บทที่ 596 ข้าชอบธรรมเนียมเช่นนี้ของจงหยวน
เซี่ยวั่งซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้ามองเขาแล้วตอบอย่างหนักแน่น “ไม่ใช่”
แววตาของชางฉีพลันอ่อนโยนลง มุมปากค่อย ๆ ยกขึ้น ก่อนจะยื่นมือออกไป “มานี่”
นางขยับเข้าไปใกล้เขาหนึ่งก้าว แต่ก็ไม่ได้เข้าไปใกล้กว่านั้น “ท่านข่าน คืนนี้ท่านไม่ควรมาอยู่ที่นี่”
ชางฉีวางมือลงแล้วลูบบนผ้าห่มของนาง “ที่ข้ามาเพราะอยากจะบอกเจ้า ผู้หญิงคนอื่นที่พวกเจ้าส่งมาข้าจะไม่แตะต้อง ให้พวกนางไปทำอย่างอื่นเถอะ”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น “วางใจเถอะ ข้าจะปฏิบัติตามกฎของพวกเจ้า แต่กฎบางอย่างที่ข้าไม่ชอบ ข้าก็จะไม่ปฏิบัติตาม”
นางไม่ตอบ แต่ภายใต้สีหน้าสงบนิ่งนั้นกลับมีความสับสนแฝงอยู่
“เรื่องบางเรื่องข้าจะไม่พูดบ่อย ๆ แต่ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็น” ชางฉีทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค ก่อนจะเดินออกไป
เซี่ยวั่งซูนั่งลง ไม่นานจื่อหลันก็กลับเข้ามา นางจึงเอ่ยว่า “ให้เสนาบดีจางส่งแม่นมซ่งกลับไปซะ นางไม่เหมาะที่จะตามข้าเข้าราชสำนัก รวมถึงสาวงามเหล่านั้นด้วย ให้เสนาบดีจางหรือแม่ทัพหู่เปินไปถามดู หากยอมกลับต้าจิ้นไปแต่งงานก็ให้เงินพวกนางก้อนหนึ่ง แต่หากไม่ยอม เช่นนั้นก็ต้องตามไปเป็นคนรับใช้ให้ข้าในราชสำนัก”
“เพคะ องค์หญิง”
ชางฉีออกมาจากในกระโจม ผู้ติดตามข้างกายอย่างอาเอ่อร์ไท่ก็เข้ามาหาเขา “ท่านข่าน องค์หญิงงดงามหรือไม่ขอรับ? ข้าเพียงแค่เห็นไกล ๆ จึงยังไม่ได้มองดูให้ชัด ๆ ขอรับ!”
ชางฉีปรายตามองเขา ก่อนจะเตะไปหนึ่งที “ผู้หญิงของข้าเจ้าจะมองทำไมกัน?”
อาเอ่อร์ไท่กุมก้นของตัวเอง ก่อนจะเดินตามไป “นางสวยกว่าซูตี๋หย่าไข่มุกบนทุ่งหญ้าของพวกเราหรือไม่ขอรับ?”
ชางฉีขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยคิดว่าซูตี๋หย่าเป็นผู้หญิงสวย”
อาเอ่อร์ไท่ประหลาดใจ “ซูตี๋หย่ายังไม่สวยอีกหรือขอรับ! นางอยากมีทายาทให้ท่านข่านมาตลอดนะขอรับ”
ชางฉีนั่งลงข้างกองไฟและดื่มเหล้าไปหนึ่งอึก ที่อกเสื้อของเขายังมีผ้าเช็ดหน้าสีแดงผืนนั้นเหน็บอยู่
ชางฉีหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาดูอย่างพิจารณา เขารู้สึกว่าต่อให้ใช้คำพูดที่สวยที่สุดของถู่เจียมาบรรยายดวงจันทร์ของเขาก็ยังไม่พอ
“องค์หญิงสวยที่สุด” ชางฉีพึมพำ
อาเอ่อร์ไท่กลับไม่เชื่อ “พรุ่งนี้ข้าต้องได้เห็นองค์หญิงด้วยตาตัวเองให้ได้”
ชางฉีหันหน้าไปมองทางกระโจม พรุ่งนี้หรือ~ พรุ่งนี้เขาก็จะแต่งงานแล้ว
มีภรรยาอย่างเป็นทางการ
ถู่เจียไม่เคยมีผู้หญิงจากแคว้นอื่นเป็นเค่อตุนมาก่อน
เขาจะต้องปกป้องนางให้ดี
“ท่านข่าน ท่านชอบอะไรในตัวองค์หญิงหรือขอรับ เมื่อวานท่านยังบอกว่าจะเอามาเป็นเครื่องประดับอยู่เลย”
ชางฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากผู้หญิงคนหนึ่งแม้แต่ก่อนตายก็ยังคงต้องการรักษาเกียรติให้เจ้า เจ้าก็คงประทับใจในความสง่างามของนางเช่นกัน”
…
ค่ำคืนในทุ่งหญ้า ยังสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าม้า เสียงวัวและแกะร้องได้อย่างชัดเจน
เซี่ยวั่งซูนอนไม่หลับทั้งคืน แต่ขบวนต้อนรับเจ้าสาวกำลังจะออกเดินทางแล้ว
วันนี้เป็นวันแต่งงานของนางกับชางฉี
คนที่มาหวีผมให้เซี่ยวั่งซูในตอนเช้าเป็นคนเก่าแก่ของถู่เจีย นางดูใจดีมาก เพียงแต่ตากแดดมานานหลายปี จึงทำให้มือของนางหยาบกร้านอย่างมาก
ตอนที่ลูบผมยาวสีดำสลวยของเซี่ยวั่งซู ปากก็เอ่ยชื่นชมไม่หยุด
จากนั้นหญิงสาวชาวถู่เจียที่พูดภาษาของสองแคว้นได้ก็เข้ามาในกระโจมพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะคารวะแบบถู่เจียให้กับเซี่ยวั่งซู “องค์หญิงผู้สูงส่ง ท่านยายอาตั่วบอกว่าท่านเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดที่นางเคยพบมา ผมของท่านเรียบลื่นราวกับขนแกะเลยเจ้าค่ะ”
เซี่ยวั่งซูไม่เคยได้ยินคำชมที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน จึงเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ “ขอบใจ”
“ท่านข่านบอกว่าท่านยายอาตั่วเพียงแค่มาหวีผมให้ท่าน และมอบคำอวยพรที่ดีให้ ดังนั้นท่านสามารถสวมชุดแต่งงานของต้าจิ้นได้ เพียงแต่ขอท่านได้โปรดเตรียมสายรัดเอวเพื่อจะมอบให้สามีด้วยก็พอเจ้าค่ะ”
เดิมทีนางคิดว่าถู่เจียก็จะให้นางสวมเสื้อผ้าของที่นี่ในวันแต่งงาน แต่ดูเหมือนว่านางจะคิดมากเกินไป
เมื่อนางสวมชุดแต่งงานใหม่อีกครั้ง และสวมมงกุฎหงส์ที่หรูหราและอลังการนั่นลงไป ทันทีที่ออกมาจากกระโจม ท่ามกลางแสงแดดก็พบว่าชางฉีได้สวมชุดมงคลสีแดงสดเช่นกัน
ผมของเขาถูกถักเป็นเปียเล็ก ๆ และมีลูกปัดสีแดงสดห้อยอยู่ มีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับบนใบหน้าหล่อเหลา
เสนาบดีจางทำตามกฎ โดยปิดตาแล้วพาขึ้นม้า กองทัพของต้าจิ้นต้องรออยู่ที่นี่ ส่วนคนที่ขับรถม้าแต่งงานก็เปลี่ยนเป็นอาเอ่อร์ไท่แทน
บรรดาผู้หญิงที่ไม่เต็มใจจะไปด้วยจึงถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ และเซี่ยวั่งซูก็ต้องติดตามสามีของนางเข้าไปในทุ่งหญ้าของถู่เจีย เข้าไปในราชสำนักและจัดงานแต่งงานของนางให้เสร็จสิ้น
เห็นได้ชัดว่ามงกุฎหงส์ที่หนักเพียงนี้ ทั้งยังมีกระโปรงที่ยาวรุ่มร่าม ทำให้เซี่ยวั่งซูแค่เดินเพียงก้าวเดียวก็ยังลำบาก
ในตอนนั้นเองชางฉีก็กุมมือของนาง ทำตามธรรมเนียมของต้าจิ้น ส่งนางขึ้นรถแต่งงาน ตามกฎแล้วผู้หญิงที่ออกเรือนไม่สามารถหันกลับไปมองบ้านเดิมได้
แต่เซี่ยวั่งซูกลับอดไม่ได้
ชางฉียืนอยู่ข้างกายนาง มองขนตาของแม่นางน้อยสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะโน้มกายแล้วเอ่ยเสียงเบา “อยากมองก็มองเถอะ”
พู่บนมงกุฎหงส์ขยับเล็กน้อย นางจึงเงยหน้าขึ้น ก่อนสบเข้ากับดวงตาที่อ่อนโยนของเขา
“ภายหน้ามีโอกาสข้าจะพาเจ้ากลับไป อีกอย่างพวกเราก็มีคาราวานพ่อค้าที่ไปต้าจิ้นอยู่แล้ว”
เซี่ยวั่งซูมองมือของเขาที่ยื่นมาให้ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจวางมือลงบนฝ่ามือของเขา
ฝ่ามือสะอาดแต่หยาบกร้าน หนังที่ด้านเหล่านั้นเมื่อสัมผัสก็ทำให้นางรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ชางฉีอุ้มนางขึ้นรถม้า เขาจับมือและจูบลงที่หลังมือของนาง “องค์หญิง ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
บ้าน นับแต่นี้ไปถู่เจียก็คือบ้านอีกหลังของนาง
ทางไปราชสำนัก นอกจากนางแล้วคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกปิดตาเอาไว้
หลายปีหลังจากนั้นนางก็ได้แต่คิดว่า ชางฉีไม่กลัวนางจะทรยศถู่เจียเลยอย่างนั้นหรือ?
แต่นับตั้งแต่วันที่เขาแต่งงานและให้สัญญากับนาง เขาก็เชื่อใจ มอบใจ และเข้าใจนางมากจริง ๆ
ทันทีที่พวกเขามาถึงราชสำนัก ทุกคนก็ถอดผ้าปิดตาออก
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ บนกระโจมต่างแขวนไข่มุกสีแดงเอาไว้จนเต็มไปหมด ธงหลากสีสันและผ้าสีสันสดใสปลิวไปตามสายลม เหล่านักรบร่วมกันร้องเพลงพื้นบ้านของถู่เจียจนเสียงดังกึกก้อง บรรดาเด็ก ๆ วิ่งไปรอบ ๆ รถแต่งงาน พวกจื่อหลันจึงนำลูกอมที่เตรียมไว้โยนให้พวกเขา
พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาต่างก็ไปเรียกคนอื่น ๆ ให้มารับด้วย
เนื่องจากชางฉีให้ความสำคัญกับนางมาก ดังนั้นทั้งราชสำนักจึงไม่มีใครกล้าดูถูกองค์หญิงแห่งต้าจิ้นผู้นี้
พวกเขาจึงต้อนรับว่าที่นายหญิงของราชสำนักอย่างดีที่สุด
ชางฉีอุ้มนางลงมาจากรถม้า
ตามกฎของต้าจิ้น ผู้หญิงต้องข้ามกระถางไฟด้วย
แต่เวลานี้เซี่ยวั่งซูที่ถือพัดทรงกลม กำลังพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฟังคำอวยพรของคนแปลกหน้าที่อยู่รอบตัว และพูดเบา ๆ ว่า “ข้าเดินเองได้”
ชางฉีเลิกคิ้วขึ้น พระอาทิตย์เคลื่อนมาอยู่ทางด้านหลังของเขา ก่อนเขาจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาบอกว่าการข้ามกระถางไฟเป็นการปัดเป่าสิ่งอัปมงคลออกไปเพื่อรับสิ่งดี ๆ เข้ามา ดังนั้นข้าจะอุ้มเจ้าข้ามไป และรับสิ่งไม่ดีเหล่านั้นไว้เอง
ภายหน้าข้าจะบังลมฝนให้เจ้า และคอยปกป้องเจ้า
ข้าจะรักเจ้าให้มากกว่าที่เสด็จพ่อของเจ้ารัก”
เขาพูดประโยคเหล่านี้จนจบโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงแม้แต่น้อย ใจไม่เต้นแรง และเสียงไม่สั่น จากนั้นก็อุ้มนางเดินวนรอบกระโจม ทุกรอยเท้าที่เขาก้าวเดินจะมีคนคอยกวาดอยู่ด้านหลัง
กลีบดอกดาวกระจายถูกโปรยลงมา แทนคำอวยพรของชาวถู่เจียที่มอบให้พวกเขา
เวลานี้พวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าหมอผี สาบานต่อพระเจ้าแห่งสวรรค์และเทพหมาป่า จากนั้นก็มีการตัดผมมาผูกกันเพื่อผูกพันเป็นสามีภรรยา
เขาก้มหัวลงให้นาง เพื่อให้นางตัดผมของเขาได้สะดวก จากนั้นก็ใส่ลงในถุงหอมพร้อมกับผมของนาง
“ข้าชอบธรรมเนียมนี้ของจงหยวน”
เซี่ยวั่งซูถูกเขาอุ้มขึ้นมา และพาเดินเข้าไปในกระโจมแต่งงานท่ามกลางเสียงตะโกนของเหล่านักรบ