บทที่ 1066 ผิดพลาดครั้งเดียวส่งผลทั้งชีวิต สุดท้ายต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความเสียใจ!
ยอดฝีมือวังไท่อี่เป็นเพียงทัพหน้า ด้านในเส้นทางยังมียอดฝีมือโลกใหม่อีกจำนวนมาก สงครามครั้งใหญ่ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น!
“อันใดกัน กระทั่งเจ้ายังรู้สึกถึงการคุกคามหรือ?”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตกตะลึง เก็บรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าไป ราชันทมิฬนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก
“อืม แรงคุกคามมหาศาลยิ่ง การต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดให้ยากเย็นอย่างถึงที่สุด กล่าวตามตรงแล้ว เกรงว่าต่อให้มีสมบัติที่คุณชายมอบให้ก็ยังเอาชนะได้ไม่ง่าย!”
ราชันทมิฬกล่าวอย่างเคร่งขรึม
มันไม่ได้พูดเกินเลย สัมผัสได้ถึงแรงคุกคามมหาศาลอย่างแท้จริง สมบัติที่คุณชายมอบให้นั้นทรงพลังสะท้านฟ้า แต่ศัตรูกลับแข็งแกร่งและพิเศษยิ่งกว่า!
…
บนเส้นทางโลกใหม่
ระหว่างทาง พวกเขาพบสิ่งมีชีวิตโลกใหม่จำนวนไม่น้อย ทั้งหมดต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เห็นทำให้พวกเขาอดตื่นตะลึงไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหลวง หัวใจของเขาแทบจะเต้นขึ้นมาอยู่ตรงลำคอไม่กลับลงไปเลย เกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกยอดฝีมือโลกใหม่พบตัวและสังหารทิ้ง
ยังดีที่ไม่มีปัญหาใหญ่ใดเกิดขึ้น
ก่อนจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะมา เขาได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว ใช้พลังของกระดานหมากล้อมที่คุณชายมอบให้ปลอมแปลงตนเองกับเจ้าหลวง แสร้งทำตัวเป็นสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ และก็ยังไม่ถูกสิ่งมีชีวิตโลกใหม่เหล่านั้นสงสัย
ทว่าหลังจากนี้พวกเขาไม่กล้าสวนกระแสขึ้นไปอีกแล้ว
เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ว่ามียอดฝีมือจากโลกใหม่ที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในเส้นทาง พวกเขาเกรงว่าหากโดดเด่นจะเป็นการเปิดเผยตนเอง และถูกพบเข้า พวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ
เหล่ายอดฝีมือโลกใหม่ที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้เดินทางด้วยความเร่งรีบ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจตามรายทางมากนัก
“พี่ใหญ่…”
เจ้าหลวงเอ่ยปาก อยากจะพูดบางอย่างกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง แต่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหันมามองด้วยสายตาเจือประกายฆ่าฟัน เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “เพ้ย พี่ใหญ่อันใดกัน ไม่ใช่ เจ้าสุนัขนี่!”
“มารดาเจ้าเถอะ เจ้าสิเป็นสุนัข!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต่อยเจ้าหลวงจนจมูกเขียวช้ำใบหน้าบวมเป่ง
เจ้าหลวงร้องไห้ออกมาทันที “เหตุใดจึงต้องตีข้าเช่นนี้? เจ้าเคยพูดไม่ใช่หรือ ว่าไม่อนุญาตให้สนิทสนมด้วย ยิ่งมองแย่เท่าไหร่ก็ยิ่งดี…”
เขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมเลย อุตส่าห์ทำตามคำพูดของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างเคร่งครัด แต่ไม่วายยังถูกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงปฏิบัติด้วยอย่างรุนแรง
“ยิ่งมองแย่เท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าหยาบคายกับข้า!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถลึงตามองเจ้าหลวง
“ตกลง!”
เจ้าหลวงทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอ่ยออกมา “เรื่องที่ข้าอยากเอ่ยจริง ๆ คือเห็นได้ชัดว่าสงครามครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเรากลับกันเถิด!”
พวกเขารู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เลือดลมพลุ่งพล่านแล้ว ส่งยอดฝีมือโลกใหม่จำนวนมากไปยังดินแดนเก่า ต้องการทำลายล้างสิ่งมีชีวิตมายาทั้งหมดที่ต้องการก้าวเข้าสู่ความจริง
คิดดูแล้วสิ่งมีชีวิตมายาที่ต้องการก้าวสู่ความจริง นี่ไม่ใช่พวกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหรือ?
เบื้องหลังพวกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคือหลี่จิ่วเต้า
นี่ชัดเจนยิ่งว่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่สังเกตเห็นถึงตัวตนอย่างหลี่จิ่วเต้าแล้ว และตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหลี่จิ่วเต้า ด้วยเหตุนี้จึงส่งยอดฝีมือจำนวนมากจากโลกใหม่เข้าไปเพื่อสังหารพวกหลี่จิ่วเต้า
เขาคิดว่ามหาสงครามได้เปิดฉากขึ้นแล้ว แม้ว่าเขากับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจะไปโลกใหม่ได้ก็ไม่ได้ความหมายว่าจะช่วยอันใดได้
หากก่อนมหาสงครามจะเริ่มขึ้น พวกเขาไปที่นั่นก็ยังพอจะมีประโยชน์ได้รับข่าวคราวใดบ้าง หลังจากนั้นก็ส่งข้อมูลกลับไปเพื่อใช้สำหรับเตรียมตัว
แต่ตอนนี้มหาสงครามเปิดฉากแล้ว ยอดฝีมือทั้งหลายจากโลกใหม่ออกเดินทางเรียบร้อย แม้ยามนี้พวกเขาจะไปยังโลกใหม่หรือได้รับข้อมูลใดมาก็ไร้ค่า
“เจ้าจะไปรู้อันใด! พวกเรายังจำเป็นต้องไปโลกใหม่!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตำหนิ เข้าใจความหมายของคำพูดเจ้าหลวง
ความจริงแล้ว เดิมทีเมื่อเขารู้ว่ายอดฝีมือจำนวนมากของโลกใหม่กำลังเร่งรุดไปดินแดนเก่า เขาเองก็คิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปโลกใหม่แล้ว
ทว่าหลังจากทราบที่มาของเรื่องราว เขาก็เปลี่ยนใจทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปยังโลกใหม่!
เหตุผลที่ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่คลุ้มคลั่ง ส่งยอดฝีมือออกมามากมายเพียงนี้ ก็เพราะว่ามีสิ่งมีชีวิตจากดินแดนเก่าสองตนเข้าไปยังโลกใหม่!
สิ่งนี้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่หันมาให้ความสนใจดินแดนเก่า!
“สิ่งมีชีวิตทั้งสอง หนึ่งคนหนึ่งเต่า นั่นอาจเป็นซีที่คุณชายตามหา!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเคยลอบสอบถามข้อมูลกับยอดฝีมือโลกใหม่อย่างแนบเนียน ยอดฝีมือโลกใหม่ผู้นั้นได้แสดงภาพเหมือนของซีและเต่าชราให้เขาดู
และเขาก็จำซีได้ทันที!
ยามนั้นคุณชายเคยมอบหมายงานให้กับหยวนอี บอกให้หยวนอีตามหาซี น่าเสียดายที่นางตามหาไม่พบ
ภายหลังหยวนอีเคยบอกเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง กล่าวว่านี่เป็นปมในใจของนางมาโดยตลอด นางไม่สามารถช่วยคุณชายตามหาซีได้
และหยวนอียังได้แสดงภาพวาดของซีให้เขาเห็นด้วย
ยามนั้นเขาจดจำรูปลักษณ์ของซีเอาไว้ในใจ นี่คือคนที่คุณชายต้องการตามหา เขาเองก็อยากช่วยเหลือคุณชายตามหาด้วย!
ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปโลกใหม่ เพื่อตามหาซีแล้วยืนยันว่าใช่ผู้ที่คุณชายต้องการพบหรือไม่!
“แม้รูปลักษณ์จะดูเหมือนกันยิ่ง แต่หากเป็นเพียงคนหน้าคล้ายคลึง ไม่ใช่คนที่คุณชายตามหาเล่า? เช่นนั้นจำเป็นต้องยืนยันเสียก่อน!”
หากเพียงรูปลักษณ์คล้ายคลึงกัน แท้จริงแล้วไม่ใช่คนที่คุณชายตามหา แต่เขากลับบอกคุณชายไปแล้ว สุดท้ายจะทำให้คุณชายดีใจโดยเปล่า เช่นนั้นหมายความว่าเขาทำความผิดหนักหนาเกินไปแล้ว!
ยังจำเป็นต้องยืนยันให้แน่ใจก่อน!
“รอต่อไป รอให้ไม่มียอดฝีมือโลกใหม่ในเส้นทางก่อน จากนั้นพวกเราค่อยเคลื่อนไหว”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าว
โชคดีที่เหล่ายอดฝีมือโลกใหม่ต่างรีบเร่งตรงไปยังดินแดนเก่า ไม่มีการชักช้ารีรอแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าตนเองจะซ่อนตัวจากยอดฝีมือทั้งหมดของโลกใหม่ได้
ถึงเขาจะได้รับการคุ้มครองจากกระดานหมากล้อมที่คุณชายมอบให้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามมหาศาล คนจำนวนไม่น้อยเป็นยอดฝีมือน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง หากถูกพบเข้า เกรงว่าต่อให้เป็นกระดานหมากล้อมของคุณชายก็ยังไม่อาจปกป้องพวกเขาได้
โลกใหม่ที่แท้แล้วไม่ธรรมดาและน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
ณ โลกใหม่
สามผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่นั่งแท่นบัญชาการด้วยตนเอง รับผิดชอบหน้าที่ในดินแดนเก่าและการตามหาตัวซีกับเต่าชรา
เบื้องหน้าพวกเขามีสระน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ด้านในฉายภาพจักรพรรดินีและพวกเมิ่งจี คนทั้งหมดล้วนปรากฏในสระน้ำ
สระน้ำนี้ฉายสะท้อนภาพดินแดนเก่า!
พวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่เหล่ายอดฝีมือวังไท่อี่ถูกสังหาร
“คนกลุ่มนี้เป็นใครกันแน่? ขอบเขตล้วนไม่มีอันใดเลย ทว่าของในมือทุกชิ้นกลับสะท้านยิ่ง!”
สีหน้าของจ้าวเทียนเคร่งขรึม พยายามมองผ่านไปยังความจริง สมบัติที่พวกจักรพรรดินีถือเอาไว้ในมือดึงดูดความสนใจของเขา
เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่ายอดฝีมือโลกใหม่ที่ส่งไปจะพ่ายแพ้และถูกสังหารสิ้นในทันที
อีกทั้งตัวการสำคัญทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติที่อยู่ในมือพวกจักรพรรดินี
หากไม่มีสมบัติเหล่านั้น พวกจักรพรรดินีก็ไม่มีคุณสมบัติใดเทียบเคียงเหล่ายอดฝีมือวังไท่อี่แม้แต่น้อย พลังของพวกเขานับว่าอ่อนแอเกินไป
“ดินแดนเก่าเป็นบ้านเกิดของคนผู้นั้น เคยใช้ชีวิตอยู่มานานไม่อาจนับปี สิ่งของที่ทิ้งเอาไว้ในดินแดนเก่าจะต้องมีอยู่ไม่น้อย”
ข้าง ๆ กัน ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่อีกผู้หนึ่ง นายเหนือหัวหว่างเซิงเอ่ยปากออกมา “สมบัติที่พวกเขาถือเอาไว้ในมือ จะต้องเป็นสมบัติที่คนผู้นั้นทิ้งเอาไว้แน่”
“เฮ้อ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราปิดผนึกดินแดนเก่าอย่างแน่นหนา…”
หย่งโจ้วถอนหายใจ เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ทั้งสามที่นั่งแท่นบัญชาการคราวนี้คือ จ้าวเทียน นายเหนือหัวหว่างเซิง และหย่งโจ้ว
“ร่องรอยของคนผู้นั้นในดินแดนเก่ามีมากเกินไป หากไม่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา ปล่อยให้ร่องรอยเหล่านั้นเข้าสู่โลกใหม่ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน!”
เขากล่าวต่ออีกว่า “พวกเราไม่อาจปล่อยให้ของเหล่านี้เข้าสู่โลกใหม่! หากสิ่งเหล่านั้นยังคงอยู่ในดินแดนเก่าก็ไม่มีปัญหาใหญ่ใด ๆ”
ยามนั้น คนผู้นั้นเกิดปณิธานอันแรงกล้า ต้องการสร้างโลกอันสมบูรณ์แบบ ทำให้การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสามารถฝึกฝนและก้าวสู่จุดสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
ต่อมาคนผู้นั้นก็ประสบความสำเร็จ สร้างสถานที่อันเหนือกว่าดินแดนเก่าในทุกด้านอย่างโลกใหม่ขึ้นมา
ทว่าคนผู้นั้นรู้สึกว่าโลกใหม่ยังคงมีปัญหาบางอย่าง ไม่ได้สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องปรับปรุง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากดินแดนเก่าที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังโลกใหม่
มีเพียงสิ่งมีชีวิตดินแดนเก่าที่ล่วงรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้นที่เข้ามายังโลกใหม่
สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้การดำรงอยู่ของตัวตนนั้นยังคงอยู่ในดินแดนเก่าต่อ
ด้วยเหตุนี้หย่งโจ้วจึงกล่าวว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น เมื่อทิ้งเอาไว้ในดินแดนเก่าจะไม่เกิดปัญหาอันใดขึ้น
สิ่งมีชีวิตที่ถูกทิ้งเอาไว้ในดินแดนเก่าไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของคนผู้นั้น ยิ่งหลังผ่านกาลเวลาอันยาวนานมา ยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตรู้ถึงการดำรงอยู่ของคนผู้นั้นยิ่งกว่าเดิม
แม้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นจะปรากฏขึ้นในดินแดนเก่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่อาจดึงดูดสายสัมพันธ์กับคนผู้นั้น
แต่หากสิ่งเหล่านี้เข้าสู่ดินแดนใหม่ ย่อมต้องเกิดปัญหาครั้งใหญ่!
โลกใหม่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของคนผู้นั้น ทุกด้านล้วนเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอย่างใกล้ชิด หากของเหล่านั้นเข้าสู่โลกใหม่ มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น!
พวกเขาไม่กล้าปล่อยให้สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นจากดินแดนเก่าเข้าสู่โลกใหม่จริง ๆ!
“ผิดพลาดครั้งเดียวส่งผลทั้งชีวิต ยามนั้น พวกเราถูกเสียงบางอย่างล่อลวงมอมเมา ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตท่ามกลางความกังวลและหวาดกลัว มองย้อนกลับไปแล้ว ยามนั้นพวกเราไม่ควรทำลงไปจริง ๆ!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงกล่าวออกมาอย่างเสียใจที่เกิดเรื่องผิดพลาด “เวลาล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้ พวกเรามีวันคืนที่ผ่านไปอย่างสบายใจหรือไม่? ไม่มีเลย! ทุกวันล้วนใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว! เดิมทีต้องการใช้โอกาสนี้ก้าวขึ้นไปยังขั้นที่สูงกว่า ทว่าผลลัพธ์เป็นเช่นใด? จิตใจของพวกเราถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลาหลายปีจนไม่อาจนับ ไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตฝึกตนพัฒนาขึ้นเลย กระทั่งส่อแววจะถดถอยลงเสียด้วยซ้ำ!”
ตอนนี้เขามานึกเสียใจทีหลัง หากรู้เช่นนี้แต่แรก คงไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนั้น!
คนผู้นั้นตายเพราะพวกเขา ไม่มีสักชั่วอึดใจใดที่พวกเขาไร้ความหวาดกลัว กลัวว่าคนผู้นั้นจะฟื้นคืนชีพ ทุกวันคืนต่างใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลบร่องรอยการคงอยู่ของคนผู้นั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หัวใจเต๋าของพวกเขาไม่มั่นคงแม้แต่น้อย การพัฒนาของเขตตามคำพูดของพวกเขา เป็นได้เพียงความฝันในอุดมคติ ไม่อาจกลายเป็นจริงได้
นอกจากนี้ เมื่อหัวใจเต๋าพวกเขาไม่มั่นคง วิถีเต๋าของพวกเขาก็เริ่มไม่มั่นคงไปด้วย ขอบเขตเริ่มเกิดการถดถอย ตอนนี้พวกเขาล้วนดิ้นรนช่วยเหลือตนเองด้วยความยากลำบาก พยุงไม่ให้ขอบเขตถดถอยลงกว่าเดิม
จ้าวเทียนและหย่งโจ้วไม่เอ่ยคำใด ไยพวกเขาจะไม่นึกเสียใจในภายหลัง?
พวกเขาต่างเสียใจในภายหลังตั้งแต่ลงมือทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเสียใจอยู่
ทว่ามาเสียใจในภายหลังจะยังมีประโยชน์ใดอีก?
ไม่มีสิ่งใดย้อนกลับคืนได้ ความผิดที่ก่อตัวด้วยตนเอง สุดท้ายยังเป็นพวกเขาที่ต้องแบกรับกรรม!
“หยุดพูดเถิด สุดท้ายทุกสิ่งจะต้องถูกแก้ไข ข้าเชื่อว่าพวกเราสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้!”
จ้าวเทียนกล่าว “เมื่อถึงยามนั้น พวกเราจะไปสู่วันคืนอันสดใส ทำทุกสิ่งที่เราต้องการทำได้!”
เขาพูดกับนายเหนือหัวหว่างเซิงและหย่งโจ้ว ขณะเดียวกันก็กล่าวกับตัวเองด้วย
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทุกสิ่งไม่อาจย้อนกลับไปได้ พวกเขาทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น