รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1070 ผู้ใดขัดขวางการคืนชีพของพี่ชาย ผู้นั้นต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1070 ผู้ใดขัดขวางการคืนชีพของพี่ชาย ผู้นั้นต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส!

พี่ชายผู้นั้นไม่ได้เปล่งวาจา เพียงแต่ยืนอยู่ข้างกายนางเงียบ ๆ

เนิ่นนานกว่านางจะหยุดร้องไห้

“เจ้าเต็มใจไปกับข้าหรือไม่”

พี่ชายมองนางและเอ่ยถาม

นางพยักหน้า เช็ดน้ำตา เต็มใจไปกับพี่ชาย

ในใจของนาง พี่ชายกลายเป็นผู้ที่นางสนิทใกล้ชิดที่สุดแล้ว

“ได้”

พี่ชายไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เขาพานางออกเดินทาง วันเวลาหลังจากนั้น นางคอยติดตามอยู่ข้างกายพี่ชายเสมอ

จนมารู้ในภายหลังว่าพี่ชายวิเศษสูงส่ง เป็นตัวตนสูงสุดอย่างแท้จริง

ใต้คำชี้แนะของพี่ชาย นางเติบโตขึ้นทีละก้าว กลายเป็นยอดฝีมือผู้กล้าแกร่ง กลายมาเป็นปรมาจารย์!

นางคืนชีพให้บิดารมารดาของนาง และให้พวกท่านอยู่ข้างกาย นางปลื้มปีติเป็นที่สุด มีทั้งบิดารมารดาและพี่ชายอยู่ข้างกาย นางรู้สึกว่านางมีความสุขที่สุดในโลก ไม่มีผู้ใดเทียบนางได้

คิดมาถึงนี่ ขอบตานางยิ่งรื้น หยาดน้ำใสไหลรินไม่หยุด จนอาภรณ์ช่วงอกของนางเปียกชื้น

“ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เคราะห์กรรมนี้ถูกลิขิตไว้แล้ว ข้าจำต้องประสบ!”

นางหวนนึกถึงวาจาสุดท้ายที่พี่ชายกล่าวต่อนาง

เวลานั้นนางกำลังฝึกฝน พี่ชายมาหานางและกล่าวถ้อยคำเหล่านี้

ครานั้นนางยังไม่เข้าใจว่าเคราะห์กรรมซึ่งถูกลิขิตหมายถึงสิ่งใด แล้วเคราะห์กรรมเช่นไรที่จำต้องประสบ

พี่ชายวิเศษสูงส่ง ควบคุมได้ทุกอย่าง มีเคราะห์กรรมที่พี่ชายต้องประสบด้วยหรือ

นางคิดไม่ตก อยากถามพี่ชายถึงความหมายของมัน

พี่ชายไม่ได้อธิบาย เพียงแต่เอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องโศกเศร้า ทุกอย่างล้วนไม่เกี่ยวกับเจ้า นี่เป็นเคราะห์กรรมที่พี่ชายต้องผ่านไปให้ได้”

นางคิดอยากถามต่อ แต่พี่ชายไม่ให้โอกาสนางไถ่ถามก็บอกลานางไป

“พี่ชายมองเห็นล่วงหน้าแล้วหรือ!”

นางร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำยิ่งขึ้น

ครานั้นนางไม่เข้าใจความหมายของพี่ชาย และไม่รู้ว่าเคราะห์ที่พี่ชายว่าคือสิ่งใด

ต่อมานางได้รู้แล้ว!

นางเป็นเหมือนปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่น ๆ ได้ยินเสียงนั้นในวันหนึ่ง ถูกเสียงนั้นบงการ…และลงมือกับพี่ชาย!

“ข้าสมควรตาย!”

คิดมาถึงนี่ นางก็ร่ำไห้ใจแทบขาด ร่ำไห้ปานจะตาย พี่ชายดีกับนางถึงเพียงนี้ นางกลับทำร้ายพี่ชายถึงตาย!

นางเคียดแค้นความไร้สามารถของตน ชิงชังตัวเองที่ต้านทานแรงยั่วยุนั้นไม่ได้ เคียดแค้นตนที่ปกป้องพี่ชายไม่ได้!

มิน่าก่อนหน้านั้นพี่ชายถึงได้เอ่ยเช่นนั้นกับนาง เห็นได้ชัดว่าพี่ชายเล็งเห็นทุกอย่างแล้ว

เพราะอย่างนั้น ยามความด่างพร้อยในดินแดนใหม่ปะทุ นางก็บุกไปคนแรก ต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพราะอยากตายในสงครามใหญ่นั้นเพื่อจบชีวิตตนเอง

นางไม่ได้คิดแก้แค้นปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่น เพราะนางรู้ว่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านั้นเป็นผู้เคราะห์ร้ายเหมือน ๆ กัน พวกเขาถูกเสียงนั้นบงการ

คิดมาถึงนี่ นางก็เช็ดน้ำตาให้แห้ง หยุดร้องไห้

“เวลานั้นข้าผลีผลามเกินไป มุ่งหาแต่ความตาย บัดนี้ตรึกตรองดูแล้วข้าช่างโง่เขลานัก พี่ชายวิเศษสูงส่งปานใด ต่อให้ครานั้นสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิงจนไม่เหลือร่องรอย แต่พี่ชายไม่มีโอกาสคืนชีพกลับมาจริงหรือ”

นางส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยเสียงแน่วแน่ “ไม่ พี่ชายต้องคืนชีพอีกครั้งได้แน่นอน! พี่ชายมองเห็นทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกะทันหัน!”

ยามนั้น นางจมดิ่งในเหตุการณ์ที่พี่ชายตายจนตั้งสติไม่ได้ และไม่อาจให้อภัยตนเอง ปรารถนาแต่เพียงความตายจนมองข้ามปัญหาหลายอย่าง

มาตอนนี้เมื่อนางได้ใคร่ครวญ นางในอดีตนั้นช่างเบาปัญญาเสียจริง!

ในเมื่อพี่ชายมองเห็นทุกอย่างล่วงหน้าย่อมต้องมีการวางแผนไว้แล้ว ตอนนั้นนางไม่ควรมุ่งหาความตาย แต่ควรคิดหาวิธีคืนชีพพี่ชายถึงจะถูก!

“ข้าจะไม่ทำความผิดโง่งมเช่นนั้นอีก!”

นางเอ่ยเสียงเด็ดเดี่ยว “คราวนี้ ในเมื่อข้าได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ ย่อมต้องชุบชีวิตพี่ชายกลับมา! ชีวิตใหม่ในครานี้ของข้าไม่มีจุดประสงค์อื่น อยู่เพื่อคืนชีพพี่ชายเท่านั้น!”

นางหัวเราะเสียงเย็น

“ในอดีตปรมาจารย์ดินแดนใหม่ถูกเสียงนั้นบงการจึงไร้ความผิดก็จริง ทว่าบัดนี้น่ากลัวว่าไม่ได้ไร้ความผิดอีกแล้ว!”

นางเอ่ยเสียงเย็น “ผนึกดินแดนเก่าไว้เพื่อเหตุใด เพราะไม่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตดินแดนเก่ารับรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนใหม่หรือ พวกเจ้าคิดทำอันใด”

หลังคืนชีพกลับมา นางพบว่าดินแดนเก่าอยู่ในสภาพการณ์ถูกสะกด เหนือขึ้นไปเต็มไปด้วยร่องรอยของปรมาจารย์ดินแดนใหม่

แม้นางจะไม่รู้ว่าเหตุใดปรมาจารย์ดินแดนใหม่ถึงปิดผนึกดินแดนเก่า แต่นางรู้สึกว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

หลังปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ตื่นจากภวังค์ถูกบงการคงไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย ไม่เคยคิดชุบชีวิตพี่ชาย ที่ปิดผนึกดินแดนเก่าคงเพราะต้องการลบล้างทุกอย่างของพี่ชาย!

“พวกเจ้ากลัวว่าพี่ชายจะคืนชีพเพราะเหตุนี้หรือ”

สายตาของนางเยียบเย็น พี่ชายสูงส่งอย่างที่สุด หากสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าพากันสรรเสริญนามพี่ชายกันถ้วนหน้า ไม่แน่ว่าพี่ชายจะไม่คืนชีพกลับมา

ถึงอย่างไรพี่ชายก็ทรงพลังอย่างยิ่งยวด ขอบเขตลึกล้ำเกินหยั่ง คืนชีพด้วยพลังดวงจิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ต่อให้คืนชีพไม่ได้ แต่หากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันนึกถึงนามของพี่ชายก็คงช่วยในการคืนชีพของพี่ชายได้บ้าง

ดินแดนเก่าคือแดนเกิดของพี่ชาย หากนามของพี่ชายดังกึกก้องไปทั่วดินแดนเก่าย่อมส่งผลดีเหลือคณาอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่กลับสะกดดินแดนเก่าไว้เสียอย่างนั้น นางอดสงสัยไม่ได้ว่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ไม่ต้องการให้พี่ชายคืนชีพหรือไม่!

“พวกเจ้าตั้งใจจะเลยตามเลย ผิดให้ถึงที่สุดหรือ”

นางเอ่ยเสียงเย็น “ต้องทลายผนึกดินแดนเก่าให้ได้ หากพวกเจ้าไม่ต้องการให้พี่ชายคืนชีพจริง อยากเลยตามเลยผิดให้ถึงที่สุด ข้ามู่อวี่ขอสาบานว่าพวกเจ้าต้องชดใช้อย่างแสนสาหัสแน่นอน!”

ผู้ใดขัดขวางการคืนชีพของพี่ชาย นางย่อมไม่มีทางปล่อยไว้!

มู่อวี่คือชื่อของนาง

ภวังค์ความคิดกลับมายังปัจจุบัน เสียงฉินไพเราะเสนาะหูยังดังอยู่ นางสะท้อนอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “นี่เป็นลำนำเพราะเป็นอันดับสองที่ข้าเคยได้ยินมา!”

ลำนำแรกย่อมต้องเป็นลำนำที่พี่ชายเป็นผู้บรรเลง

ในใจของนาง ไม่มีผู้ใดแทนที่พี่ชายได้

“ไปเถิด ไปดูว่าผู้ใดกำลังบรรเลงอยู่…”

นางยืนขึ้น ใคร่รู้เป็นที่สุด คนระดับใดกันที่บรรเลงลำนำเช่นนี้ได้ นางอยากพบผู้บรรเลงยิ่งนัก

จากนั้น นางตามเสียงฉินไปถึงที่นั่น ได้เห็นลั่วสุ่ยผู้กำลังร่ายรำ และได้เห็นผู้บรรเลงฉิน…หลี่จิ่วเต้า!

“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาบริสุทธิ์เหลือเกิน…”

นางทอดมองหลี่จิ่วเต้า รู้สึกว่าหน้าตาของเขาไม่เลว บุคลิกหรือก็ดี

“มีคนระดับนี้ในดินแดนเก่าด้วยหรือ ผิดคาดยิ่งนัก”

ดวงตาของนางทอประกายประหลาด ในใจรู้สึกอึ้งงัน

เสียงฉินนี้ไม่ธรรมดา แฝงไว้ด้วยวิถีเพลงฉินสูงส่ง แม้แต่นางเองยังต้องสะท้าน ทอดถอนใจที่ทักษะฉินของตนเก่งกาจไม่ได้เท่านี้

นางแทบเชื่อไม่ลง!

ต้องรู้ว่าในอดีต พี่ชายเคยสอนสั่งวิถีแห่งฉินแก่นางมายาวนาน วิถีแห่งฉินของนางอยู่ในระดับสูงส่งแน่นอน

ทว่าเมื่อเทียบกับทักษะฉินของหลี่จิ่วเต้านางยังห่างชั้นไกลลิบ

วิถีแห่งฉินอันสูงส่งเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าฝึกด้วยตนเองหรือ

นางมองจ้องหลี่จิ่วเต้าด้วยความสะท้อนใจ มิน่านางถึงมองหลี่จิ่วเต้าไม่ออก คนผู้นี้น่าทึ่งยิ่งนัก ขอบเขตแท้จริงของเขาต้องสูงมากแน่นอน!

‘ดินแดนเก่าถูกสะกดแล้วยังมีบุคคลน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ปรากฏออกมาได้อีก คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ!’

นางคิดในใจ

‘ทว่าหากได้ไตร่ตรองดูแล้วกลับกลายเป็นว่าปกติ ดินแดนเก่าเป็นแดนเกิดของพี่ชาย อันที่จริงมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด มีบุคคลน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ไม่นับว่าแปลก ถึงอย่างไรแม้แต่ข้าที่ตายไปแล้วอย่างสิ้นเชิงยังคืนชีพขึ้นมาได้ในดินแดนเก่า สรรพสิ่งในดินแดนเก่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!’

นางคิดต่อ

เวลานั้น นางเหลือบไปเห็นฉินโบราณที่หลี่จิ่วเต้ากำลังบรรเลงแล้วต้องตะลึงอีกครา

“ฉินอะไรกัน เทียบกับฉินของพี่ชายมีแต่จะทรงพลังกว่า!”

นางสูดปาก

แม้นางจะไม่แน่ใจว่าฉินที่หลี่จิ่วเต้าบรรเลงมีระดับสูงเพียงใด แต่นางดูออกว่าฉินที่หลี่จิ่วเต้าบรรเลงไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินของพี่ชาย!

นางแทบเชื่อไม่ลงเลย!

พี่ชายเก่งกาจปานใด ฉินที่ใช้บรรเลงล้วนเป็นยอดศาสตราในยอดศาสตรา ไม่ใช่สิ่งที่ฉินอื่นเทียบเทียมได้!

บัดนี้นางกลับได้เห็นฉินที่ทรงพลังกว่าฉินของพี่ชาย ให้นางเชื่อได้อย่างไร ผิดจากที่นางคาดหมายไปมากเหลือเกิน!

หากไม่ใช่ว่านางรู้จักฉินที่พี่ชายมีดียิ่งกว่าอะไร นางคงนึกว่านี่คือฉินที่พี่ชายใช้แล้ว

‘ดินแดนเก่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ฉินโบราณนี้มาจากที่ใด ที่นี่ลุ่มลึกเหลือคณา! มิน่าถึงมีบุคคลสูงส่งอย่างหาไม่ได้เช่นพี่ชาย!’

นางคิดอย่างสะท้อนใจ

‘มู่อวี่…’

อีกด้าน ฉินอี๋อินเรียกชื่อมู่อวี่ในใจ เห็นได้ชัดว่ามันรู้จักมู่อวี่!

‘กลิ่นอายสงครามใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว!’

มันลอบถอนหายใจ

เวลานี้หลากหลายความรู้สึกปนเปอยู่ในใจมัน ทั้งอยากพบมู่อวี่ และไม่อยากพบมู่อวี่ในเวลาเดียวกัน

มันอยากพบมู่อวี่เพราะมันเองก็คิดถึงมู่อวี่มาก และที่มันไม่อยากพบมู่อวี่เพราะการปรากฏตัวของมู่อวี่บ่งบอกว่าวันที่ความจริงถูกเปิดเผยอยู่ไม่ไกลแล้ว

และวันที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย หมายความว่าสงครามใหญ่อันแท้จริงจักปะทุ!

‘หนนี้จะสำเร็จหรือไม่’

เมื่อนึกถึงสงครามใหญ่ที่ใกล้ปะทุ จิตใจของมันพลันสั่นสะท้าน เต็มไปด้วยความวิตก

คราวก่อน พวกเขาล้มเหลว

คราวนี้พวกเขาหวนคืนมาใหม่จะสำเร็จได้หรือไม่

มันเองก็ไม่ได้มั่นใจ

ศัตรูของคุณชายน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง!

หลังลำนำจบลง ลั่วสุ่ยก็เหินกลับมาจากอวกาศ มู่อวี่เหินตามมา นางอยากทำความรู้จักหลี่จิ่วเต้า

“สวัสดีสหาย”

มู่อวี่ลอยเข้ามาแผ่วเบา สวมอาภรณ์สีขาวผ้าโปร่ง ดวงหน้าสะคราญเมือง รูปร่างงามสะพรั่ง ทักทายหลี่จิ่วเต้าด้วยท่วงท่าสง่า

ชายหนุ่มมองมู่อวี่แล้วสะท้อนใจ โลกแห่งการฝึกตนนี่ดีต่อมนุษย์ยิ่งนัก โดยเฉพาะกับผู้ฝึกตน บุรุษหล่อเหลามีมาด สตรีงามพิลาสไร้ใดเปรียบ แต่ละคนล้วนมีหน้าตาน่ามอง

ซ้ำยังหน้าสดไร้เครื่องประทินโฉมอย่างสิ้นเชิง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท