้ามาสังหาร ทหารประจำราชสำนักตรงหน้าอู๋ฝานสามคนจึงพร้อมใจกันเข้ารุมสังหารอีกฝ่าย
“ศิษย์วังเมฆาสีชาด บุก!” เมิ่งข่ายในเวลานี้ไม่คิดเสียเวลากับทหารประจำราชสำนักอีกต่อไป เป้าหมายของเขามีหนึ่งเดียว นั่นคืออู๋ฝาน!
เมื่อเมิ่งข่ายออกคำสั่ง เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดที่รับชมอยู่จึงบุกเข้ามา ทหารประจำราชสำนักที่เหลือทางฝั่งของอู๋ฝานต่างก็เริ่มลงมือโดยไร้ซึ่งความกลัวเกรง ขณะนี้จึงเปิดฉากเข้าต่อสู้กับศิษย์เหล่านั้นโดยไม่รีรอ
ทหารประจำราชสำนักที่เหลืออีกสิบหกคนทางฝั่งอู๋ฝานต่างก็แข็งแกร่งเทียบขอบเขตมืดขั้นสูงสุด ศิษย์ทั่วไปของวังเมฆาสีชาดไม่มีทางต่อกรได้ แต่ที่นี่เป็นถิ่นฐานของพวกเขา จำนวนศิษย์ของสำนักมีมากมาย และขณะนี้พร้อมใจกันโหมบุกเข้ามา จึงสามารถอาศัยจำนวนเพื่อชิงความได้เปรียบได้
“ใช้พวกมากเข้ามา? เหอะ เหอะ!” อู๋ฝานที่เห็นเผยยิ้มบาง
จากนั้น คนอีกยี่สิบคนก็ปรากฏข้าง ๆ อู๋ฝาน พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่สภาพราวกับเศษผ้า ทั้งยังถืออาวุธหลากหลาย ออร่าที่ปรากฏนั้นอ่อนแอกว่าเหล่าทหารประจำราชสำนัก แต่หากเทียบกับเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาด พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ทหารทัพกบฏ!
อู๋ฝานใช้งานป้ายอัญเชิญระดับทองเรียกทหารกบฏยี่สิบคนออกมา ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหล่านี้ด้อยกว่าทหารประจำราชสำนัก แต่อย่างไรก็แข็งแกร่งทัดเทียมขอบเขตมืดขั้นกลางและขั้นสูง ขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่ของวังเมฆาสีชาดมีขอบเขตมืดอยู่แค่น้อยนิด ดังนั้นเมื่อเทียบเปรียบด้านกำลังสู้รบ ทหารกบฏของฝ่ายชายหนุ่มจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาด
เมื่อเสริมกำลังรบด้วยทหารทัพกบฏยี่สิบคน สถานการณ์บนพื้นที่สู้รบจึงตึงเครียดอีกครั้งหนึ่ง เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดที่เดิมคิดใช้จำนวนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ ขณะนี้กำลังเผชิญกับความแข็งแกร่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมถึงมีคนมากมายปรากฏตัวอย่างกะทันหัน? ทั้งยังไม่ได้อ่อนแอเลยด้วย?” เมิ่งข่ายที่ได้เห็นทหารกบฏยี่สิบคนเข้าร่วมการต่อสู้ ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าท่าทีหวาดกลัวออกมา
ครั้งนี้เขาก็ยังไม่อาจเห็นว่าคนเหล่านี้ปรากฏตัวได้อย่างไร พวกเขาโผล่ขึ้นมาประหนึ่งออกจากอากาศธาตุก็ไม่ปาน
“ต้องไม่ปล่อยให้ไอ้หนูนี่รอดชีวิต!” เมิ่งข่ายหรี่ตามองอู๋ฝานพร้อมพึมพำ
วิธีการของอู๋ฝานทำให้เขาหนาวเย็นถึงสันหลัง เนื่องจากยังไม่ทราบฝีมือของอีกฝ่าย แต่แค่การเรียกตัวยอดฝีมือย่างกะทันหันเพื่อให้มาสนับสนุน ก็มากพอที่จะเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่แล้ว ขณะนี้ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่อาจลงรอยระหว่างอีกฝ่ายและวังเมฆาสีชาด มันจะต้องเป็นการต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้าง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเขาและวังเมฆาสีชาด ไม่ว่าด้วยอะไรวันนี้เขาก็ต้องสังหารชายหนุ่มให้จงได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เมิ่งข่ายจึงหยุดถ่วงเวลาและเริ่มบุกโจมตีใส่อู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง ราวกับคาดหวังจะช่วงชิงโอกาสในตอนที่กลุ่มคนซึ่งอู๋ฝานเรียกมากำลังพัวพันกับเหล่าศิษย์เพื่อสังหารผู้บัญชาการ
อู๋ฝานมองเมิ่งข่ายที่บุกเข้ามาสังหารตนเองพร้อมเผยยิ้มบาง ๆ ออกมา ไม่นานก็เอ่ยเบา ๆ กับอีกฝ่าย “เจ้าวังเมิ่ง เมื่อกี้ตอนฉันขอสู้ด้วยไม่ยอมสู้ ตอนนี้อยากสู้งั้นเหรอ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้ว!”
สิ้นคำกล่าวของอู๋ฝาน กลุ่มคนอีกยี่สิบคนพลันปรากฏตัวอย่างกะทันหันอีกครั้ง พวกเขาเหล่านี้สวมใส่ชุดเกราะสีดำ หมวกเกราะสีดำปกคลุมใบหน้าเอาไว้อย่างมิดชิด เหลือเอาไว้ให้เห็นเพียงดวงตาที่ทอประกายออร่าดำมืด ในมือของพวกเขาต่างก็ถืออาวุธสีดำสนิท ยามนี้ที่ยืนเคียงข้างอู๋ฝานจึงเป็นประหนึ่งเทพสงคราม
พวกเขาเหล่านี้คือนักรบโลกอสูรที่อู๋ฝานอัญเชิญออกมา!
ยังจะมีอีก?!
เมื่อเมิ่งข่ายพบเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้จึงแทบล้มทรุด อู๋ฝานยังเรียกกำลังเสริมออกมาไม่หยุดหย่อน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป วังเมฆาสีชาดที่เคยได้เปรียบทางด้านจำนวนจะไม่เหลืออะไรให้ได้เปรียบอีก
และที่ทำให้เมิ่งข่ายตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือกลุ่มคนที่ปรากฏตัวรอบกายอู๋ฝานไม่ได้อ่อนแอเลยสักคน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่เพิ่งปรากฏตัวล่าสุด เมิ่งข่ายรับรู้พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
“ฆ่ามัน!”
ขณะเมิ่งข่ายกำลังตื่นตระหนกต่อสภาวะพลังอันแข็งแกร่งของกลุ่มคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน อู๋ฝานกลับเอ่ยคำสั่งอันเยือกเย็นออกมา เพียงพริบตาเมิ่งข่ายจึงได้พบว่ากลุ่มคนทั้งยี่สิบที่เพิ่งปรากฏตัวมีออร่าอันดำมืดรายล้อมพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหมายจะสังหารตนเอง
หากเทียบกับทหารประจำราชสำนักที่ตะโกนเสียงดังเพื่อเพิ่มกำลังใจขณะต่อสู้ นักรบโลกอสูรเหล่านี้กลับต่อสู้อย่างเงียบงันไร้ซึ่งเสียงใด ราวกับพวกเขาเป็นใบ้ เพียงแต่ความเงียบนี้กลับกลายเป็นแรงกดดันให้ผู้คนรู้สึกว่าการรับมือกับเหล่าทหารประจำราชสำนักนั้นดีกว่ามาก
เมิ่งข่ายไม่มีเวลาให้คิดสงสัยว่าเหตุใดรอบกายอู๋ฝานจึงมีคนปรากฏตัวไม่หยุดหย่อน หลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเหล่านี้ที่เข้าปิดล้อม เขาไม่กล้าคลายความระวังแม้แต่น้อย
แต่หลังได้ต่อสู้จริง เมิ่งข่ายก็ได้พบว่าแม้ประเมินคนเหล่านี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว ทว่าก็ยังปรามาสกำลังของพวกเขาจนเกินไป ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายใต้วงล้อมของกลุ่มคน ทั้งยังเป็นความเสียเปรียบอย่างถึงที่สุด มันเสียเปรียบขนาดไม่มีช่องว่างเหลือให้ตอบโต้แม้แต่น้อย!
เมิ่งข่ายกำลังหวาดกลัวถึงขีดสุด!
เขาคือผู้แข็งแกร่งขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ไฉนเมื่อเผชิญหน้ากับคนกลุ่มนี้เขาจึงเป็นประหนึ่งเด็กน้อยเจอกับยอดฝีมือ? เขาไร้ความสามารถจะต่อสู้และตอบโต้ ทำได้ก็เพียงสกัดและต้านรับอย่างสูญเปล่า
“ฉัวะ!”
ขณะเมิ่งข่ายกำลังตื่นตระหนก ร่างกายก็ถูกอาวุธมีคมฟาดฟันเล่นงาน เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วจนการเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง
“ฉัวะ!”
เพียงเวลาไม่ถึงชั่วอึดใจ เขาถูกฟันอีกครั้ง และมันยังเป็นรอยแผลที่ใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อครู่!
การเคลื่อนไหวของเมิ่งข่ายเริ่มช้าลง สถานการณ์ที่กำลังเผชิญมีแต่จะยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที เมิ่งข่ายตายด้วยสภาพอันน่าอนาถท่ามกลางวงล้อมของเหล่านักรบโลกอสูร บรรดาศิษย์วังเมฆาสีชาดยังไม่ทันได้ตระหนักด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ตอนนี้ไม่เหลือผู้ใดที่สามารถช่วยพวกเขาได้อีกต่อไปแล้ว เจ้าวังของพวกเขาตายแล้ว!
เมิ่งข่ายที่ตายแล้วแสดงสีหน้าสงสัยและไม่ยินดี นับตั้งแต่ก้าวสู่ขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง เขาก็มีแรงทะเยอทะยานและเตรียมขึ้นเป็นใหญ่ โดยหวังว่าจะควบคุมทุกสำนักในเจียงโจว แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาถูกศัตรูบุกมาเยือนถึงสำนักและฆ่าตาย
เมิ่งข่ายไม่อาจทราบว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้จึงแข็งแกร่งอย่างมหาศาล อีกทั้งยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อความเจ็บปวด เมื่อกระบี่ของเขาแทงใส่อีกฝ่าย พวกเขาไม่แม้แต่จะชะงักหรือหลบเลี่ยง ราวกับไม่สนใจซึ่งสิ่งอื่นใดนอกจากการต่อสู้
ตัวตนเหล่านี้ใช่มนุษย์หรือไม่?
อู๋ฝานเดินมายังร่างของเมิ่งข่าย ก้มมองยังสีหน้าของผู้ตายก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทีที่นิ่งสงบ “ฉันรู้ว่าแกมีข้อสงสัยมากมาย คนก่อนหน้าแกที่สงสัยอย่างเดียวกันนี้ก็เป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางเหมือนกัน บางทีพวกแกคงได้ไปพบกันในปรโลก ถึงตอนนั้นก็พูดคุยปรับทุกข์กันไป อย่างน้อยก็ยังได้คุยภาษาเดียวกัน”