หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 171 การปรากฏตัวของเขา

บทที่ 171 การปรากฏตัวของเขา

บทที่ 171 การปรากฏตัวของเขา

“ทางฝั่งซ้ายของเรือเกิดการก่อตัวของเมฆดำ ดูท่าแล้วคงเพิ่งก่อตัวได้ไม่นาน แต่การก่อตัวของมันกลับเกิดรวดเร็วยิ่งนัก พวกเราจึงมีเพียงทางเลือกนี้เท่านั้น”

พอเป็นเช่นนี้ หลังจากเจ้าของเรือมองมายังนางอย่างจดจ่อ ที่ไม่ให้เขาหันเรือกลับเข้าไป ก็รีบมองไปยังแผนที่

“หากหยุดเรือเล่า?” เจ้าของเรือกล่าวถาม

“การหยุดเรือถือเป็นวิธีการที่โง่เขลาที่สุดในเวลานี้ ตอนนี้ไม่ว่าจะด้านหน้าด้านหลังหรือด้านไหนก็มีเมฆดำที่มาพร้อมกับฟ้าผ่ากำลังแผ่กระจายเคลื่อนมาทางนี้ ถือเป็นการโจมตีทั้งสี่ด้าน พอถึงเวลาหากพูดว่าเรือใหญ่แตกนั้นยังนับว่าเป็นเรื่องเล็ก อย่างน้อยก็คงจะกลายเป็นผุยผง ตอนนี้มีเพียงรีบเร่งเรือออกไปทางฝั่งขวาที่เพิ่งเกิดการก่อตัวของกลุ่มเมฆดำเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสรอด และสามารถเคลื่อนเรือออกไปทางระหว่างกลางเมฆดำฝั่งท้ายเรือและฝั่งซ้ายเท่านั้น”

สายตาของเจ้าของเรือประกายออกมา แล้วจึงรีบสั่งให้กะลาสีเรือเคลื่อนเรือไปทางซ้าย หลังจากที่อธิบายรายละเอียดเสร็จ ก็หันหลังกลับมาถาม

“คิดไม่ถึงว่าคุณชายจะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถถึงเพียงนี้ เพียงแต่ข้ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดถึงต้องเคลื่อนเรือไปทางซ้ายของท้ายเรือ มิใช่การเคลื่อนเรือไปทางซ้ายของหัวเรือโดยตรง? เพียงแค่ผ่านจากตรงนี้ไปได้ ไม่แน่ทางข้างหน้าอาจไม่มีอุปสรรคขวางกั้น เหตุใดท่านถึงได้เลือกที่จะถอยหลังกลับเล่า?”

“คนขับเรือ ท่านโง่หรือเปล่า ท่านดูสีท้องฟ้าสิ เมฆหนาแน่นเยี่ยงนี้ ทั้งมืดราวกับหมึกดำจะหล่นลงมาอยู่แล้ว อีกทั้งในตอนนี้ก็เพิ่งออกมาจากชายฝั่งได้ไม่นานนักก็เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ทางข้างหน้าก็คงไม่ได้ดีอันใดหรอก หากสามารถถอยกลับไปได้อย่างปลอดภัย ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอให้เมฆหนาหายไปเท่านั้น หลังจากที่เมฆเปิดท้องฟ้าเปิดถึงจะสามารถออกเดินทางได้อีกครั้ง”

โง่?

คน คนขับเรือ?

ถูกเรียกว่ากัปตันเรือมานานหลายปี จู่ๆก็ถูกเรียกว่าคนขับเรือ……..

ถึงแม้จะรู้ว่ามิใช่เวลามาสนใจเรื่องเช่นนี้ แต่ว่า……..เห้อ ช่างมันเถิด

“สิ่งที่คุณชายพูดนั้นถูกต้องที่สุด!”

เดิมทีเขานั้นคิดจะจอเรือเพื่อดูสถานการณ์เสียก่อน แล้วค่อยเคลื่อนเรือตรงไปทางฝั่งซ้าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ตกเสียแล้ว

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

“……”

คนที่อยู่ข้างๆก็ถึงกับตะลึงงัน สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขายังมีใจมาพูดตลกกันอีก

ช่างใจใหญ่เสียจริงๆ!

เมื่อยิ่งเข้าใกล้ชายฝั่งคลื่นก็ยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น จนทำให้เรือใหญ่เกือบโค่นลง

จนเป็นเหตุให้เหล่าผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือต่างพากันกลัว ตกใจร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งไม่ต้องกล่าวเหล่าคนที่นั่งอยู่ภายฝนเรือคนอื่นๆ แม้แต่หลานเยาเยาเองก็ถึงกับกำหมัดที่ชุมไปด้วยเหงื่อ

ทันใดนั้น !

“ครื้นๆ……”

“เปรี้ยง……”

เสียงสายฟ้าฝาดลงมายังดาบฟ้าเรือลำใหญ่ราวกับดาบที่สว่างไสว ตามด้วยควันดำไหม้ที่แผ่กระจายฟุ้งขึ้นมา หลานเยาเยาหรี่ตาหนักอย่างช่วยไม่ได้

ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ฝั่งก็ถูกฟ้าผ่าเสียแล้ว ดูท่าจะเป็นการอดจากความตาอย่างฉิวเฉียดจริงๆ

“ เจ้าของเรือ ยังจะให้ขับต่อไปหรือไม่”

ลูกเรือหางเสือแม้จะแล่นอยู่ในทะเลมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยได้เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ตอนนี้แม้แต่พูดจาเสียงก็สั่นไปหมด พร้อมกับมือที่สั่นอยู่ตลอดเวลา

“ขับต่อไป!”

เจ้าของเรือไม่ได้พูดสิ่งใดมากก็สั่งออกมาโดยตรงลูกเรือคนนั้นจึงทำได้เพียงขับเรือต่อไปอย่างฝืนใจ

ถึงแม้ว่าเมฆดำจากทั้งด้านหลังและด้านซ้ายจะค่อยๆรวมตัวกันมากยิ่งขึ้น สายฟ้าในเมฆดำก็ยิ่งก่อตัวหนาแน่นขึ้นเช่นกัน แต่ก็ยังถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะหลังจากที่โดนฟ้าผ่าครั้งเมื่อสักครู่ เรือใหญ่ที่กำลังจะเคลื่อนออกจากกลุ่มเมฆดำแล้ว แต่ยังไม่โดนฟ้าผ่าเป็นรอบที่สอง

แต่ทันใดนั้น !

เสียงของใครบางคนตะโกนดังขึ้นมา “ข้างหน้ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้แล้ว”

ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านในต่างพากันจ้องมองไปข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก แล้วก็ได้เห็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาท่ามกลางกลุ่มหมอกหนาที่อยู่ด้านหน้า

นั่นมันอะไรกัน?

ดูแล้วใหญ่กว่าเรือใหญ่ของพวกเขาเสียอีก แถมความเร็วที่เร็วมากด้วย

“……เจ้าของเรือ เรือผี………นี่คือเรือผี…..”

ลูกเรือที่กำลังบังคับพังงาเรือก็ถึงกับตกใจจนหน้าซีด แขนขาสั่นไปหมด ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่ากระดิ่งทองแดง พร้อมกับสติที่หายไปเป็นที่เรียบร้อย

“เหลวไหล!”

เจ้าของเรือจึงผลักกะลาสีเรือที่ไม่สามารถบังคับเรือต่อไปได้ออกไป แล้วคุมเรือด้วยมือของตัวเองแทน

“ชีวิตนี้ของข้าแล่นเรืออยู่กลางทะเลมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยเชื่อเรื่องตำนานภูตผีปีศาจเช่นนี้ ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่าวันนี้จะได้เจอผีจริงๆ”

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เจ้าของเรือผู้นี้ก็ไม่ได้คิดที่จะขับเรือไปชนกับสัตว์ร้ายนั่นโดยตรงอย่างโง่เขลา แต่เขานั้นคิดที่จะขับผ่านด้านข้างของสัตว์ร้ายไปแทน

เพราะความตื่นตกใจของกะลาสีเรือเมื่อสักครู่นี้ก่อนที่เจ้าของเรือจะเข้ามาบังคับเรือเองนั้น พวกเขาก็ได้ออกนอกเส้นทางเดิมที่จะเดินเรือเสียแล้ว

“ครืน……คลืน……คลืน……”

เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังขึ้น ฟาดลงมากลางเรืออย่างหยุดหย่อน

“เปรี้ยง……”

สายฟ้าอันน่าสะพรึงฟาดลงมายังหัวเรือ จนทำให้ไม้ตรงหัวเรือถูกผ่าจนเป็นรูใหญ่

ผู้คนที่อยู่ในห้องขับถูกเสียงฟ้าผ่าทำให้หูเกือบหนวก แล้วก็มีหนึ่งในลูกเรือถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง จนทั้งตัวนั้นไหม้เกรียมจนเป็นสีดำ

“เสี่ยวไห่!”

เจ้าของเรือตะโกนเรียกชื่อลูกเรือคนนั้นออกมาอย่างดัง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ในใจของเขานั้นเกิดความกังวลอย่างมากแต่ก็ไม่อาจคิดฟุ้งซ่านได้

หลานเยาเยาส่ายหน้าพึมพำ ก่อนที่จะสะบัดตัวเองแล้วเดิมไปยังคนที่ถูกฟ้าผ่า จากนั้นก็จับชีพจรเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ

“ตายแล้ว!”

เจ้าของเรือนิ่งเงียบไปชั่วขณะ

ในตอนนั้นเอง ทางด้านนอกห้องขับ ก็มีคนเดินคลานเข้ามาด้านใน

“เจ้าของเรือแย่แล้ว เสากระโดงเรือถูกฟ้าผ่าจนหักลงมา และใบเรือที่ถูกไหม้แล้ว”

ขณะนี้ จิตใจของทุกคนก็ต่างจมดิ่งยิ่งขึ้น……

เสากระโดงเรือหก ใบเรือถูกเผาไหม้ เรือใหญ่ถูกผ่าเป็นรู แต่สายฟ้าในกลุ่มเมฆดำขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าเรือลำใหญ่ของพวกเขาในตอนนี้จะไปสามารถแล่นออกไปได้……

อย่างไรก็ตาม!

ไม่มีสิ่งที่แย่ที่สุด มีเพียงสิ่งที่แย่กว่าก็เท่านั้น

เรือใหญ่ชนเข้ากับสัตว์ร้ายทุ่งมาจากฝั่งตรงข้ามเข้าอย่างจัง ทันทีที่ชนกันทุกคนถึงเพิ่งได้เห็นว่าเรือลำนั้นใหญ่กว่าเรือของพวกเขาถึงสองเท่า

ถึงแม้จะเป็นเพียงการชนกัน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เรือลำใหญ่หลงทางเข้าไปภายใต้เมฆดำ

การปะทะกันอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในเรือชนเข้ากับผนังเรือ

แม้แต่หลานเยาเยาที่ได้มีการเตรียมใจมานานแล้ว แต่ทันทีที่โดนชนจริงๆ นางก็รู้สึกได้ถึงอวัยวะทั้งห้าภายในเกิดการเคลื่อนที่

“แค่กๆๆ……”

แต่ว่า!

นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ในตอนที่หลานเยาเยาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใบเรือสำหรับควบคุมทิศทางบนเสากระโดงเรือได้ล่วงลงมาเสียแล้ว พร้อมทั้งเสากระโดงเรือทั้งที่ใช้เร่งความเร็วก็หักลงมาเสาหนึ่ง และเจ้าของเรือที่ตอนนี้ได้ล้มลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ ต่อมาไม่นานก็มีกลิ่นคาวเลือดฟุ้งออกมา ไม่รู้ว่าเขาตายแล้วหรือเพียงแค่กำลังเมาหัว

หลานเยาเยารีบปีนลุกขึ้นมา ตั้งใจจะไปบังคับเรือ แต่แล้วก็มีแสงสีขาวสว่างวาบเข้ามา แล้วเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอย่างหนักจนทำให้แสบหูอยู่เหนือหัว

ในขณะที่นางกำลังคิดว่าตัวเองต้องถูกฟ้าผ่าเป็นแน่นั้น จู่ๆเอวของนางก็ถูกรัดแน่น ร่างของนางถูกพาออกมาไกลจากตรงนั้น แล้วที่ที่นางเพิ่งยืนอยู่เมื่อสักครู่ ตอนนี้ได้กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่

สำหรับการรอดชีวิตแบบนี้ นางเองก็หมดหนทางที่จะกล่าวอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจของนางตอนนี้ได้

ในขณะที่นางจ้องมองไปยังผู้ที่มาช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ หัวใจก็สั่นไหว……

ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในตำนาน เพียงแต่ตอนนี้กำลังแสดงใบหน้าที่เย็นชา ถึงแม้ว่าผมจะยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทั้งยังหอบอยู่ แต่แววตากลับจ้องนางอย่างไม่ละ

แต่นางกลับพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่รู้ตัว……

“เย่แจ๋หยิ่ง……”

เย่แจ๋หยิ่งใช้มือค่อยๆลูบหลังของนาง พลางหันไปมองดูเสากระโดงเรือ ก็เห็นองครักษ์สองนายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีกำลังเหาะนำใบเรือที่ตกลงมาขึ้นไปบนเสา แล้วเขาก็เหาะพาหลานเยาเยากลับเข้าไปยังหน้าพังงาเรืออีกครั้ง

“ท่านขับเรือได้งั้นหรือ?”

หลานเยาเยาถึงกับตกใจ

“เจ้าคิดว่าข้าต่อสู้กับศัตรูเพียงแค่บนพื้นดินงั้นรึ?”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท