ตอนที่ 610 พวกเราหนีตามกันไปเถอะ ตอนที่ 611 ค้นหาความรู้ใหม่ๆ
ตอนที่ 610 พวกเราหนีตามกันไปเถอะ
พักอยู่บนที่ราบหิมะหนึ่งคืน จากนั้นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็กลับถึงโรงแรมก่อนเวลาอาหารเย็น
“คุณมู่คุณลู่ กลับมากันแล้วเหรอคะ” แม่บ้านโจวยิ้มเดินเข้ามาหาแต่ไกล
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานตอนเข้าไปทำความสะอาดห้องเห็นข้อความที่มู่เถาเยาทิ้งไว้ เธอไม่เห็นแขกเรียกใช้บริการนานขนาดนี้ คงเป็นห่วงจนไปแจ้งผู้จัดการหาวแล้ว เวลานี้เห็นทั้งสองคนเธอก็สบายใจ น้ำเสียงก็พลอยดีใจไปด้วย
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ค่ะ กลับมาแล้ว รบกวนแม่บ้านโจวจัดอาหารเย็นให้พวกเราด้วยนะคะ กินได้ทุกอย่างยกเว้นผักชีค่ะ”
“ได้ค่ะ ทั้งสองท่านเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ให้ทำอาหารเผ็ดๆ ไล่ความเย็นมาส่งก่อนไหมคะ เรามีเชฟใหญ่ที่ย้ายมาจากเมืองเซียงตูค่ะ”
“ได้ค่ะ เอาเป็นต้มปลาแล้วกันค่ะ พวกเราไม่ได้กินนานแล้วด้วย” เธอชักคิดถึงฝีมือทำอาหารของอาสะใภ้แล้วสิ
“ค่ะ อยากได้เผ็ดๆ หน่อย หรือเผ็ดนิดเดียวคะ หรือว่าเผ็ดกลางๆ”
“เผ็ดกลางค่ะ” พวกเขาสองคนชอบกินเผ็ด แถมสิวไม่ขึ้นด้วย
“ได้ค่ะ ฉันจะไปจัดการอาหารเย็นให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“ค่ะ ทำเสร็จแล้วเอามาส่งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีค่ะ”
หลังจากแม่บ้านโจวออกไปแล้วมู่เถาเยาก็นั่งบนโซฟาวิดีโอคอลคุยกับคนในครอบครัว ตี้อู๋เปียนประหนึ่งเป็นแม่ศรีเรือน ปอกผลไม้มาให้ก่อนแล้วไปจัดการข้าวของ จากนั้นก็จัดระเบียบรูปถ่าย
เสร็จงานพวกนี้อาหารเย็นก็มาส่งพอดี
ปลาต้มรสชาติเผ็ดชากลิ่นเตะจมูกมู่เถาเยา น้ำลายก็ถูกปล่อยออกมาโดยอัตโนมัติ
อาหารเย็นมื้อนี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตี้อู๋เปียนจ้องปากแดงเจ่อของมู่เถาเยาที่กินเผ็ดอยู่สักพัก จากนั้นก็ละสายตาอย่างยากลำบาก “ซาลาเปาน้อย เธอชอบกินอาหารอะไรมากที่สุด”
เขาเห็นเธอกินอะไรก็อร่อย ตัดสินยากมาก
มู่เถาเยาครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ดูเหมือนจะชอบหมดนะ”
“ไม่มีอาหารที่ชอบเป็นพิเศษเหรอ”
“งั้นก็…ปลามั้ง ปลาต้ม ปลานึ่ง ปลาน้ำแดง ปลาย่าง…ฉันชอบหมด”
“พวกเราเที่ยวจากใต้ ตะวันตก เหนือ จนมาถึงที่นี่ ขากลับจะเดินทางจากเหนือ ตะวันออก ใต้ ตอนไปถึงฝั่งตะวันออกพวกเราค่อยกินปลากับอาหารทะเลสดๆ เยอะหน่อย”
“อืม” ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม
เธอชอบบรรยากาศเวลาอยู่กันสองคนมาก จากเพื่อนกลายมาเป็น…แฟน ไม่มีความอึดอัดเลยแม้แต่น้อย มันเป็นธรรมชาติราวกับพวกเขาอยู่ร่วมกันมาหลายภพหลายชาติ
ไม่มีอะไรจุกจิกเลยจริงๆ แม้แต่ความคิดไม่แต่งงานที่เคยมีเมื่อก่อนนี้ก็เริ่มผ่อนปรนแล้ว
เธอไม่ใช่คนรักที่ทำตัวติดหนึบ ต่อให้แต่งงานแล้วมีอะไรต้องไปทำก็ไปทำ ไม่มีทางมีผลกระทบเพราะมีคนข้างกายเพิ่มมาหนึ่งคน ดังนั้นนอกจากเรื่องมีลูกเลี้ยงลูกที่ต้องให้เวลาหน่อยแล้ว อย่างอื่นก็สมบูรณ์แบบหมด
ตี้อู๋เปียนยื่นใบหน้าที่งดงามเหมือนเทพบุตรไปตรงหน้ามู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย คิดอะไรอยู่เหรอถึงยิ้มหวานขนาดนี้”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ เอามือลูบตากับปากแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันไม่เหมือนปกติเหรอ”
“ไม่เหมือนเลย! เมื่อกี้นึกถึงฉันอยู่ใช่ไหม น่าจะใช่ ใช่สินะซาลาเปาน้อย”
“…” เธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับดีล่ะ
ตี้อู๋เปียนอุ้มคนข้างกายขึ้นมานั่งบนตัก สองมือโอบเอวคอดของเธอไว้ ศีรษะก็พิงบ่าของเธอ ออดอ้อนสุดๆ
“ซาลาเปาน้อย อนาคตพอพวกเราแก่ตัวลงก็หาที่สำหรับเกษียณกันเถอะ หมู่บ้านเถาหยวนซานดีก็ดีอยู่หรอก แต่คนเยอะเกินไป” เขาอยากอยู่กันแค่สองคน ไม่ให้พวกลูกๆ กวนใจ
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง อ้อมมือไปด้านหลังแล้วลูบศีรษะของเขาที่พิงบ่าเธออยู่ “บางทีพอคุณแก่ลงอาจไม่คิดแบบนี้แล้ว เพราะเป็นที่รู้กันว่าคนแก่ชอบความครึกครื้น ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของคนแต่ละวัยก็ไม่เหมือนกัน ดีไม่ดียังไม่ทันแก่คุณก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว”
“คนอื่นจะคิดยังไงฉันไม่สน ฉันรู้แค่ว่าตัวเองต้องการอะไร ฉันแคร์แค่ว่าเธอต้องการอะไร”
“ไม่สน ยังไงซะตอนนี้ฉันก็คิดแบบนี้”
“กว่าพวกเราจะแก่จริงๆ อย่างน้อยก็อีกร้อยปีให้หลัง ไว้ค่อยว่ากัน”
“เกษียณก็หาที่สำหรับเกษียณ ไม่ต้องรออีกร้อยปีหรอก”
“กลัวแค่พอถึงตอนนั้นคุณจะตัดใจจากใครไม่ลง”
ตี้อู๋เปียนเงยหน้าจากบ่าของมู่เถาเยา ใช้สองมือประคองใบหน้าเธอให้หันมา จับจ้องดวงตากวางน้อยสุกใสของเธอ “ซาลาเปาน้อย ใครที่เธอว่าคือใคร”
“…แล้วคุณว่าใครล่ะ”
“ลูกสาวของเราซินเหยี่ย!”
มู่เถาเยาเกือบสำลักน้ำลายตัวเองอีกแล้ว
“ใช่ไหมซาลาเปาน้อย”
“ฉันรู้แค่ว่าคุณเป็นพวกตั้งชื่อได้ไม่เอาไหน”
“…ไม่เพราะเหรอ” ตี้อู๋เปียนขมวดคิ้ว “งั้นเธอตั้ง”
“…คิดไปไกลแล้ว ฉันอายุยังไม่ถึงยี่สิบสาม ฉันไม่มีทางคิดเรื่องแต่งงานมีลูกก่อนยี่สิบห้า”
ตี้อู๋เปียนเหมือนถูกฟ้าผ่า
“อย่างน้อยฉันต้องแบ่งเวลาสองปีมาตั้งใจวิจัยยา แต่งงานตั้งท้อง บางอย่างก็แตะไม่ได้แล้ว เช่นพิษ”
“งั้นเธอก็แต่งงานก่อนได้ อีกสองสามปีค่อยมีลูก” เขาก็ไม่อยากมีเร็วขนาดนั้นพอดี เพราะโลกที่มีกันแค่สองคนมันหอมหวานเหลือเกิน!
มู่เถาเยาอดแกล้งเขาไม่ได้ “คุณไปตกลงกับพ่อฉันก่อนค่อยมาตกลงกับฉันดีกว่านะ”
“ซาลาเปาน้อย ไม่งั้นพวกเราหนีตามกันไปเถอะ ไปอยู่ในที่ที่มีแค่เราสองคน”
“…”
มนุษย์ไร้เดียงสาผู้นี้เป็นลูกบ้านไหนกันนะ!
ตอนที่ 611 ค้นหาความรู้ใหม่ๆ
วันรุ่งขึ้นหิมะตกหนักมาก
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเข้าไปเดินเล่นในเมืองแล้วซื้อขนมกลับมา จากนั้นก็ทำตัวติดหนึบหยอกเย้าพลางสะสางงานต่างๆ ไม่ได้ออกไปไหนอีก
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ทั้งสองคนย้ายไปพักในบ้านน้ำแข็งกระจก
แสงจากฝั่งเหนือโอบล้อมสามร้อยหกสิบองศา พาให้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติโดยมีแค่ผนังกระจกกั้น
ตี้อู๋เปียนเดินรอบบ้านน้ำแข็งขนาดห้าสิบตารางเมตรนี้ “ด้านนอกมีทิวทัศน์อันงดงาม ด้านในอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ นี่ก็คือพลังแห่งเทคโนโลยี”
“นั่นสิ แค่ใช้ประตูหน้าต่างประหยัดพลังงานที่ปิดมิดชิดกักเก็บอุณหภูมิได้ก็ทำได้แล้ว”
ตี้อู๋เปียนปิดม่านที่อยู่ด้านโซฟา จูงมือมู่เถาเยาไปนั่งลง
“ซาลาเปาน้อย ที่นี่ยังมีบ้านน้ำแข็งหิมะทรงโดมที่แปลกพิเศษด้วย ทำมาจากอิฐน้ำแข็ง ต่อให้เธอก่อไฟในนั้นบ้านก็ไม่ละลาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพังทลาย มหัศจรรย์มาก”
“อืม ถึงแม้ตอนแรกความร้อนจากไฟจะทำให้ผิวอิฐละลายไปบ้าง แต่มันก็แค่ชั้นตื้นๆ จากนั้นผิวของบ้านน้ำแข็งก็จะค่อยๆ แข็งตัวจับเป็นชั้นเปลือกน้ำแข็งที่เงาวาวและแน่นหนา ซึ่งชั้นเปลือกชั้นนี้จะเป็นชั้นป้องกันที่ดีที่สุด ป้องกันความหนาวเย็นได้ ต่อให้ข้างนอกอุณหภูมิลงไปถึงลบห้าสิบองศา คนที่อยู่ในบ้านจะไม่ใส่เสื้อสเวตเตอร์ก็ยังได้ แบบนี้อุ่นกว่าในบ้านทางใต้ที่อุณหภูมิไม่กี่องศาด้วยซ้ำ”
อุณหภูมิของทางใต้ที่ติดลบมีค่อนข้างน้อย อย่างมากสุดก็แค่ติดลบไม่กี่องศา แต่เนื่องจากเป็นอากาศแบบหนาวชื้น จึงทรมานกว่าทางเหนือที่อุณหภูมิติดลบกว่ามาก
“ซาลาเปาน้อย อีกสองวันพวกเราไปพักบ้านน้ำแข็งหิมะกัน”
“อืม”
อันที่จริงการเที่ยวในตอนนี้ โรงแรมก็คือจุดหมายปลายทาง
ทั้งสองคนเก็บข้าวของแล้วออกไปนั่งรถนำเที่ยวชมในเขตโรงแรม
โรงแรมไม่เพียงแต่มีลานสกีกับบ่อน้ำพุร้อน ยังมีสวนสนุกดินแดนน้ำแข็งและหิมะ เช่น โลมาบนน้ำแข็ง แคร่เลื่อนบนพื้นน้ำแข็ง ขี่จักรยานบนพื้นน้ำแข็ง รถลากบนพื้นน้ำแข็ง ผลงานแกะสลักหิมะ วังน้ำแข็ง เป็นต้น
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กสองคน
พวกผู้ใหญ่ที่พาเด็กๆ มาก็เล่นกับพวกเขา
พอถึงเวลาอาหารพ่อแม่ของเด็กๆ ยังได้ชวนพวกเขากินข้าวด้วยกัน เด็กสามสี่ขวบก็ส่งสายตาออดอ้อนมู่เถาเยา
มู่เถาเยาภูมิคุ้มกันต่ำต่อสายตาเด็กอยู่แล้ว ย่อมตอบตกลง
เดิมทีตี้อู๋เปียนไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะเขาชอบแค่ตอนมีกันสองคน แต่มาคิดดูอีกที ซาลาเปาน้อยชอบเด็กนี่นะ เขาใช้ความชอบนี้คอยล้างสมองเธอเรื่อยๆ ได้ เร่งให้รีบแต่งงาน จะได้ไม่ต้องมีเสียงคัดค้านอีก
เนื่องจากเล่นกันค่อนข้างนาน พอกินข้าวเสร็จพวกเด็กๆ ก็หลับ คนสองกลุ่มจึงแยกกัน
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเดินเรื่อยเปื่อยเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงกลับเข้าบ้านน้ำแข็ง
เวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว บ้านน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ พากันเปิดไฟ เป็นทิวทัศน์ที่งดงาม
ตี้อู๋เปียนดึงม่านปิดหมดทั้งสี่ทิศ เหลือเพียงด้านบน
หลังจากล้างหน้าแล้วเขาก็ให้มู่เถาเยาไปอาบน้ำก่อน
ทั้งสองคนไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อน ดังนั้นไม่ว่าจะฤดูหนาวหรือฤดูร้อนใครอาบก่อนใครอาบทีหลังก็เหมือนกัน
“อืม” มู่เถาเยาหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำไปห้องน้ำ
ตี้อู๋เปียนนั่งไม่เป็นสุข เดี๋ยวมองห้องน้ำเดี๋ยวมองเตียงขนาดสองเมตร อีกสักพักก็เดินไปเดินมาในห้อง
เขารอคอยให้เกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งเหลือเกิน แต่อีกใจก็ลังเล ไม่รู้ว่าวันนี้ที่ร่วมเรียงเคียงหมอนจะราบรื่นหรือเปล่า
มู่เถาเยาสระผม อาบน้ำ ซักชุดชั้นในเสร็จเดินออกมา ตี้อู๋เปียนจะเข้าไปช่วยเอาผ้ามาตากโดยอัตโนมัติ
“…ฉันใช้กำลังภายในทำให้แห้งแล้ว คุณไปอาบน้ำเถอะ”
“ก็ได้”
ตี้อู๋เปียนสระผม อาบน้ำ ซักชุดชั้นในของตัวเองเหมือนกัน จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าใส่แล้วของทั้งสองคนใส่ถุงซักผ้า พรุ่งนี้ค่อยให้แม่บ้านโจวเอาไปส่งซัก
จัดการเรื่องต่างๆ เสร็จเขาเห็นมู่เถาเยานอนบนเตียงดูดาวแล้ว ตี้อู๋เปียนขึ้นเตียงอย่างเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย
พอถึงเวลาที่ต้องร่วมเตียงกันจริงๆ เขาก็รู้สึกเขินเหมือนกัน
มู่เถาเยาหลุดขำ “คุณรอคอยมาตลอดไม่ใช่เหรอ รีบนอนลงสิ วันนี้อาจมีแสงออโรร่านะ”
“อืม”
ตี้อู๋เปียนตอบพลางเอนตัวลง ตรงกลางกลับมีระยะห่าง
มู่เถาเยาอดหัวเราะไม่ได้
มาถึงขั้นนี้เธอกลับไม่เขินอายแล้ว เขากลับตรงกันข้าม
มู่เถาเยาหัวเราะจนตี้อู๋เปียนไม่ใช่แค่หูแดง หน้ายังแดงก่ำด้วย เหมือนหนุ่มน้อยใสซื่อที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน
มีคำพูดหนึ่งไม่ใช่เหรอว่า ‘ถ้าเราไม่อาย คนที่อายก็คือคนอื่น’ ถ้าเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ‘ถ้าเราไม่หน้าแดง คนที่หน้าแดงก็คือคนอื่น’
พอมู่เถาเยานึกถึงตรงนี้ก็ขำหนักกว่าเดิม
ตี้อู๋เปียนอายจนเข้าไปประกบปากเธอ
ปรากฏว่าพอเริ่มก็หยุดไม่ได้ เกิดเรื่องสวยงามที่สุดที่รอคอยมานานอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่มู่เถาเยารู้สึกไม่ค่อยดี เธอจึงชักสงสัยที่ตำราเขียนแล้ว
ตี้อู๋เปียนเห็นเธอขมวดคิ้วจึงเครียดขึ้นมาทันที “ซาลาเปาน้อย ฉัน…ฉันยังไม่ค่อยเป็น…พวกเราลองอีกสองสามครั้งคงดีขึ้น เหมือนจูบไง ดีขึ้นเรื่อยๆ”
มู่เถาเยาถาม “คุณไม่เคยดูหนังโป๊เหรอ”
“ฉันจะดูหนังแบบนั้นได้ยังไง!”
“…ผู้ชายไม่ได้ชอบดูกันหมดเหรอ”
“ฉันเป็นผู้ชายอื่นหรือไง ฉันเป็นผู้ชายของเธอ!”
มู่เถาเยาหลุดหัวเราะ
ตี้อู๋เปียนเห็นใบหน้ายิ้มของเธอก็เกิดอารมณ์อีกครั้ง…
คนที่สะท้อนในดวงตาคือคนของเธอ ร่วมค้นหาความรู้ใหม่ๆ ไปด้วยกัน ค่ำคืนนี้งดงามและล่องลอยไปในจินตนาการ
เหนือหลังคาฉาบด้วยแสงสีชมพูยาวนานตลอดคืน เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้น แสงแดดสว่างกลบแสงออโรร่า จึงมองไม่เห็นแสงออโรร่าสีชมพูที่เหมือนอยู่ในโลกความฝันอีกต่อไป