ตอนที่ 647 เจตนาเอาคืนของญาติที่ไม่ประสงค์ดี
เซี่ยไห่พูดจบก็มองไปทางคุณแม่เซี่ยอย่างโกรธเคือง
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่เซี่ยลำเอียงรักหลินจินซานอย่างไร้เหตุผล หลินจินซานขออะไรเป็นต้องให้ ก็คงไม่ถึงกับปล่อยให้หลินจินซานขับรถของเขาไปโอ้อวดแบบนั้น
เห็นไหมล่ะ อวดดีจนเกิดเรื่องขึ้นจนได้
สุดท้ายก็เป็นรถสุดรักสุดหวงของเขาที่ต้องรับเคราะห์
“รถชน?” ได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ คุณแม่เซี่ยและคนอื่น ๆ ก็เดินมาอย่างร้อนใจ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “จินซานไม่เป็นไรนะ? ชนที่ไหน? ตอนนี้คนอยู่ที่ไหน?”
“ผมไม่รู้”
น้ำเสียงเซี่ยไห่ห้วนมาก เมื่อครู่นี้เขาโมโหจนไม่อยากฟังจึงไม่ได้ถามว่าหลินจินซานเป็นอะไรหรือไม่
หลิวกุ้ยอิงได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีด ร้อนใจอย่างมาก
หล่อนเป็นห่วงหลินจินซาน และกังวลเรื่องรถยนต์ของเซี่ยไห่ด้วยเช่นกัน
ที่กลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ เรื่องนี้อาจทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว
คุณแม่เซี่ยพูด “รีบหาเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรกลับไปถามสิว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เมื่อครู่นี้เซี่ยไห่โมโหจนสติหลุดไปชั่วขณะ ได้ยินคุณแม่เซี่ยพูดอย่างนั้นก็ข่มความโกรธเอาไว้ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มกดเบอร์
โกรธก็ส่วนโกรธ แต่ก็ต้องยืนยันว่าหลินจินซานเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นไม่ได้เป็นอะไร
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเย่ไป๋ก็ดังขึ้นมา
เป็นหลินจินซานโทรมา
“จินซาน นายอยู่ไหน? ไม่เป็นไรนะ?” เย่ไป๋ถามอย่างเป็นห่วง
หลินจินซานตอบกลับเสียงอ่อน “อาเขย ผมไม่เป็นไร ผมขับรถของอารองไปชนเสาโทรศัพท์เข้า กระโปรงหน้ารถยุบไปแล้ว ผมอยากถามอาเขยว่าจะไปซ่อมได้ที่ไหน ผมจะเอารถไปซ่อม”
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? พวกเราจะไปหา”
หลินจินซานพูด “ผมอยู่ปากตรอกหูถงบ้านอาหญิงของชุนฟาง ตรงนี้ดูเหมือนจะเป็นถนนชิงซาน”
ชุนฟางที่อยู่ข้าง ๆ รับโทรศัพท์สาธารณะไปอธิบายตำแหน่งโดยละเอียด
“ได้ พวกนายอย่าเพิ่งร้อนใจ พวกเราไปถึงก่อนค่อยว่ากัน”
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกะทันหันก็ไปดูงิ้วไม่ได้แล้ว ทุกคนจึงกลับไปที่บ้าน
จากนั้นเย่ไป๋ก็ขับรถพาเฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่ไปจุดเกิดเหตุ
เซี่ยเหลยเป็นห่วงมาก อยากตามไปด้วย แต่เซี่ยไห่บอกว่าพี่ชายเดินเหินไม่สะดวก จึงไม่ให้เขาไป
เซี่ยเหลยดึงเซี่ยไห่มาข้าง ๆ เตือนเสียงเบา “อย่าอารมณ์ร้อน ฉันจะออกค่าซ่อมรถให้นายเอง”
เซี่ยไห่มองบนใส่พี่ชาย แต่ก็ไม่พูดอะไร
คุณแม่เซี่ยตามออกมาด้วย กำชับอย่างไม่วางใจว่า “เสี่ยวไห่ เรื่องนี้ฉันผิดเอง ฉันให้จินซานขับรถของแกไปเอง แกไปแล้วก็อย่าโมโหเลยนะ คนที่บ้านชุนฟางก็อยู่แถวนั้น ไว้หน้าจินซานบ้าง อย่าให้เขาคิดว่าบ้านเราใจแคบ ไม่รักใคร่กลมเกลียว”
พี่ชายกับแม่ล้วนมาเกลี้ยกล่อมเขา เซี่ยไห่แค่นเสียงอย่างโกรธ ๆ ขึ้นรถไปโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่
เฉินเจียเหอพูด “คุณย่า วางใจเถอะครับ อารองไม่ใช่คนแบบนั้น พวกเราจะจัดการเองนะครับ”
คนทั้งสามขับรถจากไป
หลิวกุ้ยอิงเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน เดิมทีฐานะพิเศษของหล่อนกับหลินจินซานก็ไม่ค่อยเสถียรเท่าไรนัก พอเกิดเรื่องแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
สิ่งที่หล่อนกลัวที่สุดก็คือรถไปชนกับอะไรเข้าจนพัง เซี่ยไห่ระเบิดโทสะ
หลิวกุ้ยอิงหันไปพูดกับคุณแม่เซี่ย
“แม่ ต่อไปไม่ต้องรับปากหลินจินซานเวลาเขาขออะไรอีกแล้วนะคะ รถแพงขนาดนั้นถ้าไปชนพังขึ้นมาจะทำยังไง ไม่รู้ว่าจะซ่อมได้ไหม”
ค่ารถยนต์หนึ่งคันเป็นเงินที่พวกหล่อนแค่คิดก็ยังไม่กล้า และพวกหล่อนรู้ว่าเซี่ยไห่รักรถของเขามากแค่ไหน
หลินจินซานตอบกลับเสียงอ่อน “อาเขย ผมไม่เป็นไร ผมขับรถของอารองไปชนเสาโทรศัพท์เข้า กระโปรงหน้ารถยุบไปแล้ว ผมอยากถามอาเขยว่าจะไปซ่อมได้ที่ไหน ผมจะเอารถไปซ่อม”
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? พวกเราจะไปหา”
หลินจินซานพูด “ผมอยู่ปากตรอกหูถงบ้านอาหญิงของชุนฟาง ตรงนี้ดูเหมือนจะเป็นถนนชิงซาน”
ชุนฟางที่อยู่ข้าง ๆ รับโทรศัพท์สาธารณะไปอธิบายตำแหน่งโดยละเอียด
“ได้ พวกนายอย่าเพิ่งร้อนใจ พวกเราไปถึงก่อนค่อยว่ากัน”
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกะทันหันก็ไปดูงิ้วไม่ได้แล้ว ทุกคนจึงกลับไปที่บ้าน
จากนั้นเย่ไป๋ก็ขับรถพาเฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่ไปจุดเกิดเหตุ
เซี่ยเหลยเป็นห่วงมาก อยากตามไปด้วย แต่เซี่ยไห่บอกว่าพี่ชายเดินเหินไม่สะดวก จึงไม่ให้เขาไป
เซี่ยเหลยดึงเซี่ยไห่มาข้าง ๆ เตือนเสียงเบา “อย่าอารมณ์ร้อน ฉันจะออกค่าซ่อมรถให้นายเอง”
เซี่ยไห่มองบนใส่พี่ชาย แต่ก็ไม่พูดอะไร
คุณแม่เซี่ยตามออกมาด้วย กำชับอย่างไม่วางใจว่า “เสี่ยวไห่ เรื่องนี้ฉันผิดเอง ฉันให้จินซานขับรถของแกไปเอง แกไปแล้วก็อย่าโมโหเลยนะ คนที่บ้านชุนฟางก็อยู่แถวนั้น ไว้หน้าจินซานบ้าง อย่าให้เขาคิดว่าบ้านเราใจแคบ ไม่รักใคร่กลมเกลียว”
พี่ชายกับแม่ล้วนมาเกลี้ยกล่อมเขา เซี่ยไห่แค่นเสียงอย่างโกรธ ๆ ขึ้นรถไปโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่
เฉินเจียเหอพูด “คุณย่า วางใจเถอะครับ อารองไม่ใช่คนแบบนั้น พวกเราจะจัดการเองนะครับ”
คนทั้งสามขับรถจากไป
หลิวกุ้ยอิงเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน เดิมทีฐานะพิเศษของหล่อนกับหลินจินซานก็ไม่ค่อยเสถียรเท่าไรนัก พอเกิดเรื่องแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
สิ่งที่หล่อนกลัวที่สุดก็คือรถไปชนกับอะไรเข้าจนพัง เซี่ยไห่ระเบิดโทสะ
หลิวกุ้ยอิงหันไปพูดกับคุณแม่เซี่ย
“แม่ ต่อไปไม่ต้องรับปากหลินจินซานเวลาเขาขออะไรอีกแล้วนะคะ รถแพงขนาดนั้นถ้าไปชนพังขึ้นมาจะทำยังไง ไม่รู้ว่าจะซ่อมได้ไหม”
ค่ารถยนต์หนึ่งคันเป็นเงินที่พวกหล่อนแค่คิดก็ยังไม่กล้า และพวกหล่อนรู้ว่าเซี่ยไห่รักรถของเขามากแค่ไหน
ปกติที่ให้หลินจินซานขับเป็นเพราะความจำเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ไม่อย่างนั้นเซี่ยไห่ก็อนุญาตแล้ว วันนี้หลินจินซานขับรถของเซี่ยไห่ไปเยี่ยมญาติถือว่าไม่เหมาะสมมากจริง ๆ
ถ้าเป็นหลานชายแท้ ๆ ของเซี่ยไห่ อะไร ๆ ก็พูดกันง่ายหน่อย
สิ่งที่ชวนกระอักกระอ่วนก็คือหลินจินซานแสดงตัวไม่ชัดเจนเลยสักนิด
เซี่ยเหลยมองความลำบากใจของหลิวกุ้ยอิงออก เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลหรอก จะต้องซ่อมได้แน่ แค่คนไม่เป็นไรก็คือโชคดีที่สุดแล้ว”
แต่ถึงอย่างนั้น พอเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้น หลิวกุ้ยอิงจะไม่กังวลใจได้อย่างไร
ที่หล่อนกลัวก็คือเซี่ยไห่โกรธ ไม่พอใจหล่อนกับลูกชาย
ตอนที่เซี่ยไห่ตัดพ้อคุณแม่เซี่ยเมื่อครู่นี้ หลิวกุ้ยอิงหน้าร้อนผ่าวไปหมด
เอ้อร์เลิ่งได้ยินว่าหลินจินซานทำรถเซี่ยไห่พังก็รู้สึกกังวลแทนหลินจินซานมาก
ในฐานะที่เป็นคนชนบทเหมือนกัน เขาสามารถเข้าใจได้ว่าหลิวกุ้ยอิงรู้สึกอย่างไร
รถยนต์คันหนึ่งคงมีราคาเท่ารถแทรกเตอร์เป็นสิบคันเลยกระมัง?
ในหมู่บ้านของพวกเขา รถแทรกเตอร์เป็นของล้ำค่าหายาก ทั้งหมู่บ้านมีอยู่สองคันเท่านั้น
หลินเซี่ยหันมาพูดกับเอ้อร์เลิ่ง “เอ้อร์เลิ่ง พวกเราเดินกันจนเหนื่อยแล้ว เธอพาหู่จือเข้าไปพักผ่อนในห้องเถอะ ถ้าเฉินเจียเหอกลับมาเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะไปเรียกพวกเธอเอง”
คราวนี้อารมณ์ของหลิวกุ้ยอิงไม่มั่นคงอย่างมาก จึงตำหนิหลินจินซานอย่างไม่อาจเลี่ยง หู่จือยังเป็นเด็ก เอ้อร์เลิ่งก็เพิ่งจะหายดี รับเรื่องแบบนี้ไม่ไหว เรื่องไม่ดีเหล่านี้ให้พวกเขามีส่วนร่วมน้อยหน่อยจะดีกว่า
เอ้อร์เลิ่งพาหู่จือเข้าห้อง คืนวานหู่จือดูทีวีกับทุกคนและดูพวกเฉินเจียซิ่งเล่นไพ่จนดึก พอเข้าไปในห้องก็ผล็อยหลับไป
เอ้อร์เลิ่งกลับนอนไม่หลับ เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร
เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงล้วนไม่มีแก่ใจทำกับข้าว แม้เขาจะเป็นแขก แต่มาอยู่ในบ้านคนอื่นเช่นนี้ก็ควรช่วยอะไรบ้าง
เอ้อร์เลิ่งพักผ่อนในห้องครู่หนึ่งก็แอบออกไปทำอาหารในครัว
ที่บ้านเกิดของเขา ตอนที่ญาติจะจากไปตอนบ่ายมักจะกินอาหารก่อนค่อยไป ไม่อย่างนั้นจะถือว่ารับรองได้ไม่ดี
เซี่ยอวี่เห็นหลิวกุ้ยอิงมีสีหน้าหนักอึ้งแบบนั้นก็รู้สึกหมดคำจะพูด
หล่อนไม่เข้าใจเลย คนไม่ได้เป็นไรเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องกลุ้มใจขนาดนั้น
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงกว่า พวกเซี่ยไห่ก็กลับมา
อู่ซ่อมรถปิดช่วงปีใหม่ ถึงรถเซี่ยไห่จะถูกชนจนยุบแต่ก็ไม่กระทบต่อการขับขี่
พวกเขาจึงขับรถกลับมา
หลินจินซานเดินคอตกตามหลังมา เข้ามาในบ้านด้วยท่าทางร้อนตัวและหวาดกลัวอย่างมาก
เห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็ตำหนิหลินจินซานอย่างอดไม่อยู่ แต่ถูกเซี่ยเหลยขวางเอาไว้
“จินซาน ไม่เป็นไรนะ?” คุณแม่เซี่ยถามเขาอย่างเป็นห่วง
หลินจินซานก้มหน้าตอบเสียงเบา “คุณย่า ไม่เป็นไรครับ”
“ไปชนได้ยังไงกันล่ะ?” เซี่ยเหลยถาม
หลินจินซานอธิบาย “ผมพาชุนฟางไปเยี่ยมบ้าน อาหญิงสองคนของชุนฟางอยู่ที่นั่นด้วยพอดี ตอนที่พวกหล่อนจะกลับก็บอกว่าไม่เคยนั่งรถยนต์มาก่อน อยากให้ผมไปส่ง ผมกับชุนฟางจึงไปส่งพวกเธอ ตอนไปถึงตรอกหูถงบ้านอาหญิงรอง อาเขยของชุนฟางโบกรถมั่ว ๆ ให้ผมตรงเข้าไปเรื่อย ๆ ผมไม่คุ้นเคยเส้นทางแถวนั้น จึงชนเข้ากับเสาโทรศัพท์เข้าโดยไม่ตั้งใจ”
หลินจินซานพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังโมโหไม่หาย
ที่น่าแค้นใจก็คือหลังจากรถชนเสาโทรศัพท์แล้ว อาเขยของชุนฟางไม่เพียงไม่เป็นห่วงรถ ยังพูดจาเหน็บแนมว่าทักษะการขับรถของเขาแย่เอง บอกว่าไม่ใช่รถตัวเองจึงไม่คุ้นเคย เห็นได้ชัดว่าขับไม่เป็น
วันนี้หลินจินซานขับรถเซี่ยไห่ไปเยี่ยมญาติ นอกจากจะไม่ได้สัมผัสกับความอิจฉาและคำป้อยอจากญาติ ๆ อย่างที่คิดไว้ ไม่ได้เติมเต็มความหลงตนที่ไร้แก่นสาร แต่กลับได้ความโกรธเต็มท้องกลับมาแทน
และทำให้เขาเข้าใจการเปรียบเทียบระหว่างญาติพี่น้องที่คนเฒ่าคนแก่มักพูดถึงอย่างถ่องแท้
อาเขยสองคนนั้นของชุนฟางอายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้วแต่ยังเป็นคนงานในโรงงาน เพราะอาหญิงของชุนฟางไม่มีงานทำ จึงต้องใช้ชีวิตอย่างกระเบียดกระเสียน ลูกสาวของพวกเขาอยู่ในวัยหาคู่พอดี ได้ยินว่าคู่ดูตัวที่ทาบทามกันอยู่ล้วนธรรมดา เมื่อก่อนชุนฟางมีนิสัยไม่ค่อยพูด ถือเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ญาติพี่น้อง ตอนนี้หน้าที่การงานไปได้สวย คู่ครองก็ดี หลินจินซานยังขับรถยนต์ของที่บ้านไปเยี่ยมด้วยอีกต่างหาก
ชุนฟางซึ่งเป็นลูกสาวที่ไม่โดดเด่นอะไร กระทั่งมีฐานะต่ำต้อยที่สุดในบ้าน กลับได้ดีขนาดนี้ ญาติ ๆ ที่อายุมากแล้วจึงรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรี
มีแต่ความอิจฉาริษยา
ก่อนหน้านี้อารองของชุนฟางอยากให้ชุนฟางพาญาติผู้น้องไปเรียนตัดผมด้วยกัน แต่ชุนฟางปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เพราะญาติผู้น้องของหล่อนเปลี่ยนงานมาหลายรอบแล้ว เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ นิสัยก็ไม่ค่อยดีนัก ชุนฟางกลัวว่าถ้าพาไปทำงานที่ร้านจะกระทบต่อชื่อเสียงของร้านจึงไม่ยอมรับปาก
คราวนี้ที่อาเขยของหล่อนจงใจชี้ทางส่งเดช หลินจินซานกับชุนฟางเชื่อว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะเจตนาเอาคืน