ตอนที่ 784 รังแกกบประจำวัน
ขณะที่นั่งอยู่บนรถม้าเพื่อไปวัดหนาหมัว ฉินหลิวซีเห็นว่าหลานซิ่งเงียบขรึมเล็กน้อย จึงเอ่ยปากถามว่า “รู้สึกไม่ค่อยดีนักใช่หรือไม่”
หลานซิ่งตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองนาง “เหตุใดเจ้าอาวาสน้อยจึงถามเช่นนี้”
“ที่มาฉีโจวก็เพื่อตามหาวังหลิงซวีที่หลานโย่วอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้กลับล่าช้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคงร้อนใจกระมัง”
หลานซิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “ความใกล้ชิดและความห่างไกลนั้นทำให้รู้สึกแตกต่างกัน เมื่อเทียบกับฮูหยินเริ่นผู้นั้น ข้าย่อมเอนไปทางหลานโย่ว บอกว่าไม่รีบก็เพียงแค่คำพูดต่อหน้าเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ต่อให้ข้ารีบ เรื่องที่เกินความสามารถของข้าเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะหาคนพบก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงอาศัยท่านเจ้าอาวาสน้อย ข้าเชื่อว่าท่านเรียงลำดับความสำคัญเป็น”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ตั้งแต่วันที่เจ้าปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ข้าได้ยินชื่อฉีโจวมากกว่าหนึ่งครั้ง มีเหตุการณ์หลายอย่างล้วนเกิดขึ้นที่นี่ เอ่ยตามตรง พวกเราที่เป็นศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ากำลังตามหาตัวปัญหาที่ค่อนข้างจัดการได้ยากอยู่คนหนึ่ง และคิดว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกันในนั้น จึงได้ตรวจสอบร่วมกัน เพราะว่าความบังเอิญหนึ่งครั้งนับว่าบังเอิญ แต่หากหลายครั้งรวมกันก็ต้องคิดให้ละเอียดบ้างแล้ว”
หลานซิ่งเป็นคนฉลาด ถามหยั่งเชิงว่า “ตัวปัญหาที่เจ้าอาวาสน้อยเอ่ยถึงนั้นมีพลังมหาศาล และไม่ใช่ผู้ที่คนธรรมดาอย่างข้าจะสามารถหาพบได้กระมัง”
ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่ทรงพลังมากจริงๆ มีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว”
รูม่านตาของหลานซิ่งหดลง หลายพันปี?
คนคนหนึ่งสามารถมีชีวิตได้หนึ่งร้อยปีก็นับว่าอายุยืนยาวแล้ว แต่ผู้ที่อยู่มาหลายพันปียังสามารถเรียกว่าคนได้อยู่หรือ คงต้องเรียกว่าปีศาจเฒ่าแล้วกระมัง
หลานซิ่งพ่นคำบ่นในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “ก็เป็นปีศาจเฒ่านั้นแหละ”
หลานซิ่งกลืนน้ำลาย เอ่ยว่า “ที่ท่านยืนกรานจะสืบเรื่องพระพุทธรูปนี้ก็เกี่ยวข้องกับปีศาจเฒ่าตนนั้นหรือ”
“ใช่”
ฉินหลิวซีลดสายตาลงมองดูถุงสัมภาระ เอ่ยว่า “และข้าสงสัยว่าหลานโย่วจะถูกศิษย์ทรยศอารามชิงผิงของพวกเราผู้นั้นยึดร่างไป และอาจเกี่ยวข้องกับปีศาจเฒ่าตนนี้ด้วย ดังนั้น…”
ก็คือเป็นเส้นสายเชื่อมโยงกัน ฮูหยินเริ่น หลานโย่ว ล้วนเป็นผู้โชคร้ายที่เกิดจากคนที่อยู่เบื้องหลังพระพุทธรูปมารองค์นี้
สถานการณ์ของฮูหยินเริ่นเป็นอย่างไรเขาก็ได้เข้าใจแล้ว ดวงวิญญาณหายไปเกือบหมด ส่วนหลานโย่วนั้นกลับถูกยึดร่างกักขังดวงวิญญาณไว้ ทั้งสองคนไม่ต้องเปรียบเทียบว่าใครน่าสังเวชกว่ากัน อนาถทั้งคู่
หลานซิ่งหวั่นใจ ฮูหยินเริ่นกลายเป็นคนตายทั้งเป็นแล้ว ส่วนหลานโย่วล่ะ
ไม่มีบทสนทนาอีกตลอดทาง
ฉินหลิวซีนั่งขัดสมาธิในรถม้า มือทั้งสองข้างร่ายคาถา โคจรมหาจักรวาล
เมื่อหลานซิ่งเห็นนางทำเช่นนี้ ถึงตัวเองมีเรื่องในใจแต่ก็ไม่ได้รบกวน เพียงแต่นั่งอยู่ที่ประตูรถ คิดไปเรื่อยเปื่อยอย่างเงียบๆ
มีความเคลื่อนไหวในถุงสัมภาระ ในที่สุดคางคกก็ทนไม่ไหว เพราะในถุงสัมภาระใส่พระพุทธรูปมารองค์นั้นไว้ มันเปิดฝากล่องหยกออก กระโดดออกมา หายใจเข้าออกอย่างแรง
“แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว!”
หลานซิ่งที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยถูกเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ตกใจ หันกลับมาก็ไม่มีใครนอกจากฉินหลิวซี
จากนั้นก็เห็นคางคกตัวหนึ่งกระโดดไปที่หน้าประตูรถ อุ้งเท้าทั้งสองข้างหงายไปข้างหลัง ลำตัวเอนไปข้างหลังเช่นกัน ก่อนที่ขาข้างหนึ่งยื่นออกมา ราวกับคนกำลังเหยียดแข้งเหยียดขา
หลานซิ่ง “!”
นี่มันอะไรกัน
คางคกนั่งอยู่ข้างประตู ราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เอียงศีรษะเล็กน้อย ยื่นอุ้งเท้าออกมาแล้วยกขึ้น “ทักทายกันสักหน่อย ข้าคือกิมเซียมซูสามขา[1]” ในภายภาคหน้า
หลานซิ่ง “…”
กิมเซียมซูสามขา? เกรงว่าเจ้าจะพิการมากกว่า!
เขาเคยเห็นรูปปั้นแกะสลักกิมเซียมซูสามขา ไหนเลยจะเหมือนมันที่อยู่ในสภาพพิการเช่นนี้
คิดจะหลอกใครหรือ
หลานซิ่งนึกถึงตอนก่อนที่จะเข้าเมือง มีเสียงดังมาจากด้านหลังของฉินหลิวซี ต้องเป็นมันแน่นอน
ประการแรกคือมีเรื่องที่หลานโย่วถูกยึดร่าง จากนั้นก็ติดตามฉินหลิวซีใช้เส้นทางหยินมาที่ฉีโจว ซ้ำยังได้เห็นคนเป็นที่ตายปลอมๆ และเห็นฉินหลิวซีถามยมทูต รวมไปถึงพระพุทธรูปมารกับปีศาจเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายพันปีอะไรเหล่านั้น ความรู้ของหลานซิ่งนั้นถือว่าเปิดกว้างแล้ว เขาไม่แปลกใจกับสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่นอกเหนือความเป็นจริงเหล่านี้อีกต่อไป
ผีก็เคยเห็นมาแล้ว คางคกตัวหนึ่งที่ทำท่าทางเหมือนคนและพูดภาษาคนได้ เขาย่อมสามารถสงบสติอารมณ์ได้แล้ว!
“หลานซิ่ง” เขาเอ่ยชื่อของตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
คางคกตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้ารู้ เจ้าก็คือคนที่รักร่วมเพศผู้นั้น”
หลานซิ่ง “?”
เขาหันศีรษะมา สายตามองลงไป จ้องไปที่ขาที่ถูกตัดขาดอย่างเห็นได้ชัดของมัน แล้วเอ่ยว่า “ขาพิการของเจ้านี้คงถูกคนตัดกระมัง เป็นเพราะปากหาเรื่องหรือ”
คางคกดีดตัวขึ้นมา “พูดอะไรก็ไว้หน้าคนบ้าง เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลานซิ่ง “เจ้าเป็นคนหรือ”
คางคกรู้สึกอาฆาตพยาบาทอย่างรุนแรง “!”
คนผู้นี้ช่างหยิ่งผยองนัก!
ฉี่ใส่เขาให้พองไปทั้งตัว
ในขณะที่มันคิดจะทำเรื่องชั่วร้าย ฉินหลิวซีก็กระแอมขึ้นมา
ความรู้สึกอยากจะฉี่ใส่ของคางคกถูกระงับไปในทันที ช่างเถิด มันเป็นถึงกิมเซียมซูสามขาจะไม่ถือสาคนธรรมดา
หลานซิ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองหนีพ้นการถูกฉี่ใส่กลับมามีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง
ฉินหลิวซีมองไปยังคางคก “เจ้าออกมาทำอะไร”
คางคกจึงเอ่ยตอบ “เจ้าเอาพระพุทธรูปองค์นั้นใส่ไว้ในถุงสัมภาระ ใครจะไปทนไหว ข้าหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว”
ฉินหลิวซีเหลือบมองถุงสัมภาระ เอ่ย “เจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไร ในเมื่อก่อนหน้านี้เดินเส้นทางมาร อยู่กับมันก็ควรจะสมรู้ร่วมคิดกันไม่ใช่หรือ”
รังแกกบประจำวันหรือ
คางคกตะโกนว่า “ก็ให้ข้าแก้ไขสิ่งที่ผิดกลับสู่ความถูกต้อง มีใจมุ่งสู่เต๋าบ้างไม่ได้หรือ”
เหอะๆ
ฉินหลิวซีเอาพระพุทธรูปมารออกมา ถามว่า “เจ้ารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติสักหน่อยหรือไม่ อย่างเช่นพลังวิญญาณที่เจ้าสัมผัสได้ตอนที่อยู่ในถ้ำอะไรนั่นก่อนหน้านี้ ในนี้มีพลังที่คล้ายคลึงกันหรือไม่”
คางคกส่ายหน้า “ไม่มีนะ ในถ้ำนั้นเป็นพลังวิญญาณ แต่ของสิ่งนี้กลับเต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย สองอย่างนี้จะเหมือนกันได้อย่างไร”
มันทำสีหน้าราวกับว่าเจ้าอย่าคิดว่าข้าโง่
“เช่นนั้นเจ้าไม่อยากสมรู้ร่วมคิดกับมันหรือ”
“ไม่อยาก ข้าไม่อยาก ข้าสัญญาว่าเมื่อข้ากลับไปที่ถ้ำในเขาว่านฝอข้าจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ไม่เดินผิดเส้นทางอีก พอใจหรือไม่” คางคกแทบจะเป็นบ้าแล้ว คนผู้นี้ต้องการบังคับให้มันบำเพ็ญสายมารหรือ
ฉินหลิวซีเหลือบมองพระพุทธรูปมารองค์นั้น กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ค่อนข้างมีความมุ่งมั่น แม้แต่ข้าที่มองสิ่งนี้ก็ยังมีความรู้สึกหงุดหงิด”
ดวงตาสีแดงของคางคกเหลือบมองไป “แน่นอนว่ามีความหงุดหงิด จึงได้รู้สึกรำคาญจนไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไปไง”
ฉินหลิวซีมองไปที่มันอีกครั้ง เอ่ยเสียงเรียบ “สิ่งชั่วร้ายมักจะรบกวนจิตใจคน เส้นทางการฝึกบำเพ็ญนั้นไม่ง่าย หากยืนหยัดหัวใจเต๋าไม่ได้ เมื่อก้าวผิดไปหนึ่งก้าวก็ง่ายที่จะพบกับหายนะ ทุกสิ่งที่เจ้าทำไว้เมื่อก่อนหน้านี้ บาปกรรมชีวิตและเวรกรรมที่แบกรับยังไม่ได้รับการชำระ ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่สวรรค์ย่อมจดบัญชีนี้ไว้ ไม่ว่าเจ้าจะฝึกบำเพ็ญได้ไปถึงขึ้นไหน เมื่อถึงเวลาที่เจ้าเผชิญเคราะห์กรรม หรือบางทีอาจไม่ต้องรอถึงตอนที่เผชิญเคราะห์กรรม ก็จะต้องทุกข์ทรมานกับการสะท้อนกลับของเวรกรรม เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะอนาถยิ่งกว่าตอนที่ต่อสู้อาคมกับข้า สิ่งที่เจ้าเลือกนั้น จะเป็นสายคุณธรรมหรือสายมารดีเล่า”
คางคกตัวสั่น ร่างกบเหี่ยวเฉาเล็กน้อย
ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยอะไรอีก หลังจากเงียบไปนานก็ได้ยินเสียงของมันพูดขึ้นมาว่า “เมื่อถึงเวลา สวรรค์ไม่ปล่อยข้าไป นั่นก็เป็นชะตากรรมของข้า!”
ใครก็ตามที่ฝึกบำเพ็ญ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นภูตผีปีศาจ ล้วนหลบไม่พ้นวิถีแห่งสวรรค์
[1] กิมเซียมซู หรือคางคกสามขา ปัจจุบันนิยมสร้างเป็นวัตถุมงคลรูปคางคกสีทองคาบเหรียญในปาก บูชาเพื่อดลบันดาลความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยคติความเชื่อในหลักฮวงจุ้ย แบบเดียวกับปี่เซียะ