ตอนที่ 325 พี่ชายกับน้องสาว
หลิวโจวถูกต้วนอวิ๋นหลางถามนิ่งอึ้งไปทันที “เจ้าของร้านเราไม่ใช่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องท่านหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางไม่ได้ตอบกลับ หันหลังเดินออกไป
“แปลกคน” หลิวโจวส่ายหน้าไม่เข้าใจ
ต้วนอวิ๋นหลางเดินตัวลอยไร้สติไปบนท้องถนนท่ามกลางผู้คนขวักไขว่
แสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ร้อนแรงมากนัก แต่กลับแสบตาจนเขารู้สึกปวดตา
“พี่ต้วน?” เมิ่งเฝ่ยได้พบสหายรักพอดี ยังไม่ทันได้แสดงความประหลาดใจระคนยินดี ก็พบว่าอีกฝ่ายตาแดง “นี่พี่ต้วนเป็นอันใดไปหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางตอบน้ำเสียงล่องลอย “พี่เมิ่ง บังเอิญจริง”
เมิ่งเฝ่ยเดินเข้าไปตบไหล่เขาเบาๆ “ไป ข้าไปดื่มสุรากับเจ้า”
ต้วนอวิ๋นหลางถูกเมิ่งเฝ่ยลากมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังสุราสองจอกลงคอไปก็ร่ำไห้ออกมา
เมิ่งเฝ่ยรู้กระจ่างใจดี แววตาที่มองต้วนอวิ๋นหลางเต็มไปด้วยความเห็นใจ “ที่แท้เจ้าก็ชอบคุณหนูโค่ว”
ต้วนอวิ๋นหลางนิ่งอึ้งไปทันที “เจ้าพูดอันใดน่ะ”
เมิ่งเฝ่ยกอดไหล่ต้วนอวิ๋นหลาง “ข้างนอกกำลังลือเรื่องไทเฮาพระราชทานสมรสให้คุณหนูโค่วกับซิ่วอ๋อง ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง”
“เจ้าได้ยินมาแล้วหรือ”
เมิ่งเฝ่ยกวาดตามองไปที่ประตูทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “ก็เพราะซิ่วอ๋องช่วยไทเฮาจนได้รับบาดเจ็บ ไทเฮาก็มีรับสั่งให้นายหญิงผู้เฒ่าเข้าวังตระกูลเจ้าเข้าวัง ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาแล้วไหมเล่า”
ต้วนอวิ๋นหลางนิ่งเงียบดื่มสุราไปอีกจอกหนึ่ง
เมิ่งเฝ่ยเห็นดังนี้ก็ถอนหายใจ “พระราชทานสมรสสำคัญยิ่ง พี่ต้วนปล่อยวางเถอะนะ”
“ข้าไม่ได้ชอบน้องชิง” ต้วนอวิ๋นหลางดื่มสุราไปคำหนึ่งก็สะอื้นไห้ “ข้าไม่มีน้องชิงแล้ว”
“ไม่ขนาดนั้นๆ คุณหนูโค่วแต่งงานไปก็ยังคงเป็นน้องชิงเจ้า”
“จำคนผิดแล้ว ปีที่แล้วคนที่บิดาข้าพากลับมาไม่ใช่น้องชิง แต่เป็นองค์หญิง…”
“พรวด!” เมิ่งเฝ่ยพ่นสุราออกมาทันที “พี่ต้วน พี่ดื่มมากไปแล้วกระมัง”
พอต้วนอวิ๋นหลางพูดจบ เมิ่งเฝ่ยกำลังเท้าคางอยู่ก็ลื่นพรวด “ดังนั้นพระราชทานสมรสตอนเช้า ไม่ถึงบ่ายก็ถอนรับสั่งกลับคืนแล้ว”
เรื่องราวในราชวงศ์ช่างสุดยอดเสียจริง
ตำหนักฉือหนิงกง
อารมณ์ไทเฮาสับสนอย่างยิ่ง ชี้ไปที่ซินโย่วเปลี่ยนทรงผมแต่งกายเป็นหญิงแล้วก็ตรัสถามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “ฮ่องเต้บอกว่านี่ไม่ใช่คุณหนูโค่ว แต่เป็นซินโย่ว บุตรีของซินซื่อหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ฮ่องเต้เห็นข้าแก่สายตาไม่ดีหรือ ก็วันปีใหม่วันนั้นข้าก็ได้เห็นคุณหนูโค่วด้วยตนเอง เห็นชัดๆ ว่าเป็นนาง”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แยมสรวลเฝื่อน “เพราะอาโย่วหน้าตาเหมือนกับคุณหนูโค่วมาก แม้แต่คนในตระกูลยายของคุณหนูโค่วก็ยังจำคนผิด”
“เหลวไหล!” ไทเฮาส่ายพระพักตร์
“ข้าเองก็รู้สึกน่าประหลาดมาก แต่ความจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ อาโย่วก็คือซินมู่ เสด็จแม่ ท่านดู อาโย่วเหมือนกับข้าตอนเด็กๆ ใช่หรือไม่”
ไทเฮาทอดพระเนตรบุตรชาย ก่อนทอดพระเนตรซินโย่ว จำต้องยอมรับว่าเป็นเช่นนี้จริง
หลังจากความตื่นตกใจแรกสุดผ่านไป ไทเฮาก็ยอมรับความจริงได้ง่ายยิ่งกว่า
นางระแวงมาตลอดว่าบุตรชายนางจะรับซินมู่เป็นบุตรชาย ให้บุตรชายซินซื่อได้ร่วมชิงตำแหน่งรัชทายาท ตอนนี้ในเมื่อเป็นหญิง ก็ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงแล้ว
บุตรสาวก็ดี!
ไทเฮาค่อยๆ เผยรอยแย้มสรวล “เหมือนฮ่องเต้ตอนเด็กจริงๆ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็แย้มสรวล “อาโย่ว ยังไม่เรียกเสด็จย่า”
ความเงียบของซินโย่วทำให้ไทเฮามองมา
“อาโย่ว?”
“หม่อมฉันมิกล้าล่วงเกินไทเฮาเพคะ”
“อะไรนะ” ไทเฮาได้ฟังก็ขมวดพระขนง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดจะผ่อนสถานการณ์ “อ้อ ก่อนหน้านี้ข้าพระราชทานให้อาโย่วดำรงตำแหน่งไต้จ้าวที่สำนักฮั่นหลินย่วน”
“นั่นไม่ใช่ตอนนางแต่งกายเป็นชายหรือ ตอนนี้กลับคืนสถานะบุตรสาวแล้ว หรือว่ายังต้องไปทำงานที่สำนักฮั่นหลินย่วน?”
ปฏิกิริยาแรกฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมคิดว่ามิใช่ แต่พอสบตาอัดอั้นตันใจและแลดูแค่นเยาะเล็กน้อยของสาวน้อย คำพูดที่ติดอยู่ที่ปากก็เลี้ยวไปเรื่องอื่น “เดิมก็เป็นตำแหน่งว่างสบายๆ จะไปทำก็ได้ไม่ทำก็ได้”
ไทเฮาทอดพระเนตรซินโย่วด้วยแววพระเนตรจับผิด สาวน้อยตรงหน้าเหมือนกับบุตรชายนางมาก มองจากภายนอกหาช่องโหว่ใดไม่ได้จริงๆ
“ในเมื่อกลับมาแล้ว ธรรมเนียมที่ต้องเรียนรู้ก็ต้องเรียนรู้ อย่าได้เสียพระเกียรติองค์หญิงแห่งราชวงศ์”
ไทเฮาตรัสได้ไม่ค่อยน่าฟังนัก แต่ด้วยสถานะนาง การกล่าวกับผู้น้อยเช่นนี้คล้ายว่าสมเหตุสมผล
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังคิดรับคำ ซินโย่วก็เอ่ยขึ้นว่า
“อาจเพราะหม่อมฉันไม่ทันได้เอ่ย ทำให้ไทเฮากับฝ่าบาททรงเข้าใจผิด ท่านแม่เลี้ยงดูหม่อมฉันมาอย่างยากลำบาก แต่ไรมาไม่เคยบอกหม่อมฉันว่าบิดาคือผู้ใด ตอนนี้ท่านแม่ได้จากไปแล้ว ก็ไร้หลักฐาน หม่อมฉันไม่อาจรับบิดาสะเปะสะปะได้ ตำแหน่งองค์หญิงก็มิกล้ารับจริงๆ เพคะ”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ในตำหนักก็เงียบกริบจนหากเข็มร่วงหล่นก็คงได้ยิน
ไทเฮาตกพระทัยก่อน จากนั้นก็กริ้วหนัก “วาจาเจ้าหมายความเช่นไร ไม่คิดกลับคืนสู่วงศ์ตระกูล?”
“เสด็จแม่ เรื่องเกิดกะทันหัน ทุกคนต้องการเวลาปรับตัว แต่มีเรื่องหนึ่งไม่อาจรอช้า” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยขึ้นได้จังหวะพอเหมาะ ทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี้ลง
ไทเฮาและฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต่างมองไปทางนาง
“ซิ่วอ๋อง ควรต้องบอกกล่าวเรื่องพระราชทานสมรสให้เร็วที่สุดหรือไม่ จะได้ไม่แพร่ออกไปให้เสียหน้า”
ไม่ว่าอาโย่วยินดียอมรับวงศ์ตระกูลหรือไม่ ความจริงที่นางกับซิ่วอ๋องเป็นพี่น้องกันก็ไม่อาจแปรเปลี่ยน
ไทเฮาได้ยิน สีพระพักตร์ก็แปรเปลี่ยน รีบรับสั่งขันทีทันที “รีบไปเชิญซิ่วอ๋องเข้าวัง”
ขันทีรับคำสั่งออกไป หลังองค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยขัดจังหวะ ไทเฮาก็ได้พระสติระงับโทสะลงไม่น้อย
นางโมโหอันใด นางไม่ขาดหลานชาย ยิ่งไม่ขาดหลานสาว เด็กสาวผู้นี้ไม่คิดยอมรับสถานะตนเอง คนที่เสียหายก็มิใช่นาง
หากนางโมโหเรื่องนี้ จะกลายเป็นการผลักดันให้บุตรชายนางรับรองเด็กคนนี้เร็วขึ้น
ไทเฮามองดูสายตาซินโย่วด้วยสายพระเนตรเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนบุตรชายแล้วอย่างไร กระดูกภายในนางยังคงเหมือนมารดานางที่ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรบุตรสาวแล้วก็ทอดพระเนตรมารดาตน รู้สึกปวดพระเศียรหนักมาก
“เสด็จแม่ เสวยพระกระยาหารกลางวันก่อนเถอะ”
“รอผิงเอ๋อร์เข้าวังมาก่อนดีกว่า ตอนนี้ข้ากินไม่ลง” ไทเฮาตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบ
ดีที่จวนซิ่วอ๋องไม่ไกลจากวังหลวงนัก รอไม่นาน ซิ่วอ๋องก็มาถึง
“ถวายบังคมเสด็จย่า เสด็จพ่อ เสด็จอา”
ซิ่วอ๋องถวายคำนับแล้วก็มองไปทางซินโย่วด้วยแววตาตกใจและยินดี
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่งเสียงกระแอมไอทีหนึ่ง ทรงดำรงท่าทีเคร่งขรึมต่อหน้าซิ่วอ๋องมากกว่า “เราเรียกตัวเจ้ามาตอนนี้ก็เพราะมีเรื่องหนึ่ง”
“เสด็จพ่อ เชิญตรัสพ่ะย่ะค่ะ”
“คุณหนูโค่วไม่อยู่แล้ว งานแต่งเจ้ากับคุณหนูโค่วตกลงยกเลิกไปก็แล้วกัน”
ซิ่วอ๋องสีหน้าเริ่มซีดเผือด ตกใจหันมองไปทางซินโย่ว “เสด็จพ่อ หม่อมฉันฟังไม่เข้าใจ คุณหนูโค่ว นาง นางไม่ใช่อยู่ตรงนี้…”
“นี่คือซินโย่ว ซินมู่คือสถานะหลังแปลงโฉมเป็นชายของนาง…”
ซิ่วอ๋องนิ่งอึ้งฟัง จนกระทั่งฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสคร่าวๆ จบ ก็ยังตั้งสติไม่ทัน
ตอนนี้ไทเฮากำลังโปรดปรานซิ่วอ๋อง โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นเด็กบ้านนอกที่ไม่ยอมรับวงศ์ตระกูล ก็ยิ่งรู้สึกโปรดปรานซิ่วอ๋องยิ่งขึ้น
เห็นเขาเช่นนี้ ไทเฮาก็ตรัสพระสุรเสียงเมตตายิ่ง “ผิงเอ๋อร์ อย่าได้เสียใจไป เอาไว้ให้ย่าเลือกคนที่ดีพร้อมทุกอย่างให้เจ้าเอง”
ซิ่วอ๋องยามนี้จึงได้สติคืนมา จ้องมองซินโย่ว
“กล่าวเช่นนี้ คุณหนูโค่ว…คุณหนูซินก็คือบุตรีของเสด็จพ่อกับฮองเฮา น้องสาวหม่อมฉัน…?”
ซินโย่วเม้มปากเงียบ
ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ช่าง นางไร้ทางเลือกที่จะต้องใช้ถสถานะซินโย่วมายืนอยู่ตรงนี้ ล้วนเป็นเพราะคนตรงหน้า
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังมีเรื่องมากมายต้องการคุยส่วนตัวกับซินโย่ว จึงตรัสว่า “เรื่องราวก็กระจ่างชัดแล้ว กินข้าวกันเถอะ”