บทที่ 1048 พ่อตา
สีหน้าของมู่หรงถงมืดลงเมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน “ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าเอง เจ้ามีหลักฐานอะไรไหม?”
“ไม่มี” ซูอันส่ายหัว “ข้าแค่พูดความคิดของข้า ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องตรวจสอบ”
มู่หรงถงเยาะเย้ย “เนื่องจากไม่มีหลักฐาน เจ้าก็แค่พูดไร้สาระ ตระกูลซือเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการใส่ร้ายเช่นนี้จะมีโทษหนักหนาแค่ไหน?”
สีหน้าของซูอันก็เย็นชาเช่นกัน “ไม่ว่าตระกูลซือจะยิ่งใหญ่เพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าองค์หญิงรัชทายาทหรือยิ่งใหญ่กว่าศักดิ์ศรีของราชวงศ์! ผู้อยู่เบื้องหลังได้แสดงเจตนาที่จะดูหมิ่นราชวงศ์อย่างชัดเจนแล้ว ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่กลับยืนยันว่าองค์หญิงรัชทายาททรงประพฤติชั่ว ข้ามีเหตุผลที่จะสงสัยแรงจูงใจของท่าน!”
มู่หรงถงโกรธมาก “ไอ้เด็กสารเลว! คิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าเหรอ?”
—
ท่านยั่วยุมู่หรงถงสำเร็จได้
รับคะแนนความโกรธแค้น +876…+876 …+876…
—
ซูอันพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้น “หรือว่าท่านมู่หรงต้องการรีดคำสารภาพด้วยการทรมาน? ข้าซูอันเป็นคนใจแข็งไปจนถึงกระดูก! ศักดิ์ศรีของข้าจะไม่ถูกทำลายด้วยการทรมานหรือการล่อลวงใด ๆ ข้าจะไม่ให้ร้ายองค์หญิงรัชทายาทอย่างแน่นอน”
“ศักดิ์ศรีของเจ้าไม่สามารถถูกทำลายด้วยความทรมานหรือการล่อลวงใด ๆ?” มู่หรงถงหัวเราะด้วยความโกรธ “คนอย่างเจ้ายังมีหน้าพูดคำนี้งั้นเหรอ? ได้ ข้าต้องการจะดูว่ากระดูกของเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน! เริ่มการทรมานได้เลย!”
เจิ้นเสวี่ยอีกระแอมไอ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านมู่หรง อย่าใจร้อนนักเลย สิ่งที่ซูอันพูดอาจไม่ผิดไปเสียทั้งหมด แม้ว่าเขาจะถูกทรมานจนสารภาพ แต่เราก็ไม่สามารถโน้มน้าวมวลชนได้อยู่ดี”
ซูอันถอนหายใจเมื่อได้ยิน เจิ้นเสวี่ยอีคนนี้เป็นคนที่มาจากฝ่ายของจักรพรรดิอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายของราชันลมปราณทำอะไรเกินเลย
แน่นอนว่าถ้าเขาเดาผิด เขาคงถูกโบย แต่วิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้โดยการพ่ายแพ้อยู่ดี
“ตลอดหลายปีของการสืบสวนคดี ข้าได้เรียนรู้ว่าการพูดคุยไม่มีประโยชน์กับคนอย่างเขา เด็กนี่ต้องยอมจำนนในที่สุด” มู่หรงถงเสียงดัง เขามองไปทางเสนาบดียุติธรรม “ป๋อหยาง ท่านคิดว่าไง?”
เจียงป๋อหยางกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับความเห็นของท่านเจิ้น สิ่งที่ซูอันพูดอาจไม่ได้ผิดไปทั้งหมด เราสามารถเริ่มการสอบสวนจากมุมนั้นได้”
สีหน้าของมู่หรงถงว่างเปล่า เขาคิดในใจว่า เฮ้ เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่? เขารู้ว่าเจียงป๋อหยางเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่ยืดหยุ่น แต่นี่เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดที่จะกำจัดไอ้เด็กเลวนี่ ราชันลมปราณอาจร้องไห้ หากไม่ใช้โอกาสนี้ใช่ไหม?
ซูอันก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่คิดว่าเจียงป๋อหยางจะพูดแทนเขา เขาคิดว่าชายผู้นี้จะพุ่งเป้ามาที่เขาเพราะคดีของเฉิงซยง
ด้วยสองในสามมีความเห็นทางเดียวกัน ไม่มีอะไรที่มู่หรงถงสามารถทำได้ เขาปล่อยให้อีกสองคนถามคำถามที่ไม่มีนัยสำคัญเท่านั้น จากนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจดำเนินการสอบสวนต่อจากฝั่งของซือจวิ้น
ในที่สุดพวกเขาก็ลุกขึ้นจากไป แต่เจียงป๋อหยางตั้งใจรั้งอยู่ท้ายสุด สีหน้าของเขาค่อนข้างแปลกในขณะที่ตรวจสอบซูอัน
ซูอันสามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้มีบางอย่างที่ต้องการจะถามเขา แต่เขาสับสน ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงช่วยข้า?
เจียงป๋อหยางพยักหน้าและพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่ลั่วฝูยกย่องเจ้า นางมอบหมายให้ข้าช่วยเหลือเจ้า ตอนนี้ข้าได้พบเจ้าแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนปากดี แต่ลึก ๆ แล้วเจ้าไม่ได้เป็นคนเลว นอกจากนี้ยังค่อนข้างกล้าหาญอีกด้วย นางมองคนไม่ผิดเลย”
ชื่อนั้นแวบเข้ามาในหัวของซูอัน ลั่วฝูคือใคร? เดี๋ยวก่อน แซ่ของเขาคือเจียง… “อาจารย์ใหญ่เจียง? ท่านคือท่านพ่อตา… อะแฮ่ม ท่านเป็นพ่อของอาจารย์ใหญ่คนสวยเหรอ?” เขาโพล่งออกมา
“อาจารย์ใหญ่คนสวย? พ่อตา…” ดวงตาของเจียงป๋อหยางเปล่งประกาย เขามองซูอันด้วยแววตาแฝงอันตราย “แน่นอนว่า ลั่วฝูเป็นลูกสาวของข้า ย้อนกลับไปในตอนนั้น นางไม่ต้องการเป็นองค์หญิงรัชทายาทและหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางมุ่งหน้าไปยังเมืองจันทร์กระจ่าง พอมาคิดดูแล้ว มันก็เป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นนางคงจะเป็นคนที่ถูกกล่าวหาในตอนนี้”
ซูอันรู้สึกตกใจ อาจารย์ใหญ่เจียงที่มีเรียวขาน่าทึ่งนั้นเกือบจะเป็นองค์หญิงรัชทายาทแล้วงั้นเหรอ? อืม เป็นเพราะนางไม่อยากเป็นองค์หญิงรัชทายาทจึงหนีไป ปี่หลิงหลงจึงเข้ามาแทน
เขารีบตั้งสติ “งั้นท่านก็เหมือนเป็นผู้อาวุโสของข้า! ย้อนกลับไปตอนนั้น อาจารย์ใหญ่ของสถาบันจันทร์กระจ่างปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ข้าไม่คิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเช่นกัน!”
เจียงป๋อหยางเสียงดัง “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ตอนนั้นฝ่าบาทต้องการวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของเจ้า ลั่วฝูต้องการให้ข้าช่วยเจ้า แต่ข้าไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรอดมาได้จริง ๆ”
ซูอันหัวเราะ “ถึงอย่างนั้น ข้าก็รู้สึกขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่านผู้อาวุโส ครั้งนี้ท่านไม่ได้ช่วยข้าหรอกเหรอ?”
เจียงป๋อหยางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า แค่ตัดสินเรื่องนี้ตามที่เห็น คดีนี้มีข้อพิรุธมากมาย”
พูดจบก็หันหลังทำท่าจะเดินจากไป แต่หลังจากก้าวไปไม่กี่ก้าว เขาขมวดคิ้วและหยุดกะทันหันก่อนจะก้มศีรษะลงและปรับมุมเสื้อที่ย่นจากการนั่งให้เรียบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงป๋อหยางอีกครั้งเมื่อเห็นชุดเครื่องแบบที่เป็นระเบียบของตัวเอง จากนั้นเขาจึงเดินออกไป ซูอันสังเกตเห็นว่าทุกก้าวเท้าของเขามีระยะทางเท่ากัน
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คุมก็พาซูอันกลับมาที่ห้องขัง เขานั่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่เงียบ ๆ
สิ่งต่าง ๆ เริ่มน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาคิดว่าตระกูลเจียงเป็นส่วนที่แยกออกไม่ได้ในฝ่ายของราชันลมปราณ แต่ตอนนี้อาจไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น
บางทีตระกูลเจียงอาจมีความลำเอียงไปทางราชันลมปราณมากกว่าปกติ แต่ในท้ายที่สุด เจียงป๋อหยางยังคงเลือกที่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิได้ตกลงที่จะให้เขารับผิดชอบคดีนี้
นอกจากนี้ จากสิ่งที่เขาได้เห็นในวันนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเสนาบดีทั้งเก้า ซูอันตระหนักว่าเขาเข้าใจบางอย่างผิดไป
ฝ่ายขององค์รัชทายาทและฝ่ายของราชันลมปราณดูเข้ากันไม่ได้จากภายนอก แต่ลึก ๆ กลับมีมิตรภาพส่วนตัวต่อกัน บางทีในอนาคตอาจมีโอกาสที่เขาจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึงโดยที่ซูอันไม่รู้ตัว ผู้คุมเข้ามาและพูดว่า “ท่านซู มีคนมาเยี่ยม”
“มีคนมาเยี่ยมข้า?” ซูอันรู้สึกสับสน คนแบบไหนที่จะมาเยี่ยมเขาในเวลาแบบนี้?
อาจเป็นองค์หญิงรัชทายาท? ไม่ ตอนนี้นางกำลังจมอยู่กับแผนการใหญ่โต ไม่มีทางที่นางจะมีเวลาว่างขนาดนี้
อาจจะเป็นจูเซี่ยฉือซิน? จักรพรรดิส่งเขามานัดแนะว่าข้าจะต้องพูดอะไร? แต่ข้าคิดว่าเราพูดกันไปแล้ว ทุกอย่างที่จำเป็นต้องพูดใช่ไหม? นอกจากนี้จูเซี่ยฉือซินไม่จำเป็นต้องมาหาข้าผ่านผู้คุมแบบนี้ เขาสามารถเข้ามาได้เลย
ขณะที่เขากำลังงุนงงว่าคนผู้นี้เป็นใคร ร่างในชุดสีฟ้าได้ปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ ทำให้เขาประหลาดใจ “ชูเหยียน!”