หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่161 สมองป่วย

บทที่161 สมองป่วย

บทที่161 สมองป่วย

เขาไม่สนหรอกว่าจะเป็นหลานเยาเยาที่ช่วยไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามจะบอกว่าทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือของนางก็ได้

เย่หลีเฉินที่เดิมทีที่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นเบาๆ น้ำเสียงต่ำ เสียงหัวเราะเช่นนั้นทำให้หลานเยาเยาหมดคำพูด

คงถูกทำให้โมโหจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?

นางเพียงแค่ไม่ชอบเย่หลีเฉิน ต้องการทำให้เขาโมโหเท่านั้น

โรคนี้ต้องได้รับการตรวจ

ไม่ใช่เพราะเย่หลีเฉินพูดยอชื่นชมนาง แต่เป็นเพราะหานแสผู้นั้น

คนที่เป็นโรคแบบใดกัน ที่หมอทุกคนในโลกไม่สามารถรักษาให้หายได้?

นี่คือสิ่งที่นางสนใจมากที่สุด

ในนามของหมอคนหนึ่ง ผู้ป่วยพิเศษจะมีแรงดึงดูดอย่างมาก ดังนั้น หลังจากได้ยินเย่หลีเฉินหัวเราะเสียงต่ำ จึงกล่าวถาม: “เจ้าหัวเราะอะไร?”

“ข้าหัวเราะที่ความกล้าหาญของเจ้าลดลงเรื่อยๆ หรือว่า เฉพาะตอนที่มีอ๋องเย่อยู่ เจ้าถึงจะมีความกล้าหาญมากขึ้นอีกหน่อย?”

ตอกย้ำ!

ตอกย้ำได้ดี

แต่ไม่เป็นไร ในขณะที่นางกำลังปีนลงเสา จะยั่วให้เย่หลีเฉินโมโหสุดๆ ไปเลย

“เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าขี้ขลาดมาก เว้นแต่อยู่ต่อหน้าคนที่มีความกล้าหาญน้อยกว่าตนเองถึงจะแสดงความกล้าหาญ

เสด็จหลานรู้สึกว่าข้ากล้าหาญ อาจเพราะข้ากล้าหาญต่อหน้าเจ้าจนชิน สำหรับเหตุผลเพราะอะไร? เสด็จหลานคงต้องสำรวจตัวเองใหม่จะดีกว่า”

“หลานเยาเยา……” เย่หลีเฉินโมโหจนยืนขึ้นทันที

“เรียกเสด็จอาสะใภ้!” หลานเยาเยาพูดอย่างไม่เร่งรีบ

“เจ้า……”

เห็นท่าทางองค์ชายรัชทายาทที่โมโหมากราวกับกำลังจะกินคน หลานเยาเยาเพียงแค่ยิ้มอ่อน จากนั้นถอนหายใจกล่าว: “ช่างเถอะ ข้าเป็นคนที่เจรจาง่าย แม้ว่าวิชาการรักษายังคงตื้นเขิน แต่ความกล้าจับชีพจรก็ยังมีอยู่”

พูดอยู่ หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นแล้ว และเดินไปหาหานแส

แต่เดินไปได้ครึ่งทาง มืออ้วนๆ ข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางทางเดินอย่างกะทันหัน

“พระชายาเย่ ข้าน้อยอาการสาหัสกว่า จะตายในไม่ช้า อย่างไรก็ขอเชิญพระยาชาเย่ช่วยดูข้าน้อยก่อนเถิดขอรับ!”

เมื่อผู้นั้นพูดจบ ก็คุกเข่าลงดังตุ๊บ ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางที่ทรมานมาก

เอิ่ม…..

ก้อนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองนี้ตัวคืออะไร?

ดูเหมือนอายุจะสามสิบกว่าแล้ว แม้ว่าผิวจะไม่ซีดเหลือง แต่ก็ยังคงเหลืองเกินไป และรูปร่างอ้วนกลม ส่วนสูงดูจากสายตาไม่น่าสูงถึงจมูกของนาง……

คนนี้ป่วยรึไง?

ดูไม่ออกนี่นา! อย่างมากก็คือกินเยอะไปจนอ้วนท้วนสมบูรณ์

แต่!

ในเมื่อเย่หลีเฉินมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพาผู้ที่ไม่ป่วยมาด้วย

และแล้วนางจึงมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด แต่ไม่ว่านางจะสังเกตอย่างไร ก็ดูอาการไม่ออกว่าเขาป่วย

ดังนั้นนางจึงมองไปยังบนมือที่ยื่นออกมาของชายวัยกลางคนผู้นั้น

ดูเหมือนว่าควรจะต้องจับชีพจรถึงจะรู้อาการ จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือชายร่างเตี้ยวัยกลางคน

มือกำลังจะสัมผัสถึงข้อมือของเขา ก็รีบดึงมือกลับไปทันที ดูเหมือนวัสดุของเสื้อผ้าของชายร่างเตี้ยวัยกลางคนจะแตกต่างจากเสื้อผ้าปกติ อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาเล็กน้อย

หลังจากเหลือบมองหลายครั้ง ก็กล่าวเบาๆ กับฮัวหยู่อันที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เสี่ยวฮัว เจ้ามีผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าพกติดตัวหรือไม่?” เมื่อถามเสร็จ นางก็โบกไม้โบกมือทันที “ไม่ต้องแล้ว ข้าใช้วัสดุที่มีก็ได้! รบกวนหยิบกรรไกรมาให้ที”

หลังจากได้รับกรรไกรแล้ว พูดกับชายร่างเตี้ยวัยกลางคน:

“ข้าจะตัดชายเสื้อของเจ้าชิ้นหนึ่ง เจ้าไม่ถือสาใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่ถือสาขอรับ!”

นางเป็นถึงพระชายาเย่ผู้สูงส่ง เขาเป็นเพียงสามัญชน พระชายาเย่จะรักษาโรคให้เขา แค่ตัดชายเสื้อเพียงชิ้นเดียว ไม่ได้บอกว่าจะเอาเหรียญเงิน เขากล้าขัดขืนหรือ?

ทุกคนดูหลานเยาเยาตัดชายเสื้อชิ้นหนึ่งของชายร่างเตี้ยวัยกลางคนอยู่อย่างนั้น ด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน

แต่!

คนส่วนใหญ่รังเกียจและอยากรู้อยากเห็น มีเพียงคู่ดวงตาเดียวที่สงบและพร่ามัวคู่หนึ่งหรี่ลงเล็กน้อย แววตาแปลกๆ ในดวงตาของเขา

หลังจากหลานเยาเยาตัดผ้าออกชิ้นหนึ่งแล้ว จึงนำผ้าวางบนมือชายร่างเตี้ยวัยกลางคน จากนั้นก็จับชีพจรให้ผู้นั้นผ่านแถบผ้า

คือพิษนั่นเอง……

และพิษชนิดนี้แปลกมาก มันไม่ได้ซึมเข้าไปในเลือดเนื้อของชายร่างเตี้ยวัยกลางคน แต่แนบกับผิวหนังของเขา

พิษชนิดนี้นอกจากแปลกเป็นพิเศษแล้ว แล้วยังรุนแรงอย่างมากอีกด้วย

ผู้ที่ได้รับพิษ จะเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดถึงแก่ความตายหลังจากสามวัน หลังจากตายหนึ่งชั่วโมง กระดูกจะละลายกลายเป็นสายเลือด

และผู้ที่สัมผัสกับผิวหนังของผู้ที่ได้รับพิษ ก็จะติดเชื้อของสารพิษนี้ทันที

โชคดีที่เมื่อกี้ไม่ได้สัมผัสมือเขา ……

ตาเฒ่าพวกนี้เลวได้ใจจริงๆ ขุดหลุมไว้ลึกขนาดนี้ รอให้นางกระโดด!

โชคดีที่นางฉลาด ไม่กระโดดหลุมนี้

มิเช่นนั้น เพียงแค่นางติดเชื้อของสารพิษที่รุนแรงนี้จากผู้ที่ได้รับพิษ เย่หลีเฉินก็จะบอกว่า นางก็คือคนโกหก ไม่มีวิชาการรักษาเลยด้วยซ้ำ ยังจะแสร้งทำเป็นรู้วิชาการรักษา ที่ได้รับเชื้อจากสารพิษก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว

ชื่อเสียงจะถูกทำลายโดยข่าวลือไม่ว่า ชีวิตก็ไม่อาจรับประกันได้

“พระชายาเย่ อาการป่วยของข้าน้อยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

เมื่อเห็นหลานเยาเยาถอนมือออก ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ถามทันที

“ป่วย? ป่วยอะไร?เจ้าไม่ได้ป่วยเลย หากยังยืนยันที่จะให้บอกโรคชนิดหนึ่งออกมาล่ะก็ งั้นก็คือสมองป่วย”

นางฮึดฮัด แล้วกลับไปที่ตำแหน่งของนาง จ้องมองชายร่างเตี้ยวัยกลางคนอย่างเย็นชา

สายตาที่เย็นชานั้น ทำให้ชายร่างเตี้ยวัยกลางคนที่ถูกจ้องมีเหงื่อออกที่หน้าผาก

“พระชายาเย่ หากท่านจับชีพจรแล้วไม่ได้ แล้วทำไมต้องด่าประจานข้าน้อยด้วยล่ะขอรับ?”

ขณะที่พูดประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าชายร่างเตี้ยวัยกลางคนมีกำลังไม่เพียงพอ เห็นได้ชัดว่าใจไม่สู้

“หลานเยาเยา……”

“พูดกี่ครั้งแล้ว เรียกเสด็จอาสะใภ้ เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทของประเทศ ทำไมความจำสั้นนัก ทำไมแม้แต่ความสุภาพความละอายก็ลืมซะแล้ว?

ผู้อาวุโสในครอบครัวไม่ควรเรียกมั่ว สถานะต้องแบ่งให้ชัดเจน แม้ว่าอายุข้าจะน้อยกว่าเจ้า แต่ด้านที่เกี่ยวกับมารยาทและความละอายใจ ข้าก็สามารถสั่งสอนเจ้าได้”

เย่หลีเฉินเพิ่งพูดจบ ก็ถูกหลานเยาเยาขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที ยังถูกตำหนิอีกด้วย

ทำให้สีหน้าของเย่หลีเฉินดูน่าเกลียดราวกับกินแมลงวันเข้าไปร้อยตัว

เย่หลีเฉินตัดฟัดแน่น หน้าอกขึ้นและลงไม่นิ่ง อาจเป็นเพราะพยายามอดกลั้นความโกรธในใจ

เขาหลับตา ขมวดคิ้วหลายครั้งอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเงยหน้าขึ้น ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาของก็ถูกซ่อนเอาไว้แล้ว

“เสด็จอาสะใภ้ เจ้ามีวิชาการรักษายอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำไมไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเขาเป็นโรคอะไร? หรือว่าที่ตลาดเขาล่ำลือกันว่าเจ้ายอดเยี่ยมในเรื่องวิชาการรักษานั้น เป็นเพียงแค่เจ้าจงใจออกความคิดปล่อยข่าวร่ำลือออกมาหลอกลวงโลก เพื่อชื่อเสียงของเจ้าเอง?

หึ!

หากเป็นเช่นนั้นจริง เสด็จอาสะใภ้ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ! แม้แต่เสด็จพ่อยังหลอกลวงปิดบังไปได้ งั้นเสด็จอาสะใภ้รู้หรือไม่หลอกลวงปิดบังเสด็จพ่อก็เท่ากับหลอกลวงฮ่องเต้?”

น้ำเสียงของเย่หลีเฉิน เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความภาคภูมิใจ

ความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ คือต้องประหารชีวิต

เมื่อถึงเวลา เรื่องไปถึงท้องพระโรง แม้แต่อ๋องเย่ก็ปกป้องนางเอาไว้ไม่ได้

เดิมคิดว่าได้ยินคำเหล่านี้ หลานเยาเยาจะกลัวจนตื่นตระหนก แต่คาดไม่ถึง หลานเยาเยาไม่เพียงแต่ไม่แสดงร่องรอยของความกลัว กลับมีท่าทีที่สงบ และสุดท้ายยังยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“เสด็จหลานนะเสด็จหลาน เจ้ารู้จักประโยคๆ ที่ว่าอยากเล่นงานใครย่อมมีเหตุผลหรือหาข้ออ้างได้เสมอหรือไม่? ประโยคนี้หมายความถึงเจ้านี่เอง!

ข้าแค่บอกว่าเขาไม่ป่วย เจ้าก็ยังจะให้ข้ามีความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ หากเป็นเช่นนี้ เจ้าแทงข้าให้ตายเลยดีกว่า”

หลังจากพูดจบ

หลานเยาเยาส่ายหน้า ท่าทางราวกับผิดหวังอย่างยิ่ง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท